CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    มีเรื่องไร้สาระมาให้อ่านจ้า (ช่วยวิจารย์หน่อยนะ)

    วันที่ 4788803
    วันใหม่อีกแล้ว วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดวันที่ 4788800 ของฉันเอง ตอนนี้ฉันกำลังเดินทางอยู่ การเดินทางที่ไม่เหมือนการเดินทาง ฉันถูกใช้ให้ไปยังที่ที่หนึ่ง ที่ที่คนที่สั่งให้ฉันไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นที่ไหน ฉันรู้เพียงแต่ว่าการเดินทางของฉันสิ้นสุดลงเมื่อมีคนเปิดฉันและนำสิ่งของในตัวของฉันไป เมื่อนั้นฉันจะหมดหน้าที่รวมถึงชีวิตของฉันด้วย
    ฉันไม่รู้สึกเสียดายถ้าหากว่าเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ที่การเดินทางของฉันจะจบลง ซึ่งก็คือถ้าฉันจะตายวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ฉันไม่ได้เบื่อชีวิตหรอกนะ ไม่ได้เบื่อการเดินทางที่ยาวนาน เพราะฉันไม่รู้ว่าเวลาของฉันตั้งแต่เกิดมา 4788800 วันนี่มันนานขนาดไหน คนที่จะรู้ว่าอะไรนานอะไรไม่นานคือคนที่รู้จักอายุของตัวเองเท่านั้น คนที่รู้ว่าอายุของตัวเองเป็นเท่าไหร่จะใช้มันมาเปรียบเทียบกับสิ่งต่างๆ แล้วบอกว่านั่นนานนั่นไม่นาน แต่ฉันไม่รู้อายุของตัวเองฉันเลยไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมามันนานหรือไม่กันแน่
    ฉันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหรอก ฉันเป็นสิ่งประดิษฐ์ แต่ที่ฉันรู้ว่าฉันมีอายุ 4788800 วันแล้วก็เพราะจอตัวเลขสีแดงที่อยู่บันตัวฉัน มันจะคอยนับเวลาทุกชั่วโมงพอครบ 24 ชั่วโมงมันก็จะส่งสัญญาณให้เปลี่ยนตัวเลขบนหน้าจออีกหนึ่งค่า ซึ่งหมายความว่านั่นเป็นวันที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน เครื่องนับเวลาในตัวฉันไม่เคยหยุดทำงาน เพราะในตัวฉันมีแหล่งพลังงานชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างพลังงานได้เองตลอดเวลา เค้าเรียกว่าเทคโนโลยีอะไรซักอย่าง
    ตัวฉันทั้งตัวเกิดจากเทคโนโลยีที่สุดยอดที่สุดที่มีอยู่ในดาวโลกเวลานั้น วัสดุที่แข็งแรงที่สุด ทนและสามารถสะท้อนความร้อนได้มากที่สุด แหล่งพลังงานที่ยาวนานที่สุด วัตถุที่มีขนาดเล็กที่สุดแต่สามารถเก็บข้อมูลได้มากที่สุด เครื่องอ่านข้อมูลที่มีความสามารถที่สุด สามารถแสดงได้ทั้งภาพ เสียง มิติ แต่ต้องใช้งานง่ายที่สุด ความรู้แขนงต่างๆที่ถูกต้องที่สุด ศิลปะ วรรณกรรม ดนตรี และประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพียงแต่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามความจริงทั้งหมด ทั้งหมดถูกรวบรวมและนำมาประกอบจนเป็นฉัน ฉันเป็นสิ่งของที่ทรงความรู้ที่สุดถ้าฉันสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ได้ แต่ฉันเป็นเพียงสิ่งของเท่านั้น
    วันที่ฉันเริ่มมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์จำนวนนับแสนมาดูฉัน ตั้งแต่ตัวเลขบนตัวฉันเริ่มนับที่ 1 ฉันยืนอยู่บนแผ่นดินของโลกจนกระทั่งวันที่ 1100 ฉันจึ่งเริ่มออกเดินทาง คำสั่งคือให้ฉันเดินทางไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาใครก็ตามที่สามารถอ่านรหัสบนตัวฉันออก และสามารถเปิดเอาความรู้ทั้งมวลในโลกไป ใครก็ตามที่สามารถเรียงภาพ 18 ภาพ เป็นภาพที่เหมือนกัน 9 คู่ แบ่งเป็นแถวบนมี 9 ภาพไม่ซ้ำกัน และแถวล่างมี 9 ภาพที่ไม่ซ้ำเช่นกัน ใครที่เพียงแค่เรียงภาพแถวบนกับแถวล่างให้ตรงคู่กันได้ ก็จะได้ความรู้ทั้งมวลของดาวโลกไปครอบครอง แต่ฉันยังไม่เจอใครคนนั้น หรือง่ายๆคือฉันยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตอื่นอีกเลยตั้งแต่ออกจากโลกมา
    ครั้งแรกมนุษย์ตั้งใจจะวางฉันไว้ในโลกอย่างนั้น เพียงเพื่อให้ฉันถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้นให้กับลูกหลานในอนาคต ให้พวกเขาได้รับรู้ว่ามนุษยชาติมีความเจริญก้าวหน้าถึงเพียงใดในเวลานั้น หากเกิดภัยพิบัติอะไรขึ้นจนไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ต่างๆตามปกติได้ เพื่อกันสิ่งเหล่านั้นสูญหายไป มนุษย์จึงสร้างฉันขึ้นมาเพื่อปกป้องเวลาทั้งหมดของพวกเขาเอาไว้ ฉันจำได้ว่าประธานาธิบดีของประเทศหนึ่งบอกว่า “มนุษยชาติจะดำรงต่อไปตราบจนโลกสลาย อีกพันปีหลังจากนี้เรามนุษยชาติ จะมาเปิดแคปซูลหมื่นปีลูกนี้อีกครั้ง และจะใส่ข้อมูลใหม่เพิ่มขึ้น และทุกๆพันปีเราจะมา up date กันใหม่” คนเรือนหมื่นที่ฟังคำปราศรัยอยู่ก็หัวเราะพร้อมกับตบมือให้กับอารมณ์ขันของท่านประธานาธิบดี
    วันที่ 200 พวกเขาสร้างตึกครอบฉันเอาไว้อีกที และสร้างที่นั่นให้เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ นักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกระทิมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ วันที่ 700 ฉันได้ยินนักวิทยาศาสตร์หลายคนเริ่มพูดถึงวันสิ้นโลก พวกเขาบอกว่าโลกที่ร้อนขึ้นทุกวันจะทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกใต้ละลาย ภูเขาน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่เท่ากับประเทศบางประเทศ น้ำที่เคยรวมตัวกันเป็นของแข็งชี้ตระหง่านขึ้นไปในอากาศ กลับทิ้งตัวลงสู่พื้นน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ง่ายๆเรื่องของการแทนที่ เหมือนแก้วน้ำที่มีเบียร์อยู่เต็มแก้ว ถ้าเราใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปเบียร์ก็หกกระจายเต็มโต๊ะ เหมือนตึก 3 ชั้นที่ใช้จอดรถได้ 700 คัน เมื่อตึกถูกทุบทิ้งรถทั้ง 700 คันก็จะทะลักลงสู่ถนน จะมียอดเขาอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่จะอยู่พ้นระดับน้ำทะเล อีกไม่เกิน 10 ปีเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะลดความร้อนของโลกลงได้
    วันที่ 750 มีข่าวว่ามีการก่อการร้ายขึ้นในประเทศต่างๆที่มียอดเขาสูง 4-5 ประเทศที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ระบุชื่อเอาไว้ วันที่ 800 ผู้ก่อการร้ายในประเทศต่างๆใช้อาวุธเคมีร้ายแรงที่มีผลคล้ายๆกัน เข่นฆ่าประชาชนในประเทศไปเป็นจำนวนมาก วันที่ 810 ท่านประธานาธิบดีตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้าไปในประเทศทั้ง 5 เป็นปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ วันที่ 900 ข่าวเรื่องโลกร้อนจนอาจทำให้เกิดน้ำท่วมโลกครั้งร้ายแรงรั่วไหลออกไปสู่สาธารณะ สำนักข่าวประเทศคู่แข่งทางการค้าซีกโลกตะวันออกพากันประโคมข่าว เรื่องสงครามการก่อการร้ายในประเทศต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าสงสัย การก่อการร้ายเกิดขึ้นโดยไม่มีมูล ผู้ก่อการร้ายใช้อาวุธเคมีที่มีรายงานลับว่ามีผลิตอยู่ในประเทศของท่านประธานาธิบดีที่เดียวเท่านั้น ความคลางแคลงใจก่อตัวขึ้นทั่วโลก จากการพิพาทก็กลายเป็นสงครามเพื่อแย่งดินแดนที่คาดว่าจะไม่ถูกน้ำท่วมถึงเพียงไม่กี่แห่ง
    วันที่ 950 นักวิทยาศาสตร์ 10 คนติดเครื่องเจ็ทเพิ่มบนตัวฉัน กำลังของเครื่องสามารถเพียงแค่ส่งฉันให้ออกจากบรรยากาศของโลกได้เพียงเท่านั้น เพราะทรัพยากรต่างๆถูกเรียกไปเพื่อรับกับการทำสงครามหมดแล้ว วันที่ 1100 นักวิทยาศาสตร์ 10 คนคุยกันว่า พบว่าโลกมีความบอบช้ำจากการถูกอาวุธจำพวกขีปนาวุธต่างๆยิงใส่ โลกอ่อนแอเกินกว่าจะคงสภาพไว้ได้ “ขอให้เจ้านำพาความรู้ทั้งมวลในโลกไปสู่ผู้ที่ควรรู้...” วันนั้นฉันเริ่มออกเดินทาง
    วันที่ 2195 ฉันลอยไปทางดวงจันทร์บริวารของโลก เมื่อมองลงมายังโลกมันก็เกิดระเบิดขึ้น ฉันเห็นรอยร้าวแบ่งโลกเป็น 2 ซีกก่อนระเบิด แรงระเบิดส่งฉันกระเด็นออกมาไกล มาถึงเวลานี้ฉันแน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อยู่อีกแล้ว ไม่นับถึงสิ่งมีชีวิตอื่นที่สูญพันธ์ไปเกือบหมดในช่วงสาคราม ไม่มีใครที่มีความทรงจำของโลกเหลืออยู่ ถึงแม้จะมีใครที่หนีออกมาจากโลกได้แต่มนุษย์เหล่านั้นจะดำรงชีวิตในสภาวะที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เด็ดขาด คนเหล่านั้นคงตายในไม่ช้า เรื่องราวต่างๆที่สะสมข้ามเวลามานับล้านปีของดาวโลกก็จบลง สิ่งสร้างสรรค์พันล้านสิ่งจากสมองก้อนน้อยของเหล่ามนุษย์กำลังจบลง ฉันเป็นสิ่งเดียวที่ยังหลงเหลือให้สืบสาวความเป็นมาของดาวที่เคยมีชีวิตที่เรียกว่าโลกได้
    บางครั้งฉันเคยคิดว่าเมื่อมนุษย์สูญสิ้นไปแล้วแบบนี้หน้าที่ของฉันจะมีไปเพื่ออะไร มันไม่เหมือนกับกรณีที่โลกยังมีอยู่เพียงกำลังลำบากต้องการผู้ช่วยเหลือ แล้วให้ฉันเป็นผู้ส่งข่าวไปขอความช่วยเหลือ หรือโลกกำลังจะทำสงครามกับประชากรของดาวดวงอื่นจึงส่งให้ฉันนำข้อมูลของวิทยาการที่ล้ำหน้าไปข่มขวัญศัตรู ฉันยังนึกถึงประโยชน์ของการนำวิทยาการของสิ่งที่สูญพันธ์ไปแล้วไปให้กับสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นได้รับรู้ไม่ออก แต่ในเมื่อเป็นหน้าที่และยิ่งฉันเป็นเพียงแค่สิ่งของดังนั้นฉันก็ต้องทำต่อไป
    จะว่าไปแล้วที่บอกว่าไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ก็อาจเป็นเพราะฉันยังไม่เคยเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวดวงไหนมาก่อนเลย ฉันเคยแต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมากับพวกอุกาบาศ แต่ยังไม่เคยสัมผัสพื้นผิวของดาวดวงอื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ฉันว่าถ้าฉันเกิดไปตกลงในดวงดาวที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลยฉันจะทำอย่างไรดี ในเมื่อฉันไม่มีเครื่องเจ็ทที่จะพาฉันออกมาสู่วงโคจรของอวกาศได้อีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงต้องรอให้ดาวดวงนั้นหมดอายุจนระเบิดส่งฉันออกมาในอวกาศอีกที
    วันที่ 4788802 ฉันรู้สึกว่ากำลังโดนดูดเข้าไปใกล้ดาวดวงหนึ่ง ฉันกำลังจะตกลงสู่ดาวดวงนั้นแล้ว ความร้อนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากแต่สำหรับฉันความร้อนแค่นี้ไม่เป็นปัญหา แรงดึงดูดเพิ่มขึ้นตัวฉันพุ่งด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วของเสียงที่เคลื่อนที่ไปในบรรยากาศของโลก... สุดท้ายจบลงด้วยการกระแทกกับพื้นดวงดาวอย่างแรง ฉันรู้สึกว่าตัวแทบจะแตกสลาย ไม่ใช่ว่าตัวฉันอ่อนแอหรอกนะ แต่ฉันรู้สึกว่าพื้นของดวงดาวนี้เป็นวัตถุที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับวัสดุที่ใช้สร้างตัวฉันเลย
    ดวงดาวที่เวิ้งว้าง จากระยะสายตาแล้วพื้นที่ทั้งหมดเป็นวัตถุแบบเดียวกัน และดูท่าว่าจะไม่มีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ๆ หรืออาจจะไม่มีน้ำอยู่บนดาวดวงนี้เลย แล้วจะมีสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร เท่าที่ดูที่นี่ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตพื้นฐานอย่างสัตว์เซลเดียวหรือแม้แต่พืช ฉันรู้สึกหมดหวังถ้าเพียงแค่มีสัตว์เซลล์เดียวอยู่บ้างฉันก็ยังพร้อมที่จะรอให้มันวิวัฒนาการจนมีความสามารถพอที่จะมาเปิดตัวฉันได้ ถ้าไม่มีสิ่งมีชีวิตก็หมายความว่าฉันต้องรอจนดาวดวงนี้ระเบิด ซึ่งอาจกินเวลาเป็นล้านล้านวัน
    วันที่ 4788803 ฉันสังเกตเห็นบางอย่าง ในพื้นที่ห่างออกไปประมาณ 100000 เซนติเมตร มีโพรงอยู่ที่พื้นเป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของดาวดวงนี้ แต่ฉันขอให้เป็นฝีมือของสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้ ถ้าใครก็ตามที่มีความสามารถเจาะพื้นที่แข็งขนาดนี้ให้เป็นโพรงได้แสดงว่าจะต้องมีเทคโนโลยีสูงพอสมควรทีเดียว ขณะนึกอยู่นั้นฉันก็รู้สึกว่ามีใครมาจับที่ตัวฉัน สิ่งมีชีวิตแน่ๆฉันรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มของผิวสัมผัส สิ่งมีชีวิตแน่นอน ฉันเหลียวกลับไปดู ใช่จริงๆมันกำลังจ้องมองมาที่ฉันมาที่รูปรหัสบนตัวฉัน มันตัวเล็กกว่ามนุษย์บนดาวโลกเสียอีก ร่างกายมีแต่ผิวหนังค่อนข้างหยาบ ผิดกับอุ้งเท้า 3 ข้างของมันที่ดูนุ่มนิ่ม หัวที่เล็กกว่าตัวมากทำให้มันดูตลกอย่างบอกไม่ถูก แต่มันใช้อะไรขุดโรงล่ะ ร่างกายมันไม่มีอะไรบ่งบอกว่าจะแข็งพอที่จะเจาะพื้นแข็งขนาดนี้ได้เลย เครื่องมือ! มันต้องใช้เครื่องมือแน่ๆ สิ่งมีชีวิตที่รู้จักใช้เครื่องมือจะต้องมีความสามารถพอที่จะตีความรูปรหัสบนตัวฉันออกแน่ๆ
    ฉันทั้งดีใจทั้งโล่งใจที่หน้าที่ของฉันจะจบลงแล้ววันนี้วันที่ 4788803 ถึงฉันจะต้องตายลงวันนี้ฉันก็พอใจ มันช่างเป็นเวลาที่ยาวนานเสียจริงเมื่อเทียบกับอายุขัยของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตตัวนี้มันกำลังเลื่อนรูปภาพไปเรื่อยๆ ฉันรออย่างใจจดใจจ่อ ถึงตอนนี้ฉันก็รู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนิดเสียแล้ว ฉันอยากดูว่าสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้จะเอาความรู้ของมนุษย์โลกไปทำอะไร เค้าคงเอาบทเรียนความขัดแย้งโง่เง่าของมนุษย์โลกมาเป็นสิ่งเตือนใจ ว่าเมื่อเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันก็ควรสามัคคีกันเอาไว้ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นกันเอง ความหายนะก็จะเกิดขึ้นกับตัวเองเท่านั้น
    ในขณะที่ฉันกำลังคิดเพลินๆอยู่นั้น สิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็ยื่นปากมาจูบฉัน เหมือนที่ประธานาธิบดีทำในวันนั้นวันเกิดของฉัน แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ฉันรู้สึกได้ถึงของเหลวที่ออกมาจากปากของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น ฉันรู้สึกว่ามันค่อยๆกัดกร่อนร่างกายของฉัน ร่างที่เกิดจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดในโลกกำลังถูกกัดกร่อน ของเหลวของสิ่งมีชีวิตตัวนี้ไม่มีอยู่ในโลก ร่างกายฉันทนต่อของเหลวนี้ไม่ได้ ฉันกำลังจะตายไม่ได้ตายเพราะทำหน้าที่สำเร็จแต่กำลังจะตายเพราะถูกกิน ฉันรู้แล้วว่าโพรงพวกนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แหล่งความรู้และวิทยาการสุดท้ายของมนุษย์โลกกำลังจะถูกกิน ฉันไม่ได้เสียดายอะไรเลยยกเว้น วรรณกรรมเรื่องมังกรหยกทั้งสามภาพที่นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งชอบมานั่งอ่านใกล้ๆฉัน แล้วจะมีเรื่องสนุกๆแบบนี้อีกเมื่อไหร่

    mu-in-hong
    7/6/48

    จากคุณ : mu-in-hong - [ 10 มิ.ย. 48 13:04:38 A:203.155.114.175 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป