CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    โพธิ์อธิฐาน (ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง) (๑๓)

    ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง

    โพธิ์อธิษฐาน

    พ่อแม่พี่น้อง ที่เคารพรักครับ เมื่อคราวที่แล้ว กระผมกำลังได้เล่าไปถึงตอนที่พวก เชียงอินทร์ ซึ่งในสมัยนิทานเรื่องนี้นั้น เป็นนครที่อยู่นอกพระราชอาณาเขต ของกรุงศรีอยุธยา ได้บังอาจยกทัพเข้ามาตีเมือง เชียงทอง อันอยู่ในขอบขัณฑสีมาของไทย ทำให้สมเด็จพระพันวษาทรงพระพิโรธเด็ดขาดไปเลย และได้ทรงค้นหาแม่ทัพที่จะไปตีเมืองเชียงทองจากที่เชียงอินทร์ยึดไว้ ให้มาอยู่ในอาณัติของกรุงศรีอยุธยาดังเดิม

    และในบัดนั้น นายขุนช้างผู้ซึ่งแค้นเคืองเรื่องที่เพื่อนเก่าโฉบเอาคนรักไปแต่งงานด้วย จึงเพ็ดทูลกับสมเด็จพระพันวษาว่า บุตรขุนไกรพลพ่ายนั้นเก่งกล้านัก สมเด็จพระพันวษาไม่ทรงทราบความนัย จึงมีพระราชโองการให้นายพลายแก้วนำทัพถือพระราชอาญาสิทธิ์ไปรบกับพวกเชียงอินทร์

    เจ้าบ่าวสามวันของเรา จึงต้องจากเมียไปรับงานพระราชการสงคราม ด้วยเหตุนี้

    ครั้นแล้ว พลายแก้ว แม่ทัพผู้ทรงอาญาสิทธิ์ ก็ได้นำทัพหลวงจากกรุงศรีอยุธยา เดินผ่านบ้านของตนที่สุพรรณบุรี ก็ยังเห็นแม่ทองประศรีและแม่พิมพิลาไลยยังมารอส่งกันอยู่ จึงเข้าไปลาก่อนไปทัพ

    แล้วทั้งสามจึงปรึกษากันว่า ครั้งนี้พลายแก้วไปสงครามห่างไกล เสี่ยงอันตราย ไปโดยไม่รู้อนาคตกำหนดกลับ ก็น่าจะมีอะไรที่ไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจสายสัมพันธ์แก่คนอยู่หลังบ้าง ว่าแล้วจึงชวนกันไปหาหน่อต้นโพธิ์มาสามต้น ตั้งศาลเพียงตาบวงสรวงเทวดาอธิษฐาน แล้วจึงปลูกต้นโพธิ์เสี่ยงทายไว้คนละต้น

    ของแม่ทองประศรีนั้น ท่านว่าไว้ในฉบับหลวงดังนี้ขอรับกระผม

    ทองประศรีนั้นพิษฐานก่อน
    ถ้าม้วยมรณ์ชีวาหารอดไม่
    ให้ต้นโพธิ์ของข้านั้นบรรลัย
    ถ้าตัวไข้โพธิ์ไข้เหมือนตัวเป็น
    แม้นตัวอยู่ดีมีสุข
    ความทุกข์ไม่กำเนิดเกิดเข็ญ
    ขอให้โพธิ์ชุ่มชอุ่มเย็น
    ให้เห็นประจักษ์อยู่แก่ตา
    ว่าแล้วเท่านั้นด้วยทันใด
    ยกโพธิ์ใส่ไว้หลุมหน้า ฯ

    ของพลายแก้วก็ว่าตามแม่ว่า

    เจ้าพลายไหว้วอนแก่เทวา
    ตัวข้าจะขึ้นไปชิงชัย
    แม้นจะมีชัยแก่ไพรี
    ขอให้โพธิ์ต้นนี้งามไสว
    ถ้าแม้นจะอาสัญจะบรรลัย
    ขอให้โพธิ์ข้านี้ตายตาม
    แม้นตัวข้านี้มิป่วยไข้
    ขอให้โพธิ์สุกใสเรืองอร่าม
    ถ้าสำเร็จณรงค์สงคราม
    ขอให้งามเขียวชอุ่มเป็นพุ่มชัฎ ฯ

    ส่วนคำอธิษฐานของแม่พิมนั้น กระผมว่าค่อนข้างจะทำความหวั่นไหวให้กับจิตใจของคนไปทัพมากทีเดียวแหละขอรับ...ไม่ค่อยดีเลย...

    ยกมือกราบกรานเทพารักษ์
    สะอื้นไห้ฮักฮักตะลึงหลง
    ประคองต้นโพธิ์น้อยละห้อยงง
    ขอเดชะเทพทรงศักดาฤทธิ์
    โพธิ์ทองของพิมพิษฐาน
    ถ้าอยู่บ้านตัวตายวายดับจิต
    ขอให้โพธิ์ตายตามอย่างามชิด
    มาตรแม้นคงชีวิตไม่บรรลัย
    ขอให้โพธิ์ชุ่มชื่นระรื่นร่ม
    น้ำสุรามฤตพรมไม่เปรียบได้
    ถ้าตัวไข้ไผ่ผอมตรอมใจ
    ใบโพธิ์จงสลดลงหลากตา ฯ

    และแล้ว กองทัพกรุงศรีอยุธยา ก็ยาตราผ่านสุพรรณบุรี ไปจนถึงจังหวัดนครสวรรค์ ก็คงจะหลายวันอยู่ในสมัยนั้น และท่านแม่ทัพของเราก็เริ่มจะคิดถึงภรรยาเสียแล้ว

    สำนวนความละห้อยหวลครวญรำพันของพลายแก้ว ที่ฉบับหลวงท่านว่าเอาไว้ในตอนนี้นั้น กระผมว่าท่านที่เคยจากครอบครัวไปราชการไกล ๆ นาน ๆ ย่อมน่าจะสัมผัสถึงความรู้สึกของพลายแก้วได้ดีนะขอรับ

    ครั้นเดินดงลงธารละหานหิน
    น้ำรินแลลาดสะอาดใส
    กรวดกระจายพรายเม็ดเป็นมูนไป
    โอ้พิมพิลาไลยของพี่อา
    มาด้วยผัวจะเก็บก้อนกรวดให้
    ที่ชอบใจพี่จะเก็บให้หนักหนา
    กรีดเล็บเก็บเล่นลออตา
    อนิจจาเนื้อคู่เจ้าอยู่ไกล
    ของเข้าเจ้ามักรักของเล่น
    เห็นอะไรงามงามแล้วไม่ได้
    ถ้ามาด้วยผัวแล้วในแนวไพร
    จะนั่งร้อยมาลัยบนหลังช้าง
    จะห้อยหอมล้อมรอบสัปคับ
    เป็นสร้อยสนแซมประดับสลดสาง
    คิดคิดไม่วายเสียดายนาง
    เจ้าแนบข้างของแก้วไม่แววมา ฯ

    จากนั้น พอถอนอาลัยแล้ว ท่านแม่ทัพก็สั่งหน้าเดิน กองทัพไทยก็แสดง แสนยานุภาพด้วยการลุยแหลก จนเข้าประชิดหลังกองทัพเชียงอินทร์ ที่ตั้งค่ายล้อมเมืองเชียง ทองอยู่ทีเดียวแหละ

    ฝ่ายเจ้าเมืองเชียงทอง พอรู้ว่ากรุงศรีอยุธยายกทัพมาช่วย ก็ดีใจเป็นหนักหนา จัดแจง ส่งทูตออกทางประตูเมืองด้านหลังเพื่อไปนัดแนะกับแม่ทัพกรุงศรีอยุธยา

    เป็นที่น่าสังเกตว่า ทูตที่ท่านเจ้าเมืองเชียงทองส่งไปนั้น ก็คือสังฆราชแห่งเมืองเชียงทองนั่นเอง

    อาศัยความเป็นพระสงฆ์ ท่านสังฆราชสามารถเบิกทาง ผ่านกองทัพเชียงอินทร์เข้ามายังค่ายของทหารกรุงศรีอยุธยาได้โดยสวัสดิภาพ แถมยังมาส่งข่าวนัดแนะการเข้าตีกระหนาบทัพเชียงอินทร์พร้อมกันทั้งสองด้านได้เสียด้วย

    นี่คือค่านิยมในสมัยนั้น ที่กองทัพเชียงอินทร์เห็นว่าเป็นพระเป็นสงฆ์ ก็จึงปล่อยให้ผ่านด่านไปได้โดยง่าย และทางกองทัพกรุงศรีอยุธยาหรือหมายถึงท่านแม่ทัพพลายแก้วเอง พอเห็นเป็นพระ ก็เชื่อในนัดแนะของพระสังฆราชได้ง่ายเหมือนกัน ก็ยังโชคดีที่ท่านสังฆราชไม่ใช่พระปลอม งานพระราชการสงครามของกรุงศรีอยุธยาจึงง่ายขึ้น

    แต่อุทาหรณ์นี้ อย่าได้ใจในพอศอนี้เป็นอันขาดทีเดียวนะขอรับกระผม

    ฉะนั้น ฟ้าลั่น และ สันบาดาล แม่ทัพทางฝ่ายเจ้าเชียงอินทร์ จึงพ่ายแพ้แก่กองทัพเชียงทองและศรีอยุธยาที่ตีตระหลบเข้าเป็นศึกกระหนาบโดยง่ายดาย และยังรุกไล่ไปจนถึงชานเมืองเชียงอินทร์โน่นทีเดียว ดังที่ฉบับหลวงท่านว่าไว้ดังนี้ขอรับ

    ทัพไทยไล่ลามตามพิฆาต
    ลาวหนีเกลื่อนกลาดไม่เห็นหัว
    ปล่อยช้างม้าอาวุธด้วยความกลัว
    ครอบครัวทิ้งขว้างตามทางไป
    เมืองนครลำปางไม่ต่อสู้
    ชาวเมืองหนีพรูไม่อยู่ได้
    เมืองลำพูนผู้คนเข้าด้นไพร
    ทัพไทยอยู่ค่ายสบายครัน
    เที่ยวสกัดตัดทางไปเชียงอินทร์
    ค้นเก็บทรัพย์สินเป็นจ้าละหวั่น
    แต่บ้านจอมทองช่วยป้องกัน
    ไม่มีชาวทัพนั้นทำร้ายใคร
    เทวดาดลใจให้คิดปอง
    ด้วยจะได้ ลาวทอง พิศมัย
    จึงเผอิญอารีมีแก่ใจ
    เที่ยวเข้าออกได้อยู่อัตรา ฯ

    ดู ๆ แล้วก็เหมือนกับว่า ท่านแม่ทัพพลายแก้ว ก็น่าจะยกทัพกลับไปรับ พระราชทานรางวัลแล้วก็กลับไปอยู่กับครอบครัวเป็นสุขสบาย แต่เรื่องมันก็ชักจะยุ่งอีตอนนี้ เสียแล้วสิขอรับ

    เพราะชื่อนี้ขึ้นมาแล้ว ลาวทอง แต่จะมีผลกับท่านแม่ทัพผู้สยบเชียงอินทร์อย่างไรนั้น เห็นจะต้องไว้ตอนหน้ากันละ ขอรับกระผม.

    ##########

    จากคุณ : พจนารถ - [ 6 มิ.ย. 48 06:58:03 A:61.90.14.131 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป