*** ก่อนอื่นขออภัยนักอ่านทุกท่านที่ติดตามเรื่องนะครับ
เนื่องจากทีมงาน เอ่อ จริงๆ แล้วก็กระผมมันตั้มคนเดียวแหละ มีปัญหากับที่ทำงาน ก็เลยทำให้ไม่สามารถสร้างอารมณ์มากพอจะแต่งนิยายได้ เวลานี้เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ก็จะลงกันต่อไปตามปกติครับ
ป.ล. ต่อๆ ไปอาจมีล่าช้าบ้างตามสมควร เพราะมันปลายทางแล้ว ปริศนาอะไรที่วางไว้ก็จำเป็นต้องเฉลยไขออกมาเป้นลำดับ รวมถึงเนื้อเรื่องที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
ยอดเขาสูงตั้งตระหง่าน อยู่เหนือมวลเมฆ บนยอดเขาตั้งอยู่ด้วยสำนักยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ เป็นสำนัก...บู๊ตึ๊ง
ยอดเขาบู๊ตึ๊งยังคงมิแปรเปลี่ยน สำนักบู๊ตึ๊งก็เฉกเช่นกัน มันก่อสร้างขึ้นมานานกว่าร้อยปี ด้วยรากฐานที่มั่นคง ในช่วงเวลาอันเนิ่นนานนี้ได้สั่งสมเกียรติประวัติอันยาวนานเอาไว้มากมาย ศิษย์ที่ผ่านการอบรมจากสำนักแห่งนี้มีนับพันนับหมื่นคนทีเดียว และในจำนวนนั้นก็มีอยู่นับสิบนับร้อยคนที่จัดอยู่ในทำเนียบสุดยอดฝีมือของยุทธภพ รวมถึงที่กลายเป็นสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่ง หรือกลายเป็นผู้นำยุทธภพ!
ด้วยเหตุนี้บู๊ตึ๊งจึงกลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งของบู๊ลิ้ม เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนยุทธภพมาช้านาน ขุนเขาใหญ่ที่ตั้งตะหง่านท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ และแมกไม้เขียวขจียิ่งขับเน้นให้เห็นถึงความเข้มแข็ง มั่นคง เสมือนมิมีวันถูกโค่นทำลายลงได้
ยอดเขายิ่งใหญ่ สำนักใหญ่อันดับหนึ่ง เวลานี้มันกำลังเผชิญกับสิ่งท้าทายอันมิยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เป็นฉิกจับอิด!!! ภายใต้การนำของยอดฝีมืออันดับหนึ่งคนปัจจุบัน....หลี่เฉินเชียง!!!!!
บนยอดอันเป็นจุดสูงสุดของเขาบู๊ตึ๊ง ในเขตหวงห้ามที่เก็บตัวฝึกวิชาของเจ้าสำนักบู๊ตึ๊งรุ่นแล้วรุ่นเล่า และเป็นสถานที่ซึ่งอดีตเจ้าสำนักผู้หนึ่งทิ้งชีวิตเอาไว้ บนเส้นทางน้อยอันคดเคี้ยวและรกชัฏ ท่ามกลางเปลวแดดสีทองอันอุ่นระอุ และแมกไม้เขียวขจีน่ารื่นรมย์ อากาศในวันนี้ไม่ร้อน และก็ไม่หนาวจนเกินไป ฝูงวิหคบินร่อนอยู่ตามรายทาง บางเวลาก็มีกระรอกน้อยวิ่งเพ่นพ่านอยู่ไปมา สายลมอ่อนๆ โชยพัดกลิ่นหญ้าสดใหม่มาอยู่โดยสม่ำเสมอ กลิ่นของมันมิจัดว่าหอมหวนปานกลิ่นของขนมเปี๊ยะก็จริงอยู่ แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหลายถวิลหาอยู่เนืองนิจ เนื่องเพราะมันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิ
สำหรับเหล่าชาวนา ชาวไร่ที่ประกอบอาชีพกสิกรรมอะไรจะยอดเยี่ยมไปกว่าไอแดดอุ่นระอุ และกลิ่นหญ้าสดใหม่อีกเล่า?
ทว่าสิ่งเหล่านี้มิอาจดึงความสนใจของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งได้เลยแม้เพียงเล็กน้อย สาเหตุย่อมมิใช่เพราะมันมิได้ประกอบอาชีพเพาะปลูก เสี่ยวซาเองถึงแม้จะเป็นพ่อครัวก็ยังชื่นชอบบรรยากาศของกลิ่นหญ้า และไอแดดอบอุ่น เนื่องเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นประกันว่ามันจะมีพืชผักสดใหม่ สุกรอ้วนพี ปลาสดใหม่หวานกรอบสำหรับประกอบอาหารนั่นเอง!
ทว่ายามนี้เด็กหนุ่มมิมีเวลาสนใจสิ่งเหล่านั้นอีก ในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ มันมีเรื่องอื่นที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเสียก่อน เสี่ยวซายืนอยู่บนยอดเขาในที่ๆ ผู้มีพระคุณของมันถูกลอบสังหาร เป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่สถานที่แห่งนี้ถูกปล่อยให้ร้างเจ้าของ เนื่องจากเตียหงีผู้เคยใช้ที่นี่เก็บตัวฝึกวิชา และบำเพ็ญพรต ได้ถูกลอบทำร้ายจนเสียชีวิตไป เจ้าสำนักคนต่อมาก็มิได้มาใช้สถานที่นี้อีก ยิ่งตอนนี้บู๊ตึ๊งต้องรับมือการจู่โจมของฉิกจับอิด ต้องทุ่มเทกำลังทั้งสำนักเข้าต่อต้านการบุกของอีกฝ่าย ที่นี่ยิ่งกลายเป็นสงบเงียบประดุจป่าช้า!
เด็กหนุ่มรู้สึกสะท้อนใจเมื่อมองไปรอบๆ บริเวณอันสุขสงบแห่งนี้ มันยังจดจำได้ว่าตนเองเคยกล่าวคำสาบานอันใดไว้ ทว่าจนแล้วจนรอดมันก็ยังมิสามารถสืบพบตัวฆาตกร อย่าว่าแต่เบาะแสทั้งหลายที่มันได้มาก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย หลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่เพียงชี้ไปที่ฉิกจับอิด!!! แต่เด็กหนุ่มกลับมิปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของฉิกจับอิด ด้วยเหตุผลง่ายๆ ด้วยพลังฝีมือของหลี่เฉินเชียงมิจำเป็นต้องลอบจู่โจมด้วยยาพิษ ขอเพียงมันลงมือเตียหงีก็มิอาจมีชีวิตรอดเกินหนึ่งร้อยกระบวนท่า! ถ้าเช่นนั้นผู้ที่ลงมือเป็นใคร? แล้วพวกมันจะได้อะไรจากการตายของเตียหงี? เหตุใดต้องโยนความผิดให้ฉิกจับอิด? เหล่านี้มันมิสามารถคาดเดาได้!!!
ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อน เสี่ยวซาเร่งรีบเดินทางมายังที่นี่ มันใช้เส้นทางด้านหลังที่เป็นหน้าผาลาดชันโดยอาศัยวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยม เพียงมิกี่ชั่วยามมันก็สามารถหลบหลีกสายตาเหล่าศิษย์บู๊ตึ๊งลอบเข้าไปยังห้องครัว จากนั้นอาศัยเชือกยาวที่มันเคยชักรอกส่งอาหารแก่เตียหงีอดีตเจ้าสำนักปีนป่ายขึ้นสู่ยอด บรรดาเวรยามจำนวนมากแม้จะกระจายอยู่โดยทั่วบริเวณเทือกเขา ทว่าทั้งหมดล้วนคิดมิถึงว่าจะมีผู้ที่สามารถอาศัยวิชาตัวเบาขั้นสูงโลดแล่นขึ้นทางหลังเขา ทั้งยังเป็นผู้ที่ล่วงรู้เส้นทางภายในของบู๊ตึ๊งดีอีกด้วย สุดท้ายยังอาศัยเส้นเชือกที่มิอาจทนทานแม้เพียงน้ำหนักของเด็กทารกใหญ่คนหนึ่งได้ปีนป่ายขึ้นสู่ยอดเขา!!!
ผู้ที่มีวิชาตัวเบาช่ำชองเช่นนี้คงมีอยู่หลายคนที่สามารถกระทำ แต่ยังมีผู้ใดที่มีวิชาตัวเบาสูงล้ำ และรอบรู้เกี่ยวกับเส้นทางภายในเหนือกว่าเสี่ยวซา?!!
ในช่วงเวลาที่มีกองกำลังฉิกจับอิดบุกจู่โจมเช่นนี้ หากมิใช่เด็กหนุ่มแล้ว น่ากลัวมิมีบุคคลที่สองสามารถผ่านขึ้นยอดเขาบู๊ตึ๊งได้โดยมิมีผู้พบเห็น!!!!!
เด็กหนุ่มที่รีบเร่งขึ้นเขามายังที่เก็บตัวฝึกวิชาแห่งนี้ เนื่องเพราะมันเคยนัดหมายกับหลี่ซังซังไว้ว่าจะใช้สถานที่นี้เป็นที่นัดพบกันหากมีอันต้องพลัดพรากจากกัน มันยังหวังว่าเด็กสาวได้เดินทางล่วงหน้ามาก่อน ในยามนั้นเวรยามคงมิหนาแน่นเช่นเวลานี้ ดังนั้นสามารถขึ้นเขาได้มิยากเย็นเท่าใดนัก
ทว่าเวลานี้มันพลันพบว่ามันคิดผิด!!!! เนื่องเพราะมันเพียงพบกับความว่างเปล่า ทั้งยังแฝงความอ้างว้างและโศกเศร้าอยู่ด้วย
กว่าปีแล้วฆาตกรฆ่าผู้มีพระคุณยังลอยนวล ทั้งยังไร้เบาะแสให้ติดตามหา หลี่ซังซังที่นัดหมายไว้ก็มิมีแม้แต่วี่แวว!!!! มันสมควรทำเช่นไรดี?!!!
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกสองถึงสามครา สบัดศีรษะขับไล่ความผิดหวัง โศกเศร้าทั้งมวลออกไป เวลานี้มันยังมีภารกิจที่สำคัญกว่าการตามหาเด็กสาว เป็นสิ่งที่มันจะต้องจัดการให้สำเร็จลุล่วง นั่นคือ...ปกป้องบู๊ตึ๊งมิให้ล่มสลาย และหยุดยั้งหลี่เฉินเชียง!!!!!!!!!!!!!!!
ดังนั้นมันอาศัยเวลาหลายวันก่อนที่กองกำลังฉิกจับอิดจะบุกขึ้นสู่บู๊ตึ๊ง แฝงตัวขึ้นเขาเพื่อมารอคอยฝ่ายตรงข้าม!!!!
เหตุใดเด็กหนุ่มกลับสามารถคาดเดาแผนการณ์ของหลี่เฉินเชียงออก!!?? ทั้งที่ก่อนหน้านี้มิมีผู้ใดคาดเดาว่าฉิกจับอิดจะบุกบู๊ตึ๊ง เนื่องเพราะพวกมันแสร้งปล่อยข่าวว่าบุกไปคุนหลุน สุดท้ายกลับแบ่งกำลังส่วนใหญ่นำโดยหลี่เฉินเชียงขึ้นสู่บู๊ตึ๊ง!!!
เรื่องราวที่ทุกผู้คนมิอาจคาดการณ์ เสี่ยวซากลับสามารถคาดเดาได้โดยง่าย นั่นย่อมเป็นเพราะว่ามันเคยพบหน้าอีกฝ่ายหลายครั้ง มิเพียงพูดคุยใกล้ชิด ทั้งยังเคยประมือกันสองครั้ง และยังสามารถรอดชีวิตมาได้!!!! หากในโลกนี้จะมีผู้ที่เคยประมือกับหลี่เฉินเชียงสองครั้งคราและยังสามารถมีชีวิตรอด!!!! ก็คงเป็นเสี่ยวซา!!!! ดังนั้นหากจะมีผู้ใดที่ล่วงรู้เท่าทันความคิดของประมุขฉิกจับอิดผู้นี้แล้ว นอกจากตัวหลี่เฉินเชียงแล้ว ก็ย่อมเป็นเด็กหนุ่มเอง!!!!!
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
8 มิ.ย. 48 23:06:41
]