4. วังหลวง เป็นที่พำนักของฮ่องเต้มาทุกรัชสมัย ผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นเวลายาวนานนัก มิว่ายุคสมัยใดบังลังก์มังกรยังเป็นที่ปราถนาของคนผู้มีความทะเยอทะยานเพื่อต้องการอยู่เหนือผู้อื่น บังลังก์ที่ทำด้วยทองสุกปรั่งแกะสลักมังกรหนุ่มรูปร่างสง่างามบนพนักพิง ที่ท้าวแขนแกะเป็นรูปมือมังกร ส่วนขาเก้าอี้แกะเป็นขามังกร ดวงตามันถูกประดับด้วยอัญมณีสูงค่า ทับทิมเม็ดใหญ่น้ำงามอย่างมิมีที่ติ ในมือมังกรยังมีลูกแก้วใสอีกลูกด้วย เก้าอี้มังกรตัวนี้นอกจากผ่านการเวลามามากแล้ว ยังผ่านสมรภูมิเลือดนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งเลือดจากศัตรูผู้ต้องการครอบครองแผ่นดิน ชนต่างเผ่าที่เข้ามารุกราน แม้นกระทั่งคนในสกุลเดียวกันเพื่อแย่งบัลลังก์กันเอง ใครชนะเป็นเจ้า ...........ช่างเป็นมังกรที่เลือกนายเสียจริงๆ หากผู้ที่ครอบครองมันมิมีคุณสมบัติคู่ควร ในเวลาเพียงไม่นานมันก็จักถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของเจ้าของคนใหม่........... และในตอนนี้ มันถูกครอบครองโดย ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าจักรพรรดิ์ แห่งราชวงศ์จู จูเฉินคัง มังกรตัวนั้นพอใจในเจ้านายคนนี้แล้วหรือ? มิมีใครให้คำตอบได้ แต่หากเปรียบตัวมังกรนี้กับสิ่งใดถึงจะเหมาะสม เราว่าการเปรียบมันนั้นกับประชาชนเป็นที่เหมาะที่สุด ........บังลังก์แห่งมังกร เปรียบดังบังลังก์แห่งประชาชนนั่นเอง
นี่ฮ่องเต้ท่านทรงงานในห้องพระอักษรอีกแล้วหรือ บุรุษผู้สูงวัย หากแต่มีสง่า แลดูภูมิฐานอย่างยิ่งในชุดผ้ามันปลาบสีดำ กับหมวกทรงจานมีพู่ห้อย และเครื่องประดับที่บ่งบอกระดับชั้นของขุนนางชั้นเอก
ถูกต้องแล้ว เมื่อสักครู่จะเราไปขอเข้าเฝ้า แต่ท่านมหาขันทีมาบอกเราก่อนว่า ฮ่องเต้มีพระประสงค์ทรงงานในห้องพระอักษร จักไม่พบใครนอกจากจะเรียกตัวให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว ผู้สนทนาด้วย เป็นบุรุษสูงวัย ผู้ซึ่งอยู่ในชุดแบบเดียวกัน
ท่านเสนาเฉิน ท่านว่าแปลกรึไม่ ฮ่องเต้ทำไมชอบทรงงานที่ห้องพระอักษรนัก อีกทั้งยังเป็นเวลานานๆ ที่ทรงไม่ออกมาว่าราชกิจ หากมีเรื่องอะไรต้องการกราบทูลด่วนต้องถวายฎีกาผ่าน มหาขันทีซั่นจื่อ เสนาบดีมหาดไทยกล่าว
ท่านเสนาหวู่ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว จริงอยู่ว่าที่ฮ่องเต้ทรงไม่ว่าราชกิจ ทั้งยังเก็บตัวอยู่แต่ห้องพระอักษร แต่ทุกครั้งที่เหล่าเสนาถวายฎีกาด่วนให้ฮ่องเต้ พระองค์ก็ทรงสั่งการกลับมาทุกครั้ง ซ้ำยังรู้ลึกถึงรายละเอียดของปัญหาที่ทูลไปเสียอีกด้วย ถ้าจะให้ข้าคิด ข้าว่าที่ฮ่องเต้ทรงเก็บตัวอยู่แต่ห้องพระอักษร เพราะว่าอาจทรงฟังรายงานของผู้แทนพระองค์ที่ทรงส่งไปสืบเรื่องราวในหัวเมืองต่างๆอยู่กระมัง
ดวงตาของเสนาบดีมหาดไทยหวู่ เปร่งประกายวูบขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบกล่าว ท่านเสนาเฉินหมายถึง ข่าวลือที่ว่ามีผู้แทนพระองค์ไปปรากฎตัวในที่ต่างๆ ในระยะ 1 2 ปีที่ผ่านมานี้นะเหรอ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า .....ท่านเสนาหวู่ ข้าเกรงว่านั่นจะมิใช่ข่าวลือซะแล้ว เมื่อเดือนที่แล้วข้าไปเยี่ยมขุนพลหวังที่ชายแดนทางใต้ ปรากฎว่าข้าได้พบตัวแทนพระองค์นั่นด้วย รู้สึกว่าจะชื่อ เว่ยเหยินคัง ข้ายังได้มีโอกาศดวลเหล้ากับเค้าเลยนะ คอทองแดงเชียวล่ะ เสนาเฉินหัวเราะลงลูกคอเมื่อนึกถึงความหลัง
เว่ยเหยินคัง ชื่อไม่คุ้นเลย ไม่ทราบว่าใต้เท้าพอจะรู้ที่มาที่ไปของผู้แทนพระองค์คนนี้บ้างรึไม่ เสนาหวู่ขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงว่าตนเป็นเสนาบดีฝ่ายมหาดไทย ผู้ที่จะรับราชการทั้งหลายทั้งปวงล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตนทั้งนั้น ทั้งจเจ้าเมือง นางอำเภอ เจ้าหน้าที่ต่างๆ แม้ว่าตำแหน่งที่สูงกว่าข้าราชการขั้นโทนั้นจะเป็นการแต่งตั้งจาก ฮ่องเต้โดยตรง หากแต่ในทุกครั้งก็จะมีการรายงานเข้ากระทรวงมหาดไทยอยู่ดี เพื่อเก็บข้อมูลตำแหน่ง และเบี้ยหวัดประจำตำแหน่งด้วย
ข้าไม่รู้รายละเอียดนักหรอก รู้เพียงแต่ว่าเป็นชาวหยาวโจวเท่านั้น เท่าที่ดูลักษณะมิเหมือนบัณฑิต กลับเหมือนชาวยุทธเสียมากกว่า รูปร่างกำยำ ท่าทีสง่างาม ทำเอาท่านขุนพลหวังของเราแลดูด้อยไปเลย แต่ดวงตาของมันกลับเป็นประกายเจิดจ้า เหมือนดั่งขุมความรู้ที่สุดหยั่งจริงๆ ไม่ว่าข้าชวนมันคุยเรื่องอะไร มันสามารถตอบและให้ข้อคิดแก่ข้าได้อย่างดียิ่ง จนข้าประหลาดใจนัก เหตุใดบุคคลผู้มีความสามารถเช่นนี้ ฮ่องเต้จึงไม่โปรดให้มันดำรงตำแหน่งอันใหญ่โตในราชสำนัก กลับให้ทำหน้าที่ผู้แทนพระองค์ที่ลึกลับแทน เสนาบดีกลาโหมเฉิน พูดอย่างพลางนึกเสียดายคนดีมาความสามารถ
ถ้าลองมีบุรุษใดที่ท่านเสนาเฉินกล่าวชมได้เพียงนี้ นับว่ามันต้องเป็นผู้ซึ่งมีความสามารถมากนักเป็นแน่แท้ ข้าเองก็ใคร่อยากได้พบพานสักครั้ง ท่านเสนาพอรู้รึไม่ว่าผู้แทนพระองค์แซ่เว่ย พำนักอยู่ที่ใด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่เป็นเรื่องน่าตลกอีกอย่าง ท่านเชื่อหรือไม่ผู้แทนพระองค์คนนี้ .................อาศัยซ่องนางโลมเป็นที่พำนัก...........ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสนาบดีเฉินหัวเราะอย่างนึกตลกขบขัน เมื่อนึกถึงวันที่เว่ยเหยินคัง บอกตนว่า จักมีที่พักอันใดเล่าสุขไปกว่า.....การมีสาวงามตะกรองกอด ....แม้นยามหนาวก็มิต้องหนาวเพียงลำพัง ....ชีวิตข้านี้มิรู้ว่าจะยาวสักแค่ไหน ....แต่หากว่าจะใช้ให้คุ้มค่า....ข้าเลือกนอนตายบนอกสตรีนั่นแล...
เสนาหวู่ ได้ยินก็พลันขมวดคิ้ว นึกไม่ชอบผู้แทนพระองค์คนนี้มากขึ้น วางตนไม่เหมาะสม เหตุใดฝ่าบาทจึงได้ให้เป็นผู้แทนองค์ได้นะ
ท่านเสนาหวู่อย่าได้คิดมาก ข้าว่าฮ่องเต้ทรงมีเหตุผลเป็นแน่ อาจเป็นเพราะทรงเห็นในความสามารถของมันก็เป็นได้ เสนาเฉินรีบกล่าวเมื่อเห็นสีหน้าของคู่สนทนา หากแต่สักครู่เดียวก็หัวเราะออกมาน้อยๆ ฮะ ฮะ แต่ข้าว่าคิดแบบมันมิผิด ถ้าหากฮูหยินของข้ามิใช่เสด็จอาของฮ่องเต้ เห็นทีข้าคงต้องไปขอคำแนะนำการใช้ชีวิตเยี่ยงนั้นสักครั้ง เสนาบดีกลาโหม พูดอย่างอารมณ์ดี ที่จริงนั้นเสนาเฉินนับเป็นพระญาติของฮ่องเต้ เนื่องจากฮูหยินของเสนาเฉินเป็นน้องสาวของไทเฮานั่นเอง
วันนี้ยังไงก็มิได้เข้าเฝ้าเป็นแน่แท้ ข้าไม่รู้เมื่อไรฝ่าบาทจะทรงเรียกประชุม ณ ท้องพระโรงอีก ท่านก็รู้ดีว่าหากพระองค์เข้าทรงงานที่ห้องพระอักษรโดยไม่ให้ผู้คนเข้าเฝ้าแบบนี้ คงเป็นเวลาหลายวันกว่าจะทรงเสด็จออก ณ ท้องพระโรงอีก เสนาหวู่กล่าวพลางทอดถอนใจ
หากท่านเสนามีเรื่องด่วนทำไมไม่ถวายฎีกาล่ะ? เสนาเฉินเสนอแนะ
ข้าไม่มีเรื่องด่วนอันใดหรอก บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดี เช่นนี้เป็นเพราะพระปรีชา และพระบารมี ประชาเป็นสุข ข้าราชการก็ทำงานโดยสุจริต ข้าเสนาบดีมหาดไทยแทบจะไม่มีอะไรจะทำไม่ว่า เสนาหวู่พูดต่อว่า ข้าเพียงแต่เป็นห่วงสุขภาพของฝ่าบาท ทรงเป็นพระประมุขของแผ่นดิน หากแต่ทรงทำงานหนักเกินไปจะล้มป่วย ข้าราชบริพารอย่างเราๆ กินเบี้ยหวัดแท้ๆ กลับมิได้ช่วยแบ่งเบางานอันใดเลย
เรื่องนี้เห็นจะจริง นับแต่ฮ่องเต้ครองราชย์มา ข้าก็เห็นพระองค์ทรงตรากตรำทำงานหนัก แม้นแผ่นดินจะสงบร่มเย็นดีแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงเฝ้าระวัง มิได้หย่อนยานแม้นแต่น้อย ทั้งยังได้กำชับพวกเรา ถึงความสำคัญของประชาชน หากประชาชนไม่สุข แต่ท่านสุข นับว่าผิด , หากประชาชนสุข แต่ท่านไม่สุข นั่นก็ผิดอีก, เพราะท่านจะแย่งชิงความสุขของประชาชนมาเสวยสุขส่วนตน ดังนั้น ประชาชนสุข ท่านก็ต้องสุขด้วย นี่แหละคือที่เหมาะสม ฝ่าบาทให้นโยบายบริหารบ้านเมืองเช่นนี้ ฝ่าบาทจึงตั้งอัตราค่าเบี้ยหวัดแก่ข้าราชการเสียใหม่ แม้นจะมากกว่าเดิมถึงเท่าตัว แต่กลับทำให้เงินเหลือในท้องพระคลังมากขึ้น เพราะประชาชนกินดีอยู่ดี จึงทำงานได้อย่างดีอย่างสบายใจ เบี้ยหวัดที่เก็บได้ก็เต็มเม็ดเต็มหน่วย ท้องพระคลังอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้บ้านเมืองสงบสุขเรื่อยมา...... เสนาเฉินซาบซึ้งในพระปรีชาของฮ่องเต้ ที่ทรงมีศักดิ์เป็นหลานของตนยิ่งนัก
จริงอยู่ ตอนนี้บ้านเมืองและทุกสิ่งล้วนดูดีไปเสียหมด แต่ข้าก็ยังอดห่วงมิได้อยู่ดี
ท่านเสนาเป็นห่วงเรื่องอันใดหรือ
ปีนี้ฮ่องเต้มีพระชันษา 30 แล้ว หากแต่ยังไม่มีพระโอรส ข้าเกรงว่าแผ่นดินที่สงบสุขนี้จะขาดผู้สืบทอดนะซิ เสนาหวู่พูดอย่างทอดถอนใจ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านเป็นห่วงเรื่องนั้นจริงๆ ฮ่องเต้ตรัสไว้มิผิด มิต้องเป็นห่วงหรอก เมื่อถึงเวลาโอรสสวรรค์ก็จะมาเองนั่นแหละเสนาเฉินกล่าว
ฝ่าบาททรงตรัสสิ่งใดกับท่านหรือ?
ทรงเคยตรัสกับข้านานมาแล้วว่า ....หากมีสิ่งใดที่ทำให้เสนาหวู่กลัดกลุ้มได้ คงเป็นเรื่องที่เรายังไม่มีทายาทกระมัง ถ้าเค้ามาปรึกษาท่านเรื่องนี้ ให้บอกเค้าไปว่า เมื่อถึงเวลาโอรสสวรรค์ก็จะมาเองนั่นแหละ แล้วกันนะ
.
เสนาหวู่อ้าปากค้างอยู่ครู่นึง กับสีหน้าอันตื่นตระหนก ก่อนจะจะกล่าวกับเสนาฉิน ฝ่าบาทพูดเช่นนั้นจริงหรือ?
ย่อมเป็นเรื่องจริง ข้าคิดไม่ถึงว่าท่านจะมาพูดกับข้าเรื่องนี้เหมือนกัน นับว่าฝ่าบาทคาดการณ์ได้แม่นยำนักเสนาเฉินหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะกล่าวท่านเสนา ข้าคิดว่าเวลานี้ตะวันเริ่มคล้อยแล้ว เรากลับไปที่จวนกันดีกว่า เดี๋ยวฮูหยินจะเป็นห่วง เสนาหวู่พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะพากันเดินไปยังทางเข้าวังที่มีเกี้ยวใหญ่จอดเรียงรายรอยู่
.........................................................................................................
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 48 19:48:30
จากคุณ :
กรีนทรี
- [
30 พ.ค. 48 19:29:06
]