ติชมได้ตามสบายเลยครับ = ='
ขอ EDIT บางส่วนนะครับ
ฝาก link กระทู้เก่าของผมด้วยครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3385244/W3385244.html
Heaven Gate <<< ติชมได้ตามสบายคับผม >>>
------------------------------------------------------------------------
1.
เดวิดพยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าที่นี่คือที่ไหน
ภาพรอบๆตัวนั้นเต็มไปด้วยสีขาว
นึกอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่สามารถนึกออกได้ว่าคือที่ใด
จึงเริ่มทบทวนว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้
เขาเป็นเด็กชายอายุ 8 ขวบ ก่อนหน้านี้สักประมาณ 2 - 3 ชม
จำได้ว่ากำลังเล่นน้ำอยู่ในสระหน้าบ้านอยู่ดีๆ
แล้ว......................................
ร่างของเขาก็ดำดิ่งสู่เบื้องล่าง ตะเกียกตะกายดิ้นรนสุดชีวิต แล้วก็..................
" ที่นี่คือ......... " ดูเหมือนจะนึกขึ้นมาได้
จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยอ่านหนังสือของคนที่ตายแล้วฟื้นที่พูดถึงช่วง
เวลาหลังความตายไว้คร่าวๆว่ารอบๆตัวนั้นจะถูกฉาบไปด้วยสีขาว
แต่สักพักหนึ่งก็จะถูกดึงกลับ
.. ฉันตายแล้วหรือ แล้วพระเจ้าหล่ะ ???
ทันทีที่คิดเสร็จก็ปรากฏร่างของชายผมยาวหนวดเครารกเฟิ้มคนหนึ่ง
สวมทับด้วยผ้าสีขาวคาดด้วยผ้าสีแดง
เมื่อเห็นก็จำได้ทันทีว่าชายผู้นี้คือคนที่เดวิดมองเห็นอยู่บ่อยๆทุกครั้งที่ทำมิสซา
เขาถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน
ชายผู้นั้นยื่นมือมา
เด็กน้อยมองอย่างไม่แน่ใจใช่คนเดียวกับที่ถูกตรึงกางเขนจริงหรือ
น่าจะมีรอยตะปูทีมือบ้าง
ไม่กี่อึดใจมือของชายผู้นั้นก็เป็นรูโหว่อาบไปด้วยเลือด
เด็กน้อยเหมือนจะยื่นมือไปจับ แต่แล้วก็เกิดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
" ใช่พระเจ้าตามที่ถูกสอนมาแน่หรือ แล้วของศาสนาอื่นล่ะ "
เขาคิดย้อนไปถึงภาพของหญิงชราข้างบ้านที่ก้มกราบพระพุทธปฏิมาอยู่ทุกเช้าค่ำ
ทันทีที่คิดก็มีร่างขององค์พระพุทธปรากฏอยู่ตรงหน้า สีหน้าผ่องใส หน้าเอิบอิ่มไปด้วยความเมตตา
" ใช่คนนี้ใช่แน่ๆ " เขาบอกกับตัวเองยังงั้นแต่แล้วความลังเลก็เข้ามาครอบงำอีกคิดถึงพระเจ้าของศาสนาต่างๆที่เคยรู้จัก
คิดถึงองค์ไหน ร่างขององค์นั้นก็ปรากฏกายขึ้นเรื่อยๆ ตรงนู้นบ้าง ตรงนี้บ้าง
เมื่อเห็นดังนั้นเด็กน้อยทรุดลงกุมขมับ สับสนในจิตใจไปหมด ไหนคือจริง ไหนคือเท็จ
นึกอยากให้ทุกองค์เป็นจริงหมด อีกความคิดหนึ่งก็อยากให้องค์ที่แม่เคยสอนพร่ำเป็นจริง
ลังเลอยู่นานก็มีสุรเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นมา
" เจ้ากำลังสับสนอยู่ใช่ไหม "
เด็กน้อยตอบกลับไป " ใช่ครับ สับสนเรื่องที่รู้ว่าตัวเองตาย ผมยังไม่อยากตาย มันยังไม่ถึงเวลาของผมใช่ไหม"
เสียงขาดห้วงตรงประโยคสุดท้ายนั้น ผู้พูดน้ำตาเอ่อนึกอยากให้เป็นจริง
" เจ้าสับสนแค่นั้นเองหรือ "
เด็กน้อยพยักหน้า " ก็ยังมีอีกเรื่องครับ คือผมสับสนไปหมดแล้วพระเจ้าที่แท้จริงคือคนไหน "
" เอาล่ะจริงๆแล้วเวลาตายของเจ้านั่นยังไม่มาถึง ข้าอาจจะให้โอกาสเจ้ากลับไปอีกได้ แต่เจ้าต้องกลับที่นี่อีกทีในวันพิพากษา "
" วันพิพากษา ? "
" ใช่เจ้าจะกลับมายังที่นี่อีกครั้งหนึ่งเพื่อรับฟังบำเหน็จหรือโทษจากพระเจ้าของเจ้า "
" พระเจ้าของผม ?"
" ให้เจ้านับถือพระเจ้าของเจ้า และ ถ้าเจ้าทำความดีหรือพร่ำสวดภาวนาเจ้าก็จะได้รับบำเหน็จ เวลาตรงนี้ของเจ้าหมดแล้ว ออกไปได้แล้ว "
ทันทีที่เสียงลึกลับนั้นพูดจบ พระเจ้าที่ล้อมรอบนับร้อยองค์ก็ค่อยๆมลายหายไป สีขาวที่ล้อมรอบกลับกลายเป็นดำมืด
และแสงสว่างตรงหน้ากลับมาอีกครั้งหนึ่งปรากฏเป็นภาพ แม่..........พ่อ........ ร่างของทั้งสองเปียกโซก เมื่อแม่เห็นเขา
ลืมตาขึ้นมาก็โผกอดด้วยความปรีดาสุดขีดพูดพร่ำอยู่ว่า"รอดแล้วลูก รอดแล้ว"
ใช่เขารอดแล้วและรู้ว่าควรดำเนินชีวิตไปอย่างไร
ตกดึกก่อนนอนเด็กน้อยทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำตั้งแต่มีชิวิต หยิบสายประคำที่อยู่ใต้หมอนแล้วแล้วสวดว่า
" วันทามารีอาเปี่ยมด้วยพระ....................."
เขาพร่ำสวดตามจำนวนเม็ดประคำที่อยู่ในสายจนเป็นกิจวัตรประจำ
2.
25 ปีต่อมา
เดวิดหันไปมองกรอบรูปที่อยู่ตรงโต๊ะทำงาน หวนคิดถึงบุคคลที่อยู่ในภาพ
ลินดา..เธอกับเขาแต่งงานกันมาได้เกือบสิบปีแล้ว
ทั้งสองพบกันในโบสถ์ริมชานเมือง
ทางลินดานั้นมาถ่ายภาพผู้ร่วมพิธีในโบสถ์
และเขาก็มาเข้าทำมิสซาตามปกติที่เคยทำทุกสัปดาห์
แล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มงอกเงยขึ้น
ภายหลังก็รู้ถึงความแตกต่างกันสุดขั้วของแต่ล่ะฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งเคร่งศาสนา อีก แต่ฝ่ายหนึ่งนั้นกลับใช้ชีวิตตามสบายไม่สนใจพระเจ้า
เดวิดเคยบอกกับเธอว่าให้สนใจถึงเรื่องพระเจ้าบ้าง แต่อีกฝ่ายส่ายหัวบอกว่า
" ชั้นไม่เชื่อหรอกนะว่าพระเจ้า มีจริง เขาเป็นใครถึงอำนาจมากำหนดชีวิตของคนอื่นได้ "
แต่ความคิดที่แตกต่างแค่นั้นกลับไม่ได้ขัดความสัมพันธ์ของทั้งสองคน
สุดท้ายก็ลงเอยที่การแต่งงาน
และด้านหน้าที่การงานนั้น เดวิดเริ่มต้นจากการเป็นหมอจิตแพทย์
ภายหลังก็โด่งดังจากการรักษาอาการทางจิตด้วยการสร้างศรัทธาในศาสนา
" หมอค่ะ หมอ ? " เสียงพยาบาลหน้าห้องเรียกเขาให้กลับมายังโลกแห่งความจริงตรงหน้า
" อะไรครับ ? " เดวิดเอ่ยปากถามไป
" คือว่าวันนี้จะทำการทดลองไหมค่ะ "
เดวิดนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง การทดลองที่ทำในครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องของสภาวะใกล้ตายของคน
ว่าในช่วงนั้นจะเห็นอะไรบ้าง
คนที่ทำการทดลองนั้นเป็นอาสาสมัครที่มาจากคนไข้ที่เขาเคยรักษาให้ฟรีๆ และผู้ถูกทดลองก็ตอบแทนด้วยการเป็นอาสาสมัครโดย
ไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน
" โอเค เดี๋ยวผมไป " เดวิดบอกกับอีกฝ่ายแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องไป
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:49:52
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:43:06
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:39:13
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:30:52
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:19:43
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:14:49
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:14:27
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:12:41
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:12:21
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 18:04:54
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 17:53:33
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 10:14:29
แก้ไขเมื่อ 12 มิ.ย. 48 04:22:28
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 16:12:27
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 15:42:23
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 15:33:15
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 15:32:26
แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 48 15:27:08
จากคุณ :
stan401
- [
11 มิ.ย. 48 15:26:33
]