เห็นเพื่อนๆชาวพันธ์ทิพย์ให้ความจริงใจในการติชมดี...ยังไงก็ขอฝากเรื่องสั้นชิ้นแรกไว้ให้พิจารณาด้วย...จะจิก จะกัดยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว...อย่ากระทืบหนูให้จมดินเลยนะคะ...ฮือๆยังอ่อนด้อยเรื่องชั่วโมงบินค่ะ
------------------------------------------------------------
ลำนำรักของไลลา
บทที่๑
ตอน
ผู้ชายใต้เงาจันทร์
ภายใต้ความเงียบสงัดของราตรีกาล
กลุ่มควันสีเทากระจายเจือจางในอากาศ เบื้องหน้าของชายหนุ่มที่นั่งเงียบงันอยู่บนเก้าอี้หวายริมระเบียง เสี้ยวหน้าเคร่งขรึมถูกฉาบทาด้วยแสงเงินยวงของดวงจันทร์
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวขยับ บางเบาตามสายลมโชยเอื่อย
กลุ่มควันสีเทาถูกพ่นออกมาอีกครั้งพร้อมลมหายใจที่ทอดยาว
สายตาคมเข้ม เหลือบขึ้นมองจันทร์เต็มดวงด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
ทุกคนที่รู้จักเขา ต่างมองว่าเขา เป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์เพอร์เฟคไปหมดทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะ...แต่นั่นเป็นเพียงเปลือกภายนอกของเขาทั้งนั้น! ไม่มีใครซักคนที่จะกะเทาะเปลือกที่ห่อหุ้มหัวใจเขาได้เลย
ในโลกเบี้ยวๆใบนี้
จะมีใครบ้างที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา
จะมีใครบ้าง
ที่รู้ถึงความเศร้า ที่เขาแอบซ่อนไว้ภายใต้เสียงหัวเราะ
จะมีใครบ้าง
ที่รู้ว่าเขากำลังอ้างว้าง ท่ามกลางผู้คนมากมาย
และจะมีใครบ้าง
ที่รู้ถึงความเลว ที่เขาแอบซ่อนไว้ในมุมมืดของจิตใต้สำนึก
ฮึ! ไม่มีใครรู้เคยรู้บ้างเลยหรือว่า
ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรหรือใครที่จะสมบูรณ์แบบได้เลยซักอย่าง
ชายหนุ่มพ่นกลุ่มควันสีเทาอีกครั้ง และความคิดคำนึงเป็นอันต้องจบสิ้นลง เมื่อได้ยินเสียงใสๆเพรียก หาเขา ท่ามกลางความว่างเปล่า
เขาหันไปมองร่างบางแต่อวบอิ่มไปทุกสัดส่วนที่ทอดร่างบนเตียงกว้างแต่ยับยุ่ง หลังจากที่มันได้รองรับกิจกรรมร่วมกันระหว่างเขากับเธอแบบมาราธอน เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
ร่างนั้นกำลังขยับกายลุกขึ้นนั่งโดยดึงผ้าห่มสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาบดบังผิวกายขาวเนียนในระดับอก ซึ่งเขารู้ดีว่าผิวเธอนั้นทั้งนุ่มและหอมแค่ไหน รวมทั้งเส้นผมยาวสีดำมันระยับ ซึ่งบัดนี้ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของเธอ นั้นช่างละเอียดนุ่มลื่นไม่ต่างอะไรกับเส้นไหมชั้นดีทีเดียว
ชายหนุ่มกดบุหรี่ที่ยังเหลืออยู่ครึ่งมวนกับที่เขี่ยบุหรี่และลุกขึ้นเดินผ่านกระจกบานเลื่อนที่เปิดค้างไว้ไปหาร่างงามเย้ายวนที่กำลังมองเขาทุกย่างก้าวด้วยดวงตาเปี่ยมรัก
ไหนคุณบอกว่าเลิกสูบบุหรี่แล้วไงคะ
เสียงใสๆเอ่ยถามเมื่อเขาขึ้นไปนั่งเคียงข้างบนเตียงกว้าง แต่ชายหนุ่มกลับยื่นหน้าเข้าไปใช้ริมฝีปากตนบดเคล้าอ้อยอิ่งกับเรียวปากนุ่มของเธออยู่ชั่วครู่ แล้วจึงให้คำตอบ
แค่กำลังน่ะ
ใกล้สำเร็จแล้ว
ดีค่ะ
เธอพูดพร้อมขยับร่างลงจากเตียง ก้มหยิบชิ้นส่วนของเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายตามพื้นขึ้นมาสวม โดยมีสายตาพราวระยับของชายหนุ่มจับจ้องทุกวินาที
เขากับเธอเรียนมหาลัยเดียวกันและเริ่มคบหาดูใจกัน ตอนขึ้นปี2
ยิ่งนานวัน
เธอก็ยิ่งมีความหมายและความสำคัญสำหรับเขามาก
เธอเปรียบดั่งลมหายใจของเขาเลยก็ว่าได้
ชีวิตนี้คงสูญสิ้นพร้อมดวงใจที่แตกสลายลงทันที
หากต้องเสียเธอไป
จนกระทั่งวันสำเร็จการศึกษาเขาก็ยังมีเธออยู่ข้างกาย และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอในค่ำคืน ก่อนที่เขาต้องไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาตามคำขอร้องแกมบังคับของบิดา
คืนนั้น
ช่างเป็นคืนที่แสนหวานดื่มด่ำ ไม่มีคำใดจะมาเปรียบเปรยได้เลย
เธอได้มอบสิ่งที่มีค่าอันสะอาดพิสุทธิ์ให้เขาได้ครอบครองเป็นคนแรก เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่า ต่อให้เขาอยู่ไกลสุดปลายฟ้า เธอก็จะยึดมั่นและรอคอยการกลับมาของเขา
ไม่ว่านานแค่ไหน เธอก็จะรอเขาเพียงผู้เดียว
ฉันกลับแล้วนะคะ
หญิงสาวหันมาบอก เมื่อสวมเสื้อผ้าและจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินมานั่งบนตักเขา และจุมพิตดื่มด่ำ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน รสจูบนี้ยังคงหวานล้ำ ไม่รู้จักคำว่าเบื่อเลยซักครา
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอาวรณ์และเหลือบมองแหวนทับทิมที่นิ้วนางข้างขวาของเธอ พร้อมรอยยิ้ม
นั่นเป็นแหวนวงแรกที่เขาซื้อและสวมให้เธอในค่ำคืนที่มีความหมายคืนนั้น และคิดว่า เมื่อเรียนจบกลับมาเขาจะซื้อแหวนเพรชน้ำงามอีกวงมาสวมนิ้วนางข้างซ้ายให้เธอ
คุณยังสวมแหวนวงนี้อีกหรือ
หญิงสาวเหลือบมองแหวนตามสายตาเขาและตอบพร้อมรอยยิ้ม
ค่ะ
ฉันจะสวมแหวนวงนี้ไปตลอดชีวิต
ร่างสูงก้าวออกมายืนริมระเบียง เมื่อหญิงสาวเดินออกไปจากห้องชุดราคาแพงของเขาแล้ว
บุหรี่มวนที่สองถูกจุดขึ้น
และกลุ่มควันสีเทาก็ถูกพ่นตามลมหายใจที่ทอดยาว อีกครั้ง
สายตาเงียบเหงาทอดมองจันทร์เต็มดวงด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ปลดปล่อยทุกอารมณ์และความรู้สึกทั้งหลายให้แหวกว่ายอยู่ในวังวนอันเย็นเยียบ
เพียงครู่เดียว
ทำนองเพลง Feel ของ Robbie Williams ดังแทรกขึ้นมาในความเงียบสงบ จากมือถือของชายหนุ่มที่วางไว้บนโต๊ะเล็กๆข้างหัวเตียง
เขาหันไปมองมันเหมือนเป็นสิ่งที่น่ารำคาญอยู่ชั่วครู่ ก็เดินไปดูเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอและหยิบมันขึ้นมากดรับเมื่อรู้ว่าเป็นบิดา
หวัดดีพ่อ
กลับมาจากประชุมที่เชียงใหม่แล้วเหรอ
อืมม์
เหนื่อยชะมัด คราวหน้าฉันให้แกไปแทนดีกว่า
ชายหนุ่มหัวเราะ หึๆในลำคอ พ่อก็พูดแบบนี้ทุกที แต่เห็นไปเองทุกที แล้วก็กลับมาบ่นทุกที
เสียงหัวเราะของผู้เป็นพ่อดังมาตามสาย กับคำประชดประชันนั่น
เออว่ะ
เอาเถอะ เรื่องนั้นช่างมันเหอะ ว่าแต่พรุ่งนี้แกจะมางานแซยิดของพ่อกี่โมงกี่ยามกันล่ะ
ก็เย็นๆนั่นล่ะ
ผมไม่ไปช่วยยกโต๊ะงานเลี้ยงหรอก
ผู้เป็นพ่อหัวเราะอีกครั้ง เออๆ
ฉันก็โทรมาเตือนเท่านั้นหละ แล้วงานนี้จะพาสาวคนไหนมาอีกล่ะ?
ดูก่อน
เขาตอบเสียงเรียบ
งั้น แค่นี้นะ
ฉันจะนอนแล้ว
กู๊ดไนท์ครับ
พ่อ เสียงตอบนั้นเบาหวิว ก่อนจะปิดโทรศัพท์ พร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ
หลังจากที่เขาบินไปเรียนต่อไม่นาน บิดาก็แต่งงานใหม่กับลูกสาวของเพื่อนนักธุรกิจคนหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ถูก ต้องเรียกว่า ลูกหนี้ จึงจะถือว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้อง และดูเหมือนว่าบิดาจะหลงผู้หญิงคนนี้มาก ไม่รู้ว่าจะหลงอะไรกันนักกันหนา เฝ้าแต่พูดชมว่าเธอดีอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ไปสารพัด จนเขาอดที่จะนึกหมั่นไส้ไม่ได้ หลายครั้งที่เขาคิดจะทำให้พ่อเลิกกับผู้หญิงคนนี้
แต่เขาก็ทำไม่ลง
หลังจากที่แม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เขาอายุ 10ขวบ พ่อก็ครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา จะมีเลี้ยงสาวๆบ้างตามประสาผู้ชายที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ เหมือนคนทั่วไป
แต่สุดท้าย พ่อกลับตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
โดยไม่บอกเขาซักคำ
พ่อคงรักผู้หญิงคนนี้จริงๆ และคงเสียใจมาก หากต้องสูญเสียเธอไป เพราะเขาเป็นสาเหตุ
เขาจึงได้แต่เก็บความอัดอั้น ที่เหมือนโซ่เหล็กมีหนามแหลมคมผูกตรึงรัดร่างเขาให้เจ็บปวดทรมาน
ไว้ในใจ
*************************************
สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์สีขาว ถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ความสวยงามเลิศหรูถูกบรรจงตกแต่งอย่างลงตัวทั้งภายในและภายนอกของตัวคฤหาสน์ได้สมฐานะของเจ้าของงาน
เสียงทักทายของชนชั้นสูงดังงึมงำไปทั่วบริเวณ คลอเคล้าเสียงเปียโนบรรเลงเบาๆโดยนักเปียโนชื่อดัง
บุรุษเจ้าของงานจูงมือภรรยาสาวเดินแยกจากกลุ่มแขกเหรื่อออกมาบริเวณหน้าคฤหาสน์ เมื่อเห็นร่างสูงของลูกชายเดินเคียงคู่มากับสาวสวยนางหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้า และคิดว่า
ลูกชายเปลี่ยนผู้หญิงคนใหม่อีกแล้ว
ชายหนุ่มแนะนำให้บิดารู้จักกับคู่ควงรายใหม่ของเขาพอเป็นพิธี พลางเหลือบสายตามองหญิงสาวที่มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง
และดวงตาคมสวยซึ้งนั้น กำลังมองสบเขา ภายใต้ใบหน้าเรียบสงบ
เพียงครู่เดียว เขาก็หันมาทางบิดา
แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะ พ่อ
ฮึ่ย
อย่ามาทับถมกันน่า อีกหน่อยแกก็เหมือนพ่อ
สองพ่อลูกยิ้มให้กันก่อนจะสนทนาด้วยเรื่องเบาๆ แต่ก็ไม่วายเป็นเรื่องธุรกิจอยู่ดี โดยที่สองสาวได้แต่ ยืนฟังไปเงียบๆ และพอดีกับบริกรหนุ่มถือถาดเครื่องดื่มเดินมาบริการพวกเขาถึงที่ การสนทนาจึงหยุดลงชั่วขณะ
ต่างคนต่างหยิบเครื่องดื่มที่ตนเองชอบขึ้นมาจิบแก้กระหาย
อ้าว! ฉันนึกว่าคืนนี้เธอจะสวมแหวนเพชรที่ฉันเพิ่งซื้อมาให้ซะอีก ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามภรรยาสาว เมื่อเห็นว่าเธอยังคงสวมแหวนทับทิมวงเดิมที่นิ้วนางข้างขวา แทนที่จะเป็นเพชรสีชมพูที่เขาซื้อให้เมื่ออาทิตย์ก่อน
หญิงสาวก้มมองแหวนทับทิมที่นิ้วตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบสามีพร้อมรอยยิ้มบางเบา
แค่ดิฉันสวมแหวนเพชรแต่งงานวงเดียวก็พอแล้วค่ะ ส่วนแหวนวงนี้ดิฉันรักมาก
ดิฉันจะสวมมันไปตลอดชีวิตของดิฉันค่ะ
อย่างนั้นหรอกหรือ
รู้อย่างนี้ฉันซื้อสร้อยเพชรให้เธอดีกว่า ชายสูงวัยยักไหล่ ไม่ติดใจสงสัยอะไร
มีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่รู้ความนัยของประโยคนี้
เขาแอบสบตาเธอ ซ่อนรอยยิ้มในดวงหน้า กับประโยคที่ว่า
ฉันจะสวมแหวนวงนี้ไปตลอดชีวิต
จบตอน
ผู้ชายใต้เงาจันทร์
จากคุณ :
มาดาม เค
- [
31 พ.ค. 48 12:06:38
]