CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    คนที่ใช่…ไม่รักไม่ได้แล้ว (บทที่๒)

    ๒...


    เพื่อนสองคนของทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว พร้อมใจกันเข้าไปแกะเธอออกมา

    “เราคงต้องลาคุณกัตวัฏฐ์ก่อนละครับ” ชวกรพูดกับเขาเป็นครั้งแรก “ต้องรีบเอานังไหนไปเก็บ”

    รุจยาไหว้คนเป็นนายเร็วๆ หนึ่งทีเป็นการลา

    ชายหนุ่มหยิบซองหนังใส่นามบัตรจากกระเป๋าเสื้อออกมายื่นไปตรงหน้าพันไฉน

    “นี่นามบัตรของผม จะนัดให้มารับรางวัลของผมวันไหนก็ โทร.ไปบอกได้นะครับ”

    รุจยากับชวกรสบตากัน ไม่นึกว่าเขาจะเล่นไปกับคำพูดของคนเมาด้วย

    พันไฉนยิ้มหวาน รับนามบัตรนั้นมาเสียบใส่กระเป๋ากระโปรง

    “แล้วจะ โทร.ไปค่ะ” พูดเสร็จก็ยื่นปากส่งจูบแล้วหัวเราะคิกคัก

    จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกกัน โดยฝ่ายหนึ่งช่วยกันกึ่งลากกึ่งประคองคนเมาออกไปขึ้นรถกลับบ้าน อีกฝ่ายไปห้องน้ำเพื่อชำระคราบเปรอะเอื้อนที่หญิงสาวก่อไว้



    *******************************

    หลังเลิกงานของวันต่อมาชวกรกับรุจยาก็พากันไปหาพันไฉนที่บ้าน ซึ่งฤทธิ์เมาเมื่อคืนนี้ทำให้หญิงสาวต้องลางานนอนอยู่บ้านหนึ่งวัน ถึงอย่างนั้นเมื่อเพื่อนสนิทสองคนไปถึงเธอก็ยังมีอาการปวดหัวอยู่

    “เข็ดไหมล่ะ?” รุจยาค่อนเพื่อน แต่ก็ยังไปชงกาแฟร้อนๆ มาให้

    “อือม์ ทรมานดี แต่ก็ดีนะ ได้ลืมอะไรๆ บ้าง”

    “แล้วลืมหรือเปล่าว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้าง?” ชวกรค่อนให้อีกคน

    พันไฉนซดกาแฟอึกใหญ่ พยักหน้าหงึกๆ

    “แปลว่าอะไร ลืมหรือไม่ลืม?” คนถามไม่เข้าใจ

    “พอจำได้”

    “ว่าได้ไปอ้วกใส่แล้วก็พูดอะไรไม่สมควรกับนายใหญ่ของนังยาน่ะนะ?”

    “ก็คนมันกำลังกลุ้ม กำลังเสียใจ พวกแกต้องเข้าใจฉันหน่อยสิ”

    “ฉันน่ะอายจนไม่รู้จะอายยังไง” รุจยาว่า “ไม่รู้จะสู้หน้ายังไงถ้าเจอเขาอีก”

    “เขาไม่ได้อยู่ออฟฟิศเดียวกับแกหรือ?”

    “เปล่า เขาเป็นผู้บริหารอยู่สำนักงานใหญ่ จะเจอกันก็เฉพาะเวลาเขามาตรวจงานหรือมารับฟังรายงานปีละไม่กี่ครั้ง เก่งจนน่าทึ่ง อายุแค่นี้แต่ขึ้นถึงตำแหน่งสำคัญที่น้อยคนจะเป็นได้”

    “ถ้าไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน แล้วนานๆ ถึงจะมาเจอกันทีงั้นแกก็ไม่เห็นจะต้องกลัว”

    “ฟังพูดเข้า” หล่อนค้อนเพื่อนสาว “ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีกนี่ แต่แกสิสบาย ทั้งที่เป็นตัวก่อเรื่อง”

    พันไฉนยิ้มหน้าเป็น

    “นึกๆ ไปก็เสียดายเหมือนกันนะ เขารูปหล่อมาดแมนและเท่มากเลยแหละ ถ้าพวกแกไม่เข้ามาทำตัวเป็นก้างฉันไปกับเขาแน่”

    รุจยาเบะปากใส่

    “เขาคงอยากหิ้วแกหรอก เมาอ้วกรดเขาแบบนั้น”

    “เขาก็คงสนใจฉันอยู่บ้างละน่า ไม่งั้นคงไม่ให้นามบัตรมา”

    “ก็ โทร.สิ ถ้าแกสนใจเขา” ชวกรแนะประชด

    พันไฉนแลบลิ้นออกมานิดหนึ่ง

    “ใครจะบ้าทำแบบที่แกว่าหือม์นังปั๋ง แกคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน”

    “อ้าว เก่งไม่ตลอดนี่ ดีแต่ปากนี่หว่า ไหนเมื่อกี้ว่าถ้าฉันกับนังยาไม่เป็นก้างขวางแกไปกับเขาแน่ไง รึว่าดีแต่เก่งตอนเมา”

    คนถูกแบไต๋คว้าหมอนอิงขึ้นมาตีอีกฝ่ายเป็นการตอบโต้แก้ขวย

    ชวกรรีบแย่งหมอนมาถือไว้

    “ถ้าแกไม่สนแล้วเอานามบัตรเขามาให้ฉันก็ได้นะ ฉันจะทาบเอง”

    “เขาน่ะไม่ใช่รสนิยมแบบแกหรอกนังตุ๊ดไร้อันดับ” รุจยาว่าใส่หน้าตามประสาชอบพูดกันตรงๆ แบบไม่ต้องเกรงใจกันเพราะความที่สนิทกันมากจนไม่ถือสากัน “ฉันได้ยินมาว่าเขาน่ะมีผู้หญิงสวยๆ มารุมล้อมเป็นเข่งๆ ไม่มาเสียเวลามองไม้ป่าเดียวกันอย่างแกหรอก”

    “ว่าไม่ได้ เขาอาจจะอยากลองของแปลกก็ได้ เฮอะ ขี้คร้านจะติดใจ”

    พันไฉนหัวเราะกิ๊ก

    “ฉันก็เห็นมาเยอะแล้วเหมือนกันนะนังยา ไอ้พวกมาดแมนๆ แต่เปลี่ยนใจมาเอาตุ๊ดเป็นเมียน่ะ”

    “แกอย่ามายุดีกว่าน่า เดี๋ยวนังปั๋งมันบ้าเอาจริงขึ้นมาจะยุ่ง”

    “ก็ใครว่าฉันพูดเล่นล่ะ” ชวกรแกล้งยั่ว

    “เอาเลยนังปั๋ง” พันไฉนยุอย่างนึกสนุก “เดี๋ยวฉันจะให้นามบัตรแก”

    รุจยาค้อนเพื่อนทั้งสองคนคนละวงใหญ่

    “เอากันเข้าไป จะทำอะไรก็คิดถึงฉันบ้าง ฉันยังต้องทำงานอยู่ที่บริษัทเขานะยะ”

    “เรื่องของแก” ชวกรกระแทกเสียงใส่ แล้วหันไปบอกกับอีกคน “แกไปเอานามบัตรมา ไป”

    “เอาจริงหรือ?” พันไฉนกะพริบตาปริบ

    “ก็จริงน่ะซี้ เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่แน่จริง”

    “เอาก็เอา” พันไฉนโดดขึ้นจากโซฟาที่นั่งแอ้งแม้งอยู่

    “แกจะบ้าเหรอนังปั๋ง” รุจยายังไม่วายดุเพื่อน

    “แค่แหย่มันเล่นน่า” เพื่อนหนุ่มหัวใจกระเดียดไปทางสาวทำเสียงกระซิบ “มันจะได้หายคิดมากเรื่องไอ้เลวทั้งหลายที่เคยเป็นแฟนมัน”

    รุจยาได้แต่ถอนใจใหญ่


    ****************************

    หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องอาหารแห่งนั้นอย่างตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย

    มันหรูเสียจริง ตบแต่งเสียอย่างกับคนที่มากินจะต้องเป็นระดับเจ้านาย โคมไฟแก้วระย้า ผ้าม่านทอลายทั้งผืน โต๊ะเก้าอี้สไตล์ยุโรป ของตบแต่งทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ดูมีราคาค่างวด

    นังปั๋งมันทำไมนัดมาที่แบบนี้หว่า หรูหราซะขนาดนี้ต้องแพงไม่ใช่เล่นแน่ๆ พันไฉนบ่นในใจพลางมองหาบุคคลที่นัดหมาย

    มีแขกอยู่หลายโต๊ะ แต่ไม่ยักกะเห็นชวกร

    และแล้วเมื่อสายตากวาดไปถึงโต๊ะสุดท้ายที่อยู่ริมสุดติดกับหน้าต่างหญิงสาวก็ต้องสะดุ้ง

    นั่นมัน...

    เขาก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอเข้าพอดีเหมือนกัน ร่างสูงลุกขึ้นทันที และสาวเท้าตรงมาหาเธอ

    พันไฉนใจเต้นแรง เธอจำเขาได้เป็นอย่างดี ถึงคืนนั้นจะเมา แต่ผู้ชายหน้าตาและบุคลิกแบบนี้ไม่ได้มีให้พบเห็นบ่อยนักในชีวิตประจำวัน ถึงจะพบกันแค่ครั้งเดียวก็ยากจะลืม

    เธอหันหลังจะเดินกลับ หากก็ช้าไป เพราะอีกฝ่ายเดินมาถึงเสียก่อน

    “สวัสดีครับคุณพันไฉน”

    เมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องหันไปเผชิญหน้า

    พันไฉนยิ้มฝืนๆ

    “สวัสดีค่ะ”

    “ผมนึกว่าคุณจะไม่กล้ามาเสียแล้ว”

    “คะ?” เธออุทานออกมาหน้าเหรอหรา

    “เชิญที่โต๊ะก่อนดีกว่าครับ”

    “เอ้อ...” หญิงสาวยังงงไม่หาย

    กัตวัฏฐ์ไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น จับจูงแขนเธออย่างถือวิสาสะไปที่โต๊ะที่เพิ่งลุกมา

    พันไฉนตามเขาไปอย่างงงๆ

    เมื่อนั่งลงแล้วต่างก็มองกันอยู่ครู่หนึ่ง

    คืนนี้เขาดูหล่อเข้มกว่าคืนที่พบอีกหลายเท่าด้วยชุดสูทสีกรมท่าที่เพิ่มความงามสง่าและดูน่าเกรงขามในขณะเดียวกัน

    เทียบกันแล้วต่างกับเธอลิบลับ พันไฉนอยู่ในชุดเสื้อกระโปรงตามสมัยที่ใส่ทำงานมาทั้งวัน มีรอยยับบ้างตามประสาคนไม่ค่อยจะเรียบร้อย หน้าตาผมเผ้าก็ไม่ได้บรรจงเสริมแต่งมา แค่เติมแป้งกับหวีผมนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งโดยปกติเธอก็เป็นคนไม่ชอบพอกเครื่องสำอางหนาๆ อยู่แล้ว แตะแป้งให้หน้าพอดูไม่หมองเพราะรอยมัน ส่วนผมก็เพิ่งจะซอยสั้นมาตอนผิดหวังจากความรักครั้งหลังสุด จัดทรงง่ายๆ แค่ให้พอเข้ารูป

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลาผู้หญิงบางคนอกหักรักคุดถึงต้องหั่นผมเหมือนกับเป็นแฟชั่น

    ก่อนหน้านั้นพันไฉนก็ไม่ได้คิดหรอก มาคิดถามก็ตอนตัดเสร็จแล้ว

    พันไฉนนั่งหนีบๆ ตัวลีบๆ ก็ดูเขากับเธอสิ เหมือนหนุ่มเนี้ยบกับสาวกะโปโล ไม่น่าจะมาร่วมโต๊ะเดียวกันได้เลย
    “สั่งอะไรดีครับ?”

    หญิงสาวหลุดจากห้วงความคิด ส่ายหน้าเร็วๆ

    “คุณเพิ่งเลิกงานมาไม่ใช่หรือ ผมคิดว่าคงยังไม่ทันได้ทานอะไรมา หรือผมสั่งให้ดี”

    เธอส่ายหน้าอีก

    “ไม่...ไม่ดีกว่าค่ะ”

    “ทำไมล่ะ ผมสั่งก็แล้วกันนะ ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกันเพราะจะรอทานพร้อมคุณ”

    พันไฉนกะพริบตางงๆ

    “รอทานพร้อมฉัน!?”

    บริกรเดินเข้ามาจดรายการเสียก่อนที่พันไฉนจะได้มีโอกาสซักถามความข้องใจ

    เขาสั่งอาหารหลายชนิดอย่างคล่องแคล่วทั้งที่แต่ละชื่อแปลกๆ ไม่เคยคุ้นหู เหมือนกับจะเป็นภาษาอิตาเลี่ยน
    พันไฉนอยากจะคัดค้านเขาเหลือเกิน เธอไม่ได้คิดจะร่วมโต๊ะทานกับเขาแม้แต่น้อย

    “รับรองว่าถูกปากแน่ อาหารที่นี่เขาอร่อยทีเดียว” เขาบอกเมื่อบริกรไปแล้ว

    “ฉันว่าคุณเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าคะ” เธอเริ่มพูดหลังจากปล่อยให้เขาว่าไปข้างเดียวอยู่นาน

    เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ในท่าสบายๆ มองเธอยิ้มๆ

    “เรื่องอะไรครับ?”

    “ฉันไม่ได้มีนัดกับคุณนะ ฉันนัดเพื่อนไว้ นังปั๋งน่ะค่ะ คุณก็เคยเจอเขาแล้ว”

    รอยยิ้มเขาขยายมากขึ้น

    “เขา โทร.นัดผมมาเอง บอกว่าคุณอยากเจอ”

    จากคุณ : ละอองฟ้า - [ 4 มิ.ย. 48 00:13:44 A:203.145.27.243 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป