CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    หัวใจเต้นเป็นจังหวะรัก (4)

    ตอบกระทู้ ก่อนค่ะ

    ความคิดเห็นที่ 1  

    พระเอกน่ารักจัง แจ่สั้นไปหน่อยนึง ขอยาวๆหน่อยจิ

    จากคุณ : mrs_ricken  - [ 30 พ.ค. 48 21:31:55 ]  

    ตอบค่ะ****ก็ไม่สั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ สามหน้าแล้วค่ะ
     




    ความคิดเห็นที่ 2  

    น่ารักจังเลยค่ะ
    ^O^/
    จะตามตอนต่อไปนะคะ

    จากคุณ : wayo  - [ 31 พ.ค. 48 01:45:05 ]  

    ตอบ****มาต่อแล้วค่ะ
     


    ความคิดเห็นที่ 3  

    นั่นสิ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นนะ (ท้องไส้)

    จากคุณ : scottie  - [ 31 พ.ค. 48 22:05:58 ]  

    ตอบ*******อือ**อาจไม่ใช่ก็ได้นะ**ต้องตาม     กัน          นานๆ
     


    ความคิดเห็นที่ 4  

    เมื่อไหร่จะถึงที่อ่านค้างไว้ซะทีนะ  

    จากคุณ : :::อาราเร่:::  - [ 1 มิ.ย. 48 09:10:07 ]  

    ตอบ***จำไม่ได้ค่ะว่าลงถึงตอนไหนแล้ว แต่ตอนนี้เขียนถึงตอนที่ 14 แล้วค่ะ

    คงอีกนานกว่าจะจบค่ะ
    *************************************

    ไม่ได้คุยกันจริงๆซะที ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามอยู่นะค่ะ  แม้ไม่ได้ทักทายกันจริงๆจังๆสักที

    เรื่องนี้ช่วงแรกๆออกเป็นแนวโรแมนติกหน่อย(ตอนแรกตั้งใจจะให้เป็นเรื่องรักโรแมนติก....แต่เขียนไปเขียนมาก็กลายเป็นดราม่าปน แนวฮ่องกงหน่อยๆ***ก้อย่าเพิ่งผิดหวังกับกีรตินะค่ะ เพราะอีกสักพักจะมีตัวละครใหม่ๆเพิ่มมาอีก*******
             ความสัมพันธ์ระหว่าอาริตากับจักรกฤษณ์ อาจยังสับสน แต่อีกสองสามตอนก็เฉลย แล้วค่ะ แล้วก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่อไป (หลายตอนที่ผ่านมาก็เป็นแค่เกริ่นนำเฉยๆ)
            ชอบไม่ชอบยังไง ติชมได้นะค่ะ
    ********************************
    ตอนที่ 4 ความในใจ


    เสียงกริ๊งโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่อาริตาอ่านหนังสืออยู่ เธอยื่นมือควานหาโทรศัพท์ที่อยู่ในกองหนังสือข้างๆโต๊ะญี่ปุ่น

    “ฮัลโล...”

    เธอกรอกเสียงไป สายตายังอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยู่

    “สวัสดีจ๊ะ ตา ทำอะไรอยู่”

    หญิงสาวที่อ่านหนังสือเคร่งเครียดอยู่ถึงกับยิ้มออกมาน้อยๆ

    “อ่านหนังสืออยู่ค่ะ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว....”

    “นั่นสินะ...แป๊บเดียว อีกไม่กี่เดือนเธอก็จบแล้ว...”

    “ใช่แล้วค่ะ...ก็เลยวุ่นๆหน่อย งานต้องส่งเพียบ”

    เธอบอก ยื่นมือไปหยีบหนังสืออีกเล่มมาเปิดๆ

    “อือ....แล้วเป็นไงบ้าง”

    น้ำเสียงของชลธิชา ล้อๆ อาริตาถึงกับขมวดคิ้ว

    “อะไรหรือค่ะ...น้ำหมายถึงอะไร เรื่องเรียนหรือ....”

    “ไม่ต้องปิดหรอก ฉันมีสายนะก็หนุ่มละอ่อนข้างๆห้องไง...ได้ข่าวว่าไปไหนด้วยกันบ่อยๆ”


    อาริตาทำหน้างงๆ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

    “นี่สายข่าวประเภทไหน...หมายถึง ติหรือค่ะ..”
    “นั่นไงใช่ไหม....เรียกกันซะสนิท”

    “โอ้ย...นั่นนะรุ่นน้องนะ หมอนั้นนะนะแค่เพื่อน จะบ้าหรือเปล่าใครนะปล่อยข่าว”

    ชลธิชาทำน้ำเสียงประชด

    “น้องชาย รุ่นน้องอะไร..ความจริงเขาก็ไม่เลวนะ คิดดูดีๆ”

    “ไม่มีทางค่ะ  น้ำ ตาไม่เคยคิดอะไรเลยจริงๆ แต่ก็ยอมรับนะว่าติก็นิสัยดี...แต่นั่นเด็ก...”

    “เชอะ เลือกมากไปเถอะ....แล้วจะเสียใจ”

    “จ้าขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตอนนี้...ขอเรียนให้จบก่อนอีกไม่กี่เดือนเอง...”

    อาริตาบอก.....หันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะเบาๆ
    “เออ...น้ำมีคนมาพอก่อนนะ....”
    เธอบอกก่อนวางสายโทรศัพท์ลง  แล้วลุกไปเปิดประตู เห็นกีรติผมยุ่งๆ หอบหนังสือปึกใหญ่ยืนอยู่..เมื่อหล่อนเปิดประตูเขารีบแทรกตัวเข้ามาในห้อง เดินไปที่โต๊ะญี่ปุ่นนั่งลงตรงนั้น หญิงสาวมองตาม


    “เฮ้ย...นี่หมายความว่าไง...มาถึงไม่พูดอะไร เข้ามาเฉยๆนี่นะ”


    เธอเดินมาเท้าสะเอวตรงหน้าชายหนุ่ม กีรติหาว

    “แค่นี้ทำบ่น เจ๊ได้ยิน เจ้าชัย กะ เคนมา...”

    กีรติพูดถึงเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของเขา ที่หล่อนเพิ่งรู้จักไม่นาน

    “ใช่....เห็นแล้วเมื่อตอนเย็น เค้าก็มาพักกะนายนี่..”

    “ก็มันทั้งดูหนังฟังเพลงแบบนั้น ใครจะไปอ่านหนังสือรู้เรื่อง...”
    กีรติทำเสียงเซ็งๆ เปิดหนังสืออ่าน
    หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้าม

    “นายก็บอกเพื่อนไปซิว่า ต้องสอบ หรือถ้ากวนนายมากๆก้ให้กลับไปบ้าน”

    “ได้ไงล่ะเจ๊.....เคน กำลังอกหัก...เจ้าชัยถึงอยู่ตามแจ ผมเองนะไม่ไว้ใจให้เคนอยู่คนเดียวหรอก เจ้าเคนยิ่งสติแตกง่ายๆอยู่ อยุ่ที่นี่ดีแล้ว”

    เขาเงยหน้าสบตากับหญิงสาวที่บึ้งๆ

    “อ๋อ นายก็เลยมาที่นี่ซิ..”

    “พูดมากน่าเจ๊ คิดว่าช่วยน้องช่วยนุ่งเป็นไง”

    เขาทำเสียงไม่สนใจ หญิงสวมองค้อน ก่อนปาหนังสือใส่ตัวชายหนุ่มแรงๆ

    “เชอะ...”

    ชายหนุ่มรับได้ ทำสายตาล้อเลียน

    “นายมันกวนจริงๆ ให้ตายเถอะชั้นหลวมตัวเป็นเพื่อนนายได้ไงนี่”

    ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือ

    “ไม่คุยล่ะ พรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนนใหญ่ด้วย.....ไม่ต้องมองผมแบบนั้น..อ่าน...อ่าน...”

    เขาบอกอาริตา ยังมองเขาตาเขียว แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังที่เขาอ่านหนังสือ หล่อนอจึงยอมลามือ แล้วก้มลงอ่านหนังสือของตัวเอง  เป็นครั้งแรกที่หล่อนเห็นสีหน้าของกีรติที่ดูมุ่งมั่นแบบนี้ ปกติเขาดูร่าเริงแจ่มใส นี่อาจทำให้เธอสนิทกับเขาง่ายๆทั้งๆที่เพิ่งรุ้จักกัน หรือเพราะว่าเธออยู่ในช่วงไม่สบายพอได้รู้จัก คุยเขาแล้วทำให้ลืมเรื่องหลายๆเรื่องไปได้

    เธอมองหน้ากีรติไม่รู้ แต่มารู้ตัวอีกครั้ง ก็เห็นสายตาเขาที่ประสานตามอง เธอเช่นกัน

    “อือ...หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือ..”

    หญิงสาวถึงกับหน้าร้อนผ่าวแดงจัด เพราะตั้งตัวไม่ทัน นึกโกรธตัวเองที่เผลอมองเขาเสียนาน
    ชายหนุ่มอมยิ้ม
    “หรือว่าผมหล่อเสียจนอดใจไม่ไหว”
    ใจเธอเต้นแรงขึ้น หน้ายิ่งแดงจัดกว่าเดิม

    “บ้า...แหวะ....อย่างนายนะ..หล่อ...แค่พอไปวัดไปวาได้”

    อาริตาบอกไม่เต็มเสียง จู่ๆเธอก้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที หล่อนไม่ชอบที่จะตกเป็นลูกไล่ใครเลย ไม่บ่อยนักที่เธอจะรู้สึกแบบนี้

    “จริงน่ะ....แล้วทำไมถึงมองผมเสียนาน”

    ชายหนุ่มไล่เบี้ย มองเธอตรงๆ
    “เพราะว่าฉันกำลังนึกถึงผู้ชายอีกคนที่เคยนั่งตรงที่เธอ....”

    หล่อนโพล่งออกมาอย่างไม่คิด กีรติถึงกับสีหน้าเงียบขรึมไปทันที หญิงสาวเหมือนรู้ตัวว่าพูดผิดไป เธอหลบตาชายหนุ่ม

    “ยังไงผมว่า เขาก็หล่อสู้ผมไม่ได้หรอก....”

    ในทีสุดเขาพูดออกมา เธอมองหน้าเบ้ๆของเขาอีกครั้ง  มองนิ่งแล้วไหวไหล่น้อยๆ

    “ถ้านายหล่อ ในโลกนี้คงไม่มีใครขี้เหล่อีก”

    น้ำเสียงหยันๆ แล้วทั้งคู่ก็เงียบไป เธอก้มเหมือนอ่านหนังสือต่อแต่ อ่านไม่รู้เรื่องแล้ว เธอลุกขึ้นอีกครั้ง

    “ดื่มกาแฟไหม”เธอถามชายหนุ่มเดินไปที่หลังห้อง

    “ครับ...”
    หญิงสาวหันมองชายหนุ่ม รู้สึกสับสนตัวเอง แล้วสรุปว่าตัวเองคิดมากไปเพราะคนอื่นพูด

    “โอ้ย...” เธอร้องหลงเมื่อน้ำร้อนลวกมือ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หันมามอง รับลุกตรงมาที่หญิงสาว
    จับมือหล่อนขึ้นมา...

    “ทำไมไม่ระวังเลย” เขาดุเบาๆ เธอจะดึงมือกลับ แต่เขาจับไว้แน่น

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่น้ำร้อนลวก”
    “ไม่เป็นไรได้ยังไง ดูซิลวกตั้งเยอะ มือขวาด้วย แล้วจะเขียนหนังสือยังไงใกล้สอบแล้วด้วย”

    เขาบอกอย่างไม่พอใจ แต่เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วง หล่อนเงยหน้ามองเขาอยู่เพียงใกล้ๆแค่นี้ ชายหนุ่มเดินไปในห้องน้ำหยิบยาสีฟันมาทาให้ที่นิ้วมือ

    “นึกไม่ถึงเธอยังใช้วิธีโบราณแบบนี้อยู่”
    เขามองมาสายตาดุๆ

    “วีธีโบราณได้ผลดีนะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆผมซน คุณแม่มักทำแบบนี้”

    อาริตาดึงมือออกเมื่อเขาทายาทที่แผลแรงไป

    “เจ็บนะ...เบาๆหน่อยซิ”

    “ขอโทษ..ผมเบาที่สุดแล้วนี่” เขาบอกเบาๆพร้อมเป่าที่มืออย่างตั้งใจ หญิงสาวมองดู ยิ้มจางๆ

    “ขอบใจนะไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

    เธอถอยออกมา ชายหนุ่มรุ่นน้องหันไปเก็บแก้วกาแฟที่หกอยู่ข้างๆ

    “คราวหลังทำอะไรต้องระวังหน่อยนะ ใกล้สอบแล้ว...”
    “อือ...คิดไปคิดมาก็ดีนะอีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว..แต่เธอคงเหนื่อยอีกนาน”
    เธอบอกพร้อมคอยสังเกตชายหนุ่ม เห็นเขาเงียบไปไม่ตอบ กีรตเดินไปซักผ้าผืนเล็กๆที่เช็ดน้ำกาแฟ แล้วตากที่ราวระเบียงเล็กๆด้านนอก มองดูแสงไฟระยิบระยับจากตึกระฟ้าที่อยู่ไกลๆ แล้วก้มมองสวนสาธารณะด้านล่าง

    “สวยใช่ไหมล่ะ....” เสียงดังมาจากด้านหลังหญิงสาวเดินมาข้างๆ ชายหนุ่ม
    “อือ....นึกไม่ถึง ที่นี่จะมองเห็นสวนข้างล่างด้วย....”
    “ห้องนายก็เห็นนี่น่า....ตรงนี้อยู่หัวมุมพอก็เลยเห็นมุมกว้าง”
    “ชิงช้าตัวนั้น...ที่ผมนั่ง เราเจอกันครั้งแรก”

    เธอหันมายิ้ม กีรติสบตากับเธอ หญิงสาวยื่นนิ่ง เขายื่นมือจับแขนเธอ โน้มตัวลง อาริตายืนนิ่งหลับตาลง แล้วกีรติต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังหลายครั้ง หญิงสาวลืมตาขึ้นหน้าแดง ชายหนุ่มเองเมินหน้าหนี ตบแขนตัวเองหลายที

    “โอ้ย...ทำไมยุงมันเยอะแบบนี้นะ”
    อาริตามองค้อน

    “ตัวใหญ่มากเลย...อย่างนี้ต้องใช้หมัดชก”
    หล่อนพูดยังไม่ทันจบ ก็เดินไปเปิดประตู ชายหนุ่มร่างสูงในชุดทำงานชายเสื้อหลุดหลุ่ย ในสภาพเมามาย ยืนส่งยิ้มให้ หญิงสาวยืนตะลึง

    “ตา...”

    ว่าแล้วเขาก็โผรวบตัวหล่อนมากอดแน่น

    “พี่กริช...” หล่อนมองชายหนุ่มที่มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง  


    “ตา.....”

    หญิงสาวหนักแทบรับน้ำหนักของชายหนุ่มไม่ไหว พาเขาเข้ามาในห้องอย่างทุลักทุเล

    “ไปทำอะไรมานี่....พี่กริชทำไมเมาแบบนี้”


    หล่อนถาม แล้วสายตาก็ชะงักเมื่อเห็นสายตาเขียวของกีรติมองมา

    “เอ่อ...ติ...ช่วยหน่อยซิ ฉันหนักจะแย่อยู่แล้ว”
    กีรติเดินมาช่วยอย่างไม่เต็มใจ หิ้วปีกของจักรกฤษณ์

    “ไปไว้ที่เตียง” อาริตาบอกอย่างไม่สบายใจนัก กีรติเหมือนแกล้งเขาวางร่างจักฤษณ์แรงๆบนเตียง

    “เบาๆหน่อยซิ..เดี๋ยวพี่กฤษณ์ ก็เจ็บกันพอดี”
    หล่อนต่อว่า
    “เขาไม่เจ็บหรอกเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้” กีรติสวนทันที มองด้วยหางตา
    หญิงสาวหน้าบึ้ง
    “ถ้าเขาบาดเจ็บมาจะทำอย่างไร”
    “ห่วงเขามากนี่......”

    “ใช่...ฉันห่วงเขามาก แล้วนี่เป็นเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับนาย...”

    “ใช่ไม่เกี่ยวกับผมหรอกจะทำอะไรก็เชิญ”
    เขากระแทกเสียง  ว่าแล้วเขาเดินไปนั่งกับพื้นที่โต๊ะญี่ป่นอีกครั้ง หญิงสาวมองตาม
    “กีรติ....” หล่อนร้องเตือนเสียงเข้ม

    “ผมบอกว่าคืนนี้จะอ่านหนังสือที่นี่ ใครอยากทำอะไรก็เชิญ”

    หญิงสาวอดโมโหไม่ได้ จับหมอนที่อยู่ใกล้ตัวได้แล้วโยนใส่ชายหนุ่ม

    “ฉันโมโหนายมากๆเลยนะ”

    “ผมว่าแทนที่จะสนใจผมไปดูเพื่อนเจ๊ดีกว่า กำลังจะอาเจียนแล้ว”

    หญิงสาวตกใจ หันไปมองดูจักรกฤษณ์

    “โถ พี่กริช อย่าเพิ่งออกนะ” หล่อนรีบฉุดชายหนุ่มขึ้น พาไปในห้องน้ำ เขาอาเจียนออกมา หญิงสาวช่วยจนพาเขากลับมาที่เตียงอีกครั้ง เขาก็ หลับสนิทไป

    เธอหันมามองกรีติอีกครั้ง ที่นั่งอยู่ที่เดิม เธอย่อตัวนั่งตรงข้าม ต่างฝ่ายต่างเงียบไปทั้งคู่ นานกว่าที่หญิงสาวจะพูดออกมาเสียงขรึมๆ

    “ฉันรักพี่กริช....ฉันรักพี่กริชมาก.”

    กีรติรู้สึกใจหายวาบ แล้วทันใดนั้นเหมือนเลือดในกายของเขาเดือดราวกับน้ำร้อน จ้องหญิงสาวนิ่ง

    ***************************
    *******

    จากคุณ : grinny2545 - [ 2 มิ.ย. 48 20:02:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป