ป้ายผ้าคำขวัญมหาวิทยาลัยถูกผูกไว้ที่หน้าหอและคาเฟทีเรียทั้งๆที่เมื่อวานนี้ยังไม่มี คาดว่าพวกรุ่นพี่คงเพิ่งจะเขียนเสร็จเมื่อคืนนี้เอง ข้อความในนั้นทำให้มินตรารู้สึกถึงความเป็นชาวมหาวิทยาลัยมหิดล
ดินแดนแห่งมนุษยธรรมและน้ำใจ มหาวิทยาลัยเพื่อปวงชน
ในความคิดของเธอ งานรับน้องมหาวิทยาลัยก็คงเป็นงานที่จัดขึ้นให้พี่ได้แกล้งน้อง ต้องมีอะไรที่มันเลอะเทอะสกปรก ต้องบังคับขู่เข็ญให้น้องทำสิ่งที่ไม่อยากทำ และเป็นงานที่รุ่นพี่ผู้ชายได้ปะแป้งลูบหน้าน้องใหม่สาวๆ
เสียงพี่ผู้ชายประจำซุ้มตวาดเสียงดังลั่นขัดจังหวะความคิดของเธอ
"เอาล่ะ มากันครบก็ดีแล้ว พี่รู้ว่านี่เป็นซุ้มแรกของพวกน้องๆ ก็คงไม่อยากจะตัวเลอะไปจนถึงบ่ายแต่ไม่เป็นไรพี่ขอคนอาสาเข้าซุ้มกลุ่มละ 6 คนมีใครจะออกมาบ้าง
"
กลุ่มของเธอเดินออกไปเป็นกลุ่มแรกขณะที่กลุ่มอื่นอิดออดกัน บางกลุ่มก็ถกเถียงเกี่ยงกันไม่ยอมออกไปจนพี่กลุ่มส่วนใหญ่ต้องเข้ามาเลือกคนเอง
ที่พวกเธอไม่เกี่ยงกันเพราะไม่ใช่เพราะว่าอยากเล่นหรือทำตัวเป็นคนดี แต่เพราะว่ากลุ่ม44-45 ของเธอที่เมื่อวานยังมีสมาชิกอยู่ถึง 9 คนตอนนี้เหลือแค่ 6 คนเท่านั้น
สาเหตุก็คงเพราะพวกนั้นอยากจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่รู้จักกันมากกว่า
"เงียบๆ....พี่ให้เดินออกมาใช้ขาเดินไม่ได้ใช้ปาก หรือใครอยากจะลองใช้ปากเดินหา.."
เงียบกริบ
แต่พวกพี่กลุ่มด้านหลังที่ร้ายๆหน่อยพูดแซว
"ดุยังกะหมา"
"ออกไป"
น้ำเสียงเรียบๆแต่ฟังดูเฉียบขาด แล้วพี่ซุ้มผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนก็เดินเข้าไปอัญเชิญคนปากเสียออกไปสงบปากไกลจากอาณาบริเวณของซุ้ม
คราวนี้ไม่ใช่แค่น้องใหม่ที่เงียบ เสียงของพวกพี่กลุ่มด้านหลังที่เคยคุยกันก็พลอยสงบลงไปด้วย
"เอาล่ะ วันนี้พี่มีกฎที่น้องต้องจดจำและทำตามอย่างเคร่งครัดไปจนกว่าจะจบวันนี้ฟังไว้ให้ดี
ข้อหนึ่ง...คำสั่งของพี่ถือเป็นเด็ดขาดน้องทุกคนต้องทำอย่างเคร่งครัดและไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น.."
มินตราเห็นรุ่นพี่หน้าดุมองไปรอบๆราวกับจะหาคนผิดมาให้ได้สักคนแล้วพูดต่อ
"ข้อสอง...ถ้าน้องเห็นว่าคำสั่งพี่น่าจะทำไม่ได้หรืออาจจะผิดหรืออาจจะไม่แน่ใจให้ย้อนกลับไปทำตามกฎข้อแรก..."
น้องใหม่มองหน้ากันอย่าง'ขวัญเสีย'เพราะเสียงดุๆของพี่คนนี้ฟังก็รู้ว่าเอาจริง
"ตอนนี้มุดซุ้มได้แล้ว...ไปให้เร็วที่สุด ไป....ไป"
สิ้นเสียงสั่ง..พวกพี่ซุ้มก็เข้ามาไล้น้องที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดให้วิ่งตามกันไปลอดทางที่ขุดไว้อย่างลวกๆมีทั้งส่วนที่เป็นเนินชันและส่วนที่ต้องมุดลอด เสียงร้องไล่ดังเอะอะกับเสียงไม้ตีกับหลังคาซุ้มทำให้ทุกคนวิ่งกันอย่างลืมเหนื่อย
คนหลังวิ่งไล่ตามมาจนแทบจะเหมือนผลักคนที่อยู่ข้างหน้า จนเธอต้องหันไปช่วยพยุง 'กัน'เพื่อนสาวที่ล้มอยู่หลายครั้งเพราะไม่อย่างนั้นคนข้างหลังก็จะไปต่อไม่ได้
พอสุดทางพวกรุ่นพี่ผู้หญิงคอยป้ายหน้าน้องๆให้เลอะแป้งกันโดยถ้วนทั่วแล้วแต่ใครหลบได้มากได้น้อย ตัวเปื้อนโคลนหน้าเปื้อนแป้งดูตลกดีพิลึกแต่ถึงอยากจะขำก็ขำกันไม่ออก
...ใครจะไปคิดว่าเส้นทางสั้นๆนี่จะทำให้พวกเธอเหนื่อยหอบกันถึงขนาดนี้
พี่ซุ้มคนที่คอยตวาดไล่พวกเธอยืนปั้นหน้าเข้มคอยจนคนสุดท้ายผ่านออกมาครบแล้วก็พูด
"ตอนนี้น้องๆกลุ่มนี้ทุกคนก็ได้ผ่านซุ้มนี้กันแล้ว เอาล่ะคราวนี้ตาพี่บ้าง"
ก่อนที่พวกเธอจะเข้าใจว่าพี่เขาพูดถึงเรื่องอะไร รุ่นพี่จอมโหดคนนั้นก็วิ่งมุดลอดซุ้มด้วยความรวดเร็วเสียยิ่งกว่าพวกเราซะอีก โดยที่พวกรุ่นพี่ที่อยู่รอบๆยังคงทำหน้าที่เดิม ทั้งเอาไม้ตีไปรอบทำเสียงดังคอยไล่และสุดท้ายยังป้ายหน้าเสียจนแทบมองหาผิวหน้าแท้ๆไม่เจอ
รุ่นพี่จอมโหดคนนั้นมีสภาพไม่ต่างจากพวกเธอตอนนี้เท่าไรแต่ก็แปลกที่พวกเราไม่รู้สึกตลอกสักนิดเมื่อเขาเดินออกมาพูดอย่างจริงจัง
"การผ่านซุ้มก็เหมือนกับปัญหาที่น้องต้องพบในระหว่างที่เรียนอยู่ที่นี่ พวกน้องหลายคนเลือกที่จะแซงคนอื่นไปและทิ้งคนที่ช้าไว้ข้างหลัง แต่ก็มีบางคนที่เลือกจะพาเพื่อนๆตามกันขึ้นไปและตามคนอื่นไปอย่างเชื่องช้า...
แต่สิ่งที่น้องควรจะรู้ไว้ก็คือทุกคนต่างก็ผ่านซุ้มนี้กันได้และไปสู่จุดหมายกันทุกคน น้องจะไปแบบตัวคนเดียวไม่คบใครก็ได้หรือจะไปอย่างคนที่มีเพื่อนมากมายก็ได้ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิด...แต่มันเป็นทางเลือก
...เลือกที่จะเสียสละ ทำเพื่อผู้อื่น
...เลือกที่จะเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ หรือแม้แต่ไม่คบใคร
มหาวิทยาลัยก็คือโลกใบเล็กที่น้องทุกคนสามารถทดลองทำสิ่งต่างๆได้เหมือนสิ่งที่จะเกิดในสังคมจริง ที่นี่น้องจะหามิตรภาพและหาความจริงใจได้ง่ายกว่าโลกภายนอก..."
รุ่นพี่คนนั้นกวาดตามองไปที่รุ่นน้องทุกคนอีกรอบก่อนพูดต่อ
"ความเครียด ความกลัว ความเจ็บใจที่น้องจะได้รับจากโลกความจริงมีมากกว่าที่น้องได้รับจากซุ้มนี้มากมายนัก จำเอาไว้ให้ดี เก็บไปคิดและตัดสินใจให้ดีว่าแต่ละปีที่น้องเรียนที่นี่น้องจะค้นหาอะไร ขอให้น้องทุกคนโชคดีครับ"
จบซุ้มนี้ไปอย่างไม่ทันรู้ตัวแล้วมินตราและน้องใหม่ก็ถูกรุ่นพี่พาไปตามซุ้มต่างๆตั้งแต่เช้าไปยันบ่าย ได้มีโอกาสพักแค่ช่วงเที่ยงไม่ถึงชั่วโมงดีด้วยซ้ำ
น่าสนุกดีแต่ก็เหนื่อยแทบขาดใจเพราะทุกคนในกลุ่มต้องออกไปเล่นกิจกรรมทุกครั้งไม่มีคนมาผลัดเปลี่ยนมีแต่บางครั้งที่คนในกลุ่มไม่พอพี่กลุ่มก็ต้องลงมาเล่นด้วย เหนื่อยจนมินตราเผลอหลับตาลง
"ดื่มน้ำหน่อยนะ น้องมิน"
เสียงทุ้มนุ่มกล่าวอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ศิ มินแค่อยากพักสายตานิดหน่อย"
ความจริงก็ไม่ใช่แค่เธอ เพราะทั้งกลุ่มของเธอดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกันไปหมด แม้แต่'นายเล็ก'ที่ปกติหน้าตาไม่เคยแสดงอะไรออกมายังทำหน้าเหนื่อย
ศิขรินยิ้มอย่างอ่อนโยน
"น้องๆครับ ทนอีกนิดนะครับที่นี่ที่สุดท้ายแล้ว เดี๋ยวทุกคนจะได้ไปพักไปอาบน้ำกันให้เรียบร้อย ใครอยากจะนอนก็ไปนอนได้เลยเพราะคืนนี้เราคงต้องอยู่ดึก"
...ทำยังไงได้ไม่ทนก็ต้องทนแหละ มากันจนขนาดนี้แล้วนี่นะ
...
มินตราอาบน้ำเสร็จก็มานอนพักที่เตียงแต่กลับไม่สามารถหลับตาลงได้อย่างที่ตั้งใจทั้งๆที่เหนื่อยจนแทบจะลุกไม่ไหว ถึงซุ้มสุดท้ายไม่ต้องลุยหนักเท่าที่ผ่านๆมาแต่ก็ต้องวิ่งวุ่นวายไปหมดเพื่อหาของที่รุ่นพี่ซ่อนไว้ จะว่าสนุกก็สนุกแต่เธอก็ยังนึกไม่ออกว่าพี่ๆต้องการจะบอกอะไรพวกเธอ
...ถึงจะมีแต่เหนื่อยขนาดนี้ ให้คิดอะไรเธอก็คิดไม่ออกแล้วล่ะ
เธอหยิบไดอารี่เล่มใหม่ที่เธอตั้งใจว่าจะใช้สำหรับช่วงเวลาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยขึ้นมาพลิกดู
...น่าแปลกที่มีเรื่องราวมากมายเต็มไปหมดที่เธออยากจะเขียน
...มากเสียจนไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นถ้อยคำอย่างที่ใจปรารถนา
แล้วจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูจนเธอต้องลุกขึ้นไปดู
"น้องมินอยู่หรือเปล่าคะ"
รุ่นพี่คนสวยที่โต๊ะลงทะเบียนนั่นเอง จำได้ว่าพี่เขาติดป้ายชื่อไว้แต่วันนั้นเธอไม่ได้สนใจเลยไม่ได้อ่าน
"พี่..."
"ปูจ้ะ...พี่มีเรื่องจะรบกวนน้องนิดนึงนะคะ"
เธอเปิดประตูให้รุ่นพี่คนสวยเข้ามาในห้อง แล้วก็เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ยังกับว่าจะเดินทางไกลวางไว้ข้างตัวรุ่นพี่
...คงจะเห็นเธอทำสีหน้าสงสัย พี่ปูเลยรีบบอก
"พอดีพี่ไปซ้อมเชียร์เมื่อวานน่ะสิ เลยต้องขนเอาชุดกับอุปกรณ์ติดตัวไปด้วย รีบมาเสียจนไม่ทันเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำ จะใส่ชุดนักศึกษาก็กลัวน้องๆจะสลบไปซะก่อนเพราะพี่ใส่มาแล้วทั้งวัน"
มิน่าล่ะ วันนี้พี่ปูถึงต้องใส่เสื้อยืดที่เธอจำได้ว่าเขาร้องประกาศขายกันข้างหน้าหอเมื่อเช้านี้
"พี่ปูจะยืมเสื้อมินไหมคะ ตัวที่พี่ใส่นี่มันดูบางๆไปหน่อยนะคะ"
ที่จริงเธออยากจะบอกว่ามันเล็กเกินไปสำหรับหุ่นที่มีอะไรให้มองอย่างรุ่นพี่คนสวยแต่ก็กระดาก
"น้องมินนี่น่ารักจัง งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะ"
"ก็ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ พี่มีอะไรให้มินช่วยอีกหรือเปล่าคะ"
"เห็นคนดูแลหอบอกว่าห้องน้องมินเพิ่งจะมีน้องมินมาอยู่คนเดียว พี่ก็เลย..."
"คืนนี้พี่ปูมานอนห้องนี้ก็ได้ค่ะ"
"แหม...ขอบใจจ้ะ"
รุ่นพี่คนสวยยิ้มหวานตอบเธอแล้วก็นั่งลงที่เตียงตรงข้ามกับเธอ
"น้องมินจะนอนหลับไปก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพอถึงเวลาเรียกรวมกลุ่มพี่จะปลุกให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ มินยังไม่ง่วง"
"แหมดีจังเลย แต่พี่ชักง่วงแล้วสิเมื่อคืนมัวแต่ทำป้ายกันทั้งคืน ได้นอนไปนิดเดียวเอง"
พูดไปพลางก็ล้มตัวลงนอนลงไปง่ายๆทั้งๆที่เตียงนั่นยังไม่มีผ้าคลุมเตียง ไม่มีหมอนหนุนด้วยซ้ำ
"งั้นพี่ปูหลับก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมินจะปลุกให้เอง
นี่ค่ะ"
เธอยื่นหมอนหนุนของเธอส่งไปให้รุ่นพี่คนสวย
"น้องมินน่ารักจังเลย ขอบใจจ้ะ"
มินตราลุกขึ้นไปเก็บไดอารี่ใส่ลิ้นชักเพราะ คนข้างห้องเปิดเพลงดังเผื่อแผ่มาให้ฟังอย่างเอื้ออาทรจนไม่มีสมาธิจะเขียน เธอหันไปมองรุ่นพี่ตั้งใจจะถามว่าจะนอนไหวหรือเปล่าแต่ก็พบกับคำตอบที่ทำให้เธอยิ้ม
พี่ปูหลับสนิทง่ายๆราวกับเด็กทั้งที่ที่นอนก็แข็งและระคายเพราะไม่มีผ้าปู จนเธอนึกภาพสาวสวยมาดนางแบบที่เธอเห็นเมื่อวานไม่ออก
...
จากคุณ :
eccoiris
- [
3 มิ.ย. 48 14:31:56
]