CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า

    ณ. อาณาเขตบ้านอันกว้างใหญ่กว่าสิบไร่อันเป็นที่ตั้งของอาณาเขตคฤหาสถ์หลังงามของท่านเศรษฐีนักธุรกิจชื่อดัง ภายในประดับด้วยเครื่องเรื่อนสั่งตรงจาก อิตาลี
    ฝรั่งเศส อิรัก อิหร่าน คูเวต ลาว เวียตนาม พม่า ก็เอา

    เพราะคุณนายถือว่า สินค้าใดที่ไม่ใช่ของไทยต้องถือว่า ของนอกทั้งนั้นมันน่าใช้

    จะนอกเมือง นอกโลก ก็ขอให้มีไว้ในครอบครอง

    จะว่ากล่าวถึงอดีตของท่านเศรษฐี ที่มีตำแหน่งทางการเมืองควบอีกหลายตำแหน่งท่านนี้ ออกจะมีระยะเวลาที่ยาวไกลเหมือนแม่น้ำไนย์บวกอะเมซอนปานนั้น

    เพราะท่านคือจีนจากโพ้นทะเลที่เล็ดลอดตาข่ายดักปลาของตำรวจไทยมาได้อย่างหวุด หวิด จากมาครั้งแรกมีเสื้อหลายตัว กางเกงอีกสาม หากพอลงเรือ ท่านก็เหลือเหมือนเพื่อนคนอื่นคือ

    เสือผืนหมอนใบ

    การทำงานรับจ้างในช่วงแรกก็เป็นเพียงกุลีแบกข้าวสารธรรมดา เหมือนเพื่อนคนอื่น
    แต่ต่างกันที่ ท่านหรือ โก๊ะจงในวันนั้นมี คือ ความขยันที่แตกต่างจากเพื่อนชนิดสุดกู่

    เพื่อนของโก๊ะจง ทำงานตั้งแต่ 7 โมง เช้า ถึง 5 โมงเย็น แต่ตัวโก๊ะจะทำตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง เที่ยงคืน เรียกว่า ข้ามชั้นกันไปเล้ย

    ฉะนั้นจึงเป็นการง่ายมากที่ท่านเจ้าของโรงสีเมืองปากน้ำโพธิ์อย่างเถ้าแก่ฮุย จะรักและเอ็นดูโก๊ะมาก และด้วยความคิดเรื่องธุรกิจที่วางไว้หลายโครงการ เรื่องการเงินที่เถ้าแก่รู้ดีว่า โก๊ะนั้น ซื่อสัตย์เพียงใด

    เถ้าแก่ก็เหมือนคนจีนทั่วไปที่อยากจะมีลูกชายไว้สืบสกุล หากที่มีก็กลายเป็นนางทั้งเจ็ด ถึงจะไม่มีลูกชายแต่เมื่อลูกสาวทั้งเจ็ดออกมาหน้าตาหมดจด ผิวพรรณ เปล่งปลั่ง เป็นที่ต้องตาต้องใจของชายหนุ่มทั้งหลายในละแวกนั้นแล้ว เถ้าแก่ก็ปลื้มตามธรรมเนียม

    และอันว่านางทั้งเจ็ดนั้นเถ้าแก่ก็จัดแจงหาคู่ให้ไปแล้วหกนางซึ่งเหลือเพียงลูกสาวคนเล็ก ซึ่งยังขบเผาะๆ ผิวพรรณดังเปรี๊ยะ ๆ สวยงามตามสมัย
    ซึ่งเมื่อลูกทั้งหกคนก็ไม่ได้ทำให้เถ้าแก่ฮุยเสียใจ พอพ่อว่าไงลูกสาวก็ว่าตามกัน ฉะนั้นลูกสาวทั้งหกคนจึงแต่งงานไปกับเศรษฐีในทั้งนอกเมืองและต่างเมืองร่ำรวยมีหน้ามีตา แต่เมื่อมาถึงลูกสาวคนเล็กวัย 17 หย่อนๆ อย่างหมวยเฮียงน้อยๆ แล้ว
    เถ้าแก่เห็นว่ายังไงเสียธุรกิจโรงสีนี้ท่าจะไม่มีผู้สืบทอดเพราะลูกเขยลูกสาวที่ร่ำรวยไฉนเลยจะอยากมาทำงานเป็นจับกังอยู่อีก เปงปายม่ายล่าย

    ดังนั้นเถ้าแก่จึงได้ดำเนินการวางแผนเผด็จศึกจับหมวยเฮียงตัวน้อยขึ้นเขียง กับ โก๊ะจงเสียเลย ถึงแม้อายุจะห่างกันอยู่รอบกว่าๆ แต่ด้วยความเป็นลูกที่ดี ทำให้น้ำท่วมปาก หมวยเฮียงน้อยจึงต้องตกเป็นเมียของโก๊ะจงในที่สุด

    ถึงแม้ไม่รัก แต่เมื่อโก๊ะขยันขันแข็ง ถึงไม่รวย โก๊ะก็ซื่อสัตย์ ไม่เคยเลยที่จะหมกเม็ด ไม่มีเลยที่เงินจากบัญชีจะขาดสักเฟืองเดียว

    หมวยเฮียงแต่งงานกับโก๊ะมาห้ามีถึงได้มีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเถ้าแก่ฮุยเป็นอันมาก เพราะว่าลูกสาวทั้งหกคนนั้น ต่างไม่มีนางใดเลยที่จะมีลูกชาย
    หลานชายไว้ให้เถ้าแก่เชยชม

    เมื่อหลานชายคนแรกถือกำเนิดขึ้นมา จึงเป็นธรรมดาที่เถ้าแก่จะอดปลาบปลื้มเป็นไม่ได้

    แถมโก๊ะจงยังใจดีให้ลูกชายใช้นามสกุลหรือชื่อแซ่ของเถ้าแก่อีก จากเขยที่รักมาก
    มาวันนี้โก๊ะจงกลายเป็นเขยที่น่าเทอดทูนของเถ้าแก่ไปแล้ว

    ธุรกิจโรงสีที่มี โก๊ะจงเลยต้องเป็นผู้สานต่อพ่อตาไปโดยปริยาย ฐานะที่เป็นอยู่ค่อยๆ ดีขึ้น เหมือนดัชนีน้ำมันในตลาดหุ้น

    และเมื่อเถ้าแก่ฮุยเสียชีวิตลง โก๊ะจงกับหมวยเฮียงจึงได้ย้ายเข้ามาทำธุรกิจที่กรุงเทพ

    ลูกชายคนเดียวที่มีถูกส่งเข้าโรงเรียนเอกชนชั้นยอด ที่บรรดาลูกท่านทั้งหลายนิยมกัน และโก๊ะจงก็เริ่มขยายอาณาจักรขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ในที่สุดลงแข่งขันในทางการเมือง กะเขามั้ง ตามกระแส

    และในที่สุด ก็ไม่พลาด เงินมี แบ็กดี ภาพพจน์เลิศ จึงไม่ยากที่โก๊ะจะได้รับเลือก
    หมวยเฮียงผู้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ก็เริ่มออกงานสังคม เพื่อฝึกพูด ภาษาไทย
    ห้ายช้าด

    และที่ตามมาคือเงินบริจาค เพื่อจะได้มีชื่อขึ้นแท่นตามคุณหญิงทั้งหลายบ้าง

    ส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว ที่ส่งเข้าโรงเรียนประจำ ไปแล้ว เมื่อโตขึ้น
    โก๊ะก็จัดการส่งลูกชายไปเรียนเมืองนอก โดยไม่ลืมกำชับว่า

    "อย่าทำตัวเหลวไหลนะลูกรัก ตระกูลของเรามีลูกเพียงคนเดียวที่จะเป็นหน้าเป็นตา เรียนให้จบแล้วรีบกลับมาช่วยพ่อทำงาน"

    ลูกชายน้อมรับคำสั่งสอนอย่างดี และตัวลูกชายของโก๊ะกับหมวยเฮียงก็ไม่เคยเลยที่จะทำตัวเหลวไหล ไม่เกเร แถมเรียนก็ระดับ เกรด 4 เกรด 5ไปโน้น เรียกว่า

    ลูกชายของโก๊ะ ด้ายดั่งจายทุกอย่าง

    ใบไม้ร่วง ฝนตก แดดออก พายุ เข้า พระเสาร์วิ่ง ราหูอมจันทร์ ไปสามสี่รอบ
    ก็ถึงวันที่โก๊ะจงคุยกับคุณหญิงเฮียงว่า

    "นี้อาเฮียง ไอ้ลูกชายก็เรียนจบแล้ว ฉันว่าเราเรียกตัวมันกลับมาดีกว่าไหม"

    คุณหญิงเฮียง ซึ่งนั่งแคะขี้เล็บอยู่ ชำเลืองตาเขียวๆ มาทางตือโป้ยก่าย

    "ก็ไหนเห็นลูกขออยู่เที่ยวสักสองสามเดือนไงละ "

    ท่านเศรษฐีที่กำลังลูบพุงอยู่ จึงตอบคุณหญิงเบาๆว่า

    "ฉันอยากให้มันกลับมา จะได้จัดการแต่งงานแต่งการให้มันซะที ดูๆ ลูกของท่านรัฐมนตรี ไพเราะ ไว้ รายนั้นนะลูกสาวแต่ละคนสวยอย่างกะนางงาม ถ้าไอ้หนูของเรา มันตกลงจะได้จัดการให้มัน อายุอานามก้อเยอะแล้ว เป็นสมัยก่อนเราคงได้อุ้มหลานแล้วละ แต่เด็กสมัยนี้มันไม่ยอมแต่งงานกันง่ายๆ หรอก เราเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องจัดการให้เรียบร้อย

    "แต่ฉันเห็นว่ามันตกยุค ตกสมัยไปแล้วละ ไม่มีใครเขาบังคับลูกหรอก"
    ท่านเศรษฐีเมื่อเห็นว่าคุณหญิงตาเขียวค้าน

    จึงลุกขึ้นสะบัดจีวร ...โอ๊ะ ขอโทษที สะบัดเสื้อคลุม แล้วลุกขึ้น

    "ใครมันจะทำยังไงก็ตามมันซิ ฉันกับคุณหญิงได้ดีมาก็เพราะเถ้าแก่จัดการให้เหมือนกัน นี้เราเหลือลูกชายเพียงคนเดียวจะแต่งงานมีหน้ามีตาหน่อย ก็ต้องทำให้ดีซิ ฉันอยากให้มันกลับมา เรียกตัวลูกชายสุดสวาทเธอกลับมาเลยนะคุณหญิง ฉันไปจะทาบลูกสาวเขาไว้ มาถึงจะได้พาไปให้รู้จักกัน"

    ท่านเศรษฐีโก๊ะสบัดก้นห้อยๆ เดินออกๆไป ปล่อยให้คุณหญิงนั่งบ่นกับเล็บขบไปคนเดียว


    22.15 น. สนามบินดอนเมือง ผู้คนที่เดินกันจนลายตา ทำให้ร่างท้วมๆทั้งสองที่ยืนพึงกันอยู่แทบหมดแรง หากการรอคอยที่ยาวนาน ก็เพื่อความพอใจ ดีใจ ที่จะเห็นลูกชาย ที่ห่างอกไปเนิ่นนาน
    ผู้คนมากมายที่กำลังเดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า ทำให้ทั้งสองเศรษฐี คอยื่นคอยาว มองหาลูกชาย แต่ว่า หาเท่าไหร่ท่านเศรษฐีทั้งสอง ก็ได้แต่ส่ายหน้า
    ผ่านไปคนแล้วคนเล่า ก็ยังไม่มีวี่แวว

    การรอคอยที่เนิ่นนานทำให้ท่านเริ่มหงุดหงิด

    "มันคงไม่มาแล้วมั้ง คุณหญิง"

    "มาซิค่ะ ก็ลูกบอกว่าจะมา รออีกนิดเถอะค่ะ"

    คุณหญิงเฮียง จับแขนอันพอกพูนไขมันของสามีไว้

    และแล้ว ก็มีผู้โดยสารอีกสามคนเดินออกมา คุณหญิง มองไปที่กลุ่มสามคนนั้น พลางก็สะกิดสามี

    ผู้หญิงหนึ่งนั้นแสนสวย ดั่งนางในวรรณคดี เอวองค์อ่อนช้อย นวลอนงค์ ผมดำเป็นน้ำมันตับปลา

    ส่วนฝ่ายชายสูงใหญ่ คมเข้ม ล่ำสันดั่งสมบัติเมทะนี

    พร้อมเด็กชายวัยเพียงสี่ขวบกว่าในอ้อมกอดของฝ่ายหญิง

    "โอ้ย ฉันจะเป็นลม "


    คุณหญิง ทำท่ายืนไม่อยู่

    ทั้งสามเดิมเข้ามาใกล้เศรษฐีทั้งสอง

    ชายหนุ่มคมเข้ม ยกมือไว้คุณหญิงกับสามี

    " ผมกราบคุณพ่อกับคุณแม่ครับ"

    ท่านทั้งสองรับไว้ พร้อมกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

    "นี้เมียเราหรือจ๊ะ"

    คุณหญิงที่ตั้งสติได้เริ่มสืบสาวราวเรื่อง

    ชายหนุ่ม คม ๆ เข้มๆ ยิ้มอย่างรักใคร่ขณะมองดูหญิงสาวและร่างของเด็กน้อยใอ้อมกอดของผู้เป็นภรรยา

    "ครับคุณแม่ ลูก กับภรรยาผมเอง"

    หญิงสาวที่แต่งหน้าเข้มจัดหากสวยงามอย่างปราณีต ส่งเด็กน้อยในอ้อมแขนให้คุณหญิง

    "นี่พ่อแม่เราจะว่ายังไงฮึ ตาตั้ม มีลูกมีเมียแบบนี้"

    ท่านโก๊ะ อดเป็นห่วงสวัสดิภาพของลูกชายเพื่อนไม่ได้ ก็ทางนั้นก็เห็นว่าหาลูกสะใภ้ไว้รอเหมือนกัน

    สมบัติยุค 2005 ยิ้มกับภรรยา ก่อนบอกท่านโก๊ะว่า

    "ผมก็หวังว่าคุณพ่อกับคุณแม่จะเข้าใจ แต่ช่วงนี้ผมขอไปอาศัยที่บ้าคุณอาก่อนนะครับ "

    ท่านเศรษฐีทั้งสอง เมื่อเห็นเด็กชายน้อยๆ แล้วก็อดรักใคร่ไม่ได้

    " ไปเอาไงเอากัน ไปอยู่กับอา ก่อนก็ได้ นี้อาก็มารอเจ้าวิทมันเห็นบอกว่าจะมาจะมา ก็ไม่มาซะที "

    เสียงชายหนุ่มร่างสูงแทรกขึ้นก่อนที่ท่านโก๊ะจะพูดจบ

    "นี่เธอยังไม่ได้บอก พ่อกับแม่อีกหรือวิช"

    ภรรยาสาวแสนสวยค่อยๆ บอกเสียงอ่อยๆว่า

    "ก็วิชยังไม่กล้าบอกนี้ค่ะ "

    คุณหญิงกับท่านโก๊ะที่กำลังเพลินกับหลานชายตัวน้อย ชะงักด้วยเบรก abs

    ร่างงามสง่าดั่งพญาหงส์ของหญิงสาว น้อมกราบคุณหญิงอย่างอ่อนช้อย

    " นี้วิช ไงค่ะคุณแม่ วิชเองคุณแม่กับคุณพ่อจำไม่ได้หรือค่ะ"

    นางวิชญาพร หรือนายวิทยา ก้มกราบมารดาด้วยน้ำตานองหน้า

    "วิชเองค่ะ คุณแม่ คุณพ่อ นี้พี่ตั้ม สามีของวิทย์ แล้วนี้ ตาต่อลูกของเรา
    เรารักกันนนะค่ะ คุณแม่คุณพ่อต้องช่วยเรานะค่ะ ลูกของวิช ก็ให้ใช้นามสกุลของเราค่ะ ไม่ได้ใช้ของคุณตั้มหรอก....."


    และอีกหลายประโยค หากคำพูดก็คงลอยอยู่ในอากาศ เพราะเศรษฐีทั้งสองได้ลงนอนวัดพื้นไปแล้วทั้งสองคน

    ชายหนุ่มและหญิงสาวแสนสวย จึงต้องข่วยกันลากร่างทั้งสองท่านเศรษฐีออกมาอย่างทุลักทุเล

    พลางลูกชายตัวน้อยที่เดินตามก็ช่วยเก็บกระเป๋าคุณย้ายเดินสะบัดก้นตามพ่อกับแม่ออกมา

    จากคุณ : nana - [ 10 มิ.ย. 48 14:13:28 A:202.28.78.80 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป