๓...
ผมและพีทเรารู้จักกันผ่านพี่คนหนึ่งชื่อนัท
พี่นัทเป็นคนชวนผมเข้าไปแชตในห้อง ลักหลับ
ตอนแรกที่เห็นชื่อห้องผมถึงกับตะลึงน้ำลายยืดด้วยความหื่น....
เอ๊ย.. ไม่ใช่ๆ ตะลึงเพราะว่าสงสัยในห้องนี้จะมีแต่พวกบ้ากามแน่ๆ เลย
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยครับ คนในห้องก็พูดคุยกันเรื่องปกติ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
ด้วยความที่ผมเป็นเด็กหน้าใหม่ในห้อง ก็เลยเงียบๆ นั่งอ่านที่คนอื่นเขาเม้าท์กัน
พีท มาทักผมที่หลังห้อง (การเข้ามาคุยหลังห้องคือการคุยกันเป็นการส่วนตัว) แชตคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ตอนนั้นต่างคนก็ต่างไม่ได้สะดุดตา สะดุดใจอะไรกัน
จากนั้นเวลาที่ผมเข้าไปท่องโลกอินเตอร์เน็ต
ผมก็จะแวะเข้าไปทักทายเพื่อนๆ ในห้อง ลักหลับ เสมอๆ
และหนึ่งในนั้นก็คือ พีท เราคุยกันจนรู้เรื่องส่วนตัวกันพอสมควร
พีทเรียนอยู่ ม.เอกชน แห่งหนึ่งย่านรังสิต อายุ 19 ปี แก่กว่าผม 1 ปี
แต่เรียนเป็นรุ่นน้องผมเพราะเขาเพิ่งอยู่ปี 2
พอคุ้นเคยกันมากขึ้นเราก็เลยกล้าแลกเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรหากัน
คุยกันผ่านตัวอักษรอยู่ทุกวัน พอได้คุยกันผ่านโทรศัพท์
สารภาพตามตรงว่าตอนนั้น หลงเสียง สุดๆ
คนอะไรไม่รู้ชื่อเท่ห์ แถมเสียงหล่ออีกต่างหาก คุยกันจนสว่างคาตาเลยมั้ง
ตอนนั้นผมเองที่เริ่มชอบพีทหน่อยๆ แต่พีทก็ยังคงคุยกับผมเหมือนเพื่อนปกติ
หลังจากคุยมาราธอนกันมานาน สวรรค์คงสงสารเลยให้โอกาสพวกเราได้เจอหน้าค่าตากันเสียที
เรื่องของเรื่องก็คือห้องแชต ลักหลับ
จะจัดมีตติ้งขึ้นเพื่อให้สมาชิกที่เล่นแชตกันอยู่ในห้องได้มาพบเจอกัน
พี่นัทโทรมาบอกผมทันที ผมก็ตกลงรับปากว่าจะไปทันทีเช่นกัน
งานมีตติ้งครั้งนั้นจัดที่ผับดังย่าน อาร์ซีเอ ผมไปถึงบริเวณด้านหน้าร้านประมาณสี่ทุ่มครึ่ง
ที่จริงเขานัดกันสี่ทุ่ม แต่ด้วยเหตุที่ว่ากว่าจะแต่งตัวเสร็จ...
ก็แหม ใครจะว่างานมีตติ้งก็งานมีตติ้งเถอะ
แต่สำหรับผมมันคืองานนัดบอดระหว่างผมกับพีทดีดีนี่เอง
การแต่งตัวเลยต้องพิถีพิถันกันหน่อย
วันนั้นผมสวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีดำ กางเกงแสล็คสีดำ เรียกว่าดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถึงหน้าร้านผมกดโทรศัพท์มือถือหาพี่นัททันที...
เออๆ แกรออยู่ตรงหน้าร้านนั่นแหละ เดี่ยวให้ไอ้พีทมันเดินไปรับ
เหวอ... เอาตั้งแต่เข้าร้านเลยเหรอ คนเค้ายังไม่ทันตั้งตัวเลยนะเนี่ย พี่นัทตัวแสบ !!!
ผมก็ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้าร้าน จนโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น
ฮัลโหลว่าไงครับ
ปาล์มอยู่ตรงไหนครับ
อยู่ตรงป้ายที่มีไฟสีชมพูๆ อ่ะครับ
อ้อ เห็นแล้ว ใส่ชุดสีดำใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมเดินไปรับนะครับ รอตรงนั่นแหล่ะ
เอาละสิ ... ยืนตุ้มๆ ต่อมๆ คนไหนว้า... ตาก็ไม่กล้าสอดส่ายมากมัวแต่เขิน
ยืนสักพักก็มีมือมาสะกิด จิ้มที่แขน จึ้กๆๆๆ พอหันไปมองเค้าก็ทักสวนขึ้นมาก่อน
หวัดดีครับ ผมพีท พี่นัทให้เดินมารับ
พอทักเสร็จพีทยืนจ้องหน้าผมนานมาก
ตาแทบจะไม่กระพริบแถมทำตาหวานเยิ้มๆ อีกต่างหาก
เหอะๆ ไหนว่าไม่สนใจฉันยังไง หึ !!! ตาสว่างแล้วหล่ะสิ
ทีนี้รู้หรือยังหล่ะว่าคนตรงหน้า สวรรค์ส่งมาให้แกชัดๆ (เอิ๊ก.. อันนี้คิดในใจนะครับ)
พีทเป็นผู้ชายไซด์เอส สูงประมาณ 168 169 เซ็นติเมตร
เตี้ยกว่าผมหลายเซ็นฯ ผิวคล้ำ ผอม ผมตรง ตาตี่ ออกแนวตี๋ประมาณนั้น แต่ดำ
ตอนนั้นเห็นหน้าก็อืม...แบบว่า ...ไม่ขี้เหร่นะคนคนนี้ แต่ก็ไม่ได้เหมือนที่คิดไว้
เพราะที่คิดไว้คือเค้าน่าจะตัวสูงใหญ่ เพราะจากที่คุยกันเสียงเค้าใหญ่มาก
แต่ก็นะถึงจะเตี้ยแต่ก็ต้องมีดีแหล่ะ ถึงได้มัดใจผมอยู่...
งานมีตติ้งครั้งนั้นสมาชิกเมากันระเนระนาด ที่เหลือไม่เมาคงมีกันอยู่ 4 คน
มีผม พีท พี่นัท แล้วก็เอก เราทั้งสี่จึงชวนกันไปหาอะไรทานกันที่ตลาดห้วยขวาง
จากนั้นจึงค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน
หลังจากวันนั้นพีทโทรหาผมวันละ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย
เรียกได้ว่า เป็นคนที่มีความพยายามสูงมาก บ้านอยู่รังสิต เรียนก็เรียนที่รังสิต
แต่มาหาผมที่มหาวิทยาลัย ในตัวกรุงเทพฯ ได้ทุกวี่ทุกวัน
เราคบกันเป็นเพื่อน ไปเดินห้าง ไปดูหนังด้วยกันอยู่ประมาณสองเดือน
เราก็ตกลงว่าจะเป็นแฟนกัน (ง่ายยิ่งกว่านับ หนึ่ง สอง สาม)
พีทเป็นคนเอาใจเก่งมากๆ ตามใจทุกอย่าง มาหาผมทุกๆ สัปดาห์
เป็นคนไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เกเร...แต่ไม่ไปเรียน
เขาเป็นคนไม่ชอบไปมหาวิทยาลัย ชอบขลุกอยู่กับเน็ตที่บ้าน
จับกลุ่มกันไปเที่ยวต่างจังหวัด
ผมเองก็ไม่คิดอะไร ชีวิตใคร ใครอยากทำอะไรก็ทำไป
ถ้าทำแล้วมีความสุขก็เอาเลยเต็มที่ เพราะเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
คงไม่ต้องมีใครเอาชีวิตไปฝากไว้ที่ใคร เงินผมเขาก็ไม่เคยมาขอใช้
เงินเขาผมก็ไม่เคยไปแตะ เราไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกัน
เพียงแค่คุยโทรศัพท์กันทุกวัน เจอกันบ่อยหน่อย ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น
ทุกอย่างดูจะราบรื่น เราทั้งสองคนน่าจะคบกันได้นาน
แต่เราก็คบกันได้เพียงแค่ 3 เดือน...
ด้วยความเจ้าชู้ของเขานั่นเอง หลากหลายเรื่องราวที่ผ่านจากปากที่สามเข้าสู่หูผม
จากฟังเฉยๆ กลายเป็นหงุดหงิด จากหงุดหงิดก็เริ่มกลายเป็นความกระดากอาย
อายเพราะถูกหยาม...
ปฎิบัติการลองของและลองใจจึงผุดขึ้นมาในหัว...
ขอเตือนสำหรับคู่รักทุกคู่เลยนะครับ อย่าได้คิดลองใจกันเด็ดขาด
ถ้าผลมันไปไม่เป็นเหมือนที่เราคาดหวังไว้ ... เรือรักล่มทุกรายไป
มันหลายครั้งมากที่มีคนมาฟ้องผมว่าพีทไปนอนกับคนอื่น
และก็หลายครั้งมากที่ผมนั่งร้องไห้เงียบๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์คนเดียว
ยามที่มีข่าวไม่ดีมาเข้ามารบกวนสมอง
ถ้าตอนนั้นผมรู้จักปล่อยวาง ป่านนี้ผมกับพีทคงรักกันเกือบสิบปีแล้วมั้ง
แต่บังเอิญว่าผมมันพวกชอบพิสูจน์ พอพิสูจน์แล้วดันทำใจไม่ได้อีกต่างหาก
ผมปลอมตัวเข้าไปในห้องแชต ลักหลับ ใช้ชื่อใหม่ว่า บอลไปคุยกับพีท
และผมก็คงปลอมตัวได้แนบเนียนเกินไป พีทถึงได้เชื่อสนิทใจ
ผมหลอกล่อจนถึงคำถามเด็ด ผมถามพีทว่า มีแฟนหรือยังครับ
คำตอบที่ได้ทำเอาผมแทบจะกระโดดถีบจอคอมพิวเตอร์...
ผมเป็นคนชอบอิสระ ไม่อยากมีพันธะ ก็เลยยังดูๆ อยู่ไม่ตกลงปลงใจกับใคร
นั่น...ดูมันทำ ทีอยู่กับผมบอกรักผมคนเดียว จะรีบตั้งใจเรียนให้จบ
แต่ยังครับ..ยัง ผมยังไม่ตบะแตก ผมตะล่อมคุยต่อจนพีทขอนัดเจอแถวๆ เกษตร
ผมแกล้งอิดออด โกหกไปว่าบ้านอยู่บางนา เดี๋ยวจะกลับบ้านไม่ได้เพราะดึกแล้ว
หวานใจผมก็สุดแสนใจดี ฮึ่มๆๆ มานอนบ้านพี่ไหมละครับ
ผมโกรธจนควันออกหู เส้นเลือดปูดที่หน้าผากกระตุก ตึ๊บๆ
วันนี้แหละ วันชี้เป็นชี้ตาย ผมตอบตกลงทันที ตอนนั้นเกือบสามทุ่มแล้ว
ผมตัดสินใจนัดเจอพีทตอนสี่ทุ่ม เพราะโกหกไปแล้วนี่ ว่าบอลบ้านอยู่บางนา
ก็ต้องเผื่อเวลาเพื่อความเนียน
ทั้งที่อยากจะไปเจอมันเสียวินาทีนี้เลยด้วยซ้ำ !!!
.
.
.
สี่ทุ่ม...ผมลงจากแท็กซี่ที่แถวเกษตร และเดินดุ่มๆ ไปยังที่นัดหมาย
นั่นไง... แฟนผม ยืนหน้าแป้นอยู่นั่น
จะรออะไรเล่าครับ ผมปรี่เข้าไปหาทันที
อ้าว พีทมายืนทำไรแถวนี้ ผมแกล้งถาม
มารอแม่ นัดแม่เอาไว้ แล้วตัวเองมาทำอะไรแถวนี้ดึกๆ
เขาตอบหน้าตาเฉย แต่ก็ซ่อนอาการลุกลี้ลุกลนไว้ไม่มิด
ผมเลยแกล้งพูดต่อ
เออดีเลย งั้นเดี๋ยวรอเจอแม่พีทด้วย จะได้ไหว้ยังไม่เคยเจอเลย
ไม่ได้!!! เค้ากับแม่รีบไป ตัวเองไปก่อนเถอะ
ฮึ่มๆๆ วัวสันหลังหวะก็แบบนี้แหล่ะ
ผมเลิกอำและพูดความจริงทั้งหมด ว่าผมนี่แหล่ะคือบอล
ผมนี่แหล่ะคือคนที่นัดพีทออกมา ไม่ต้องกลัวรถไฟชนกันหรอก
เพราะมันคือผมนี่แหล่ะ
พีทอึ้ง ถึงกับพูดไม่ออก ผมพูดจบก็หันหลังกลับทันที
ไม่มีน้ำตา ไม่มีอารมณ์อะไรใดๆ ทั้งสิ้น จบเสียที ขาดกันได้เสียที
ผมขึ้นแท็กซี่กลับหอ ไม่รับโทรศัพท์ ตัดการติดต่อทุกทาง
ทุกครั้งที่รู้ว่าเค้าไปนอนกับใคร ไปมีใครผมไม่เคยไปซักถามเขาเลยสักนิด
ไม่ใช่ไม่กล้าถาม แต่เรื่องแบบนี้ถามไป ก็ไม่ได้คำตอบที่แท้จริงหรอกครับ
เวลาเสียใจก็ทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆ คนเดียว
แต่สุดท้ายมันก็จบลงได้ถึงแม้จะไม่สวยงาม
พีทพยายามติดต่อผมอยู่อีกไม่ถึงเดือน เขาก็เงียบหายไป
ภาพของพีทค่อยๆ เลือนลางไปจากหัวของผม
สิ่งเดียวที่เกี่ยวกับพีท ที่ผมจำได้ในตอนนี้คือ พีทชอบกินกระเพราะปลาหมึก ไข่ดาว
เรื่องระหว่างผมและพีทจบไปแล้ว...
แต่พีทไม่รู้หรอกว่าในช่วงที่ผมมีปัญหากับเขา ในช่วงที่เขาเอาเวลาไปเจ้าชู้
ไปยุ่งกับคนอื่นนั้น คนที่ปลอบใจผมทุกวันก็คือ โจ
โจ คือ ลูกพี่ลูกน้องของพีท กำลังเรียนชั้น ม.6 อยู่ที่ลำปาง
เวลาผมเสียใจ ผมก็จะคุยแชตกับโจ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ผมร้องไห้กับโจผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ และในหลายๆ ครั้ง ที่โจโทรจากลำปาง
เพื่อมาปลอบใจผม และคำพูดของโจ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับโจเปลี่ยนไป
ก็คือ ... ถ้าโจเป็นพี่พีท แล้วได้แฟนดีดีแบบพี่ปาล์มนะ โจจะไม่มีวันทำให้พี่ปาล์มเสียใจแบบนี้เลย
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 48 15:12:04
จากคุณ :
นายต้นปาล์ม
- [
7 มิ.ย. 48 15:10:43
]