CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ความดี....ที่แตกต่าง

    ท่ามกลางลมหนาวที่พัดโชยมาตามซอกตึกที่เรียงรายซับซ้อนกันอย่างไร้ระเบียบ
    ชายหนุ่มในชุดตรวจการสีกากีเดินค้อมห่อไล่ลู่เดินเซไปเซมา
    เสียงลมที่หวีดหวิดเล่นกรีดเข้าไปถึงข้างใน
    ฤาฤทธิ์ของน้ำเมายี่ห้อดังที่อยู่ในอ้อมแขน ก็ไม่อาจทราบได้
    ที่ทำให้ร่างนั้นปะทะเข้ากับกำแพงข้างตึกหลายครั้ง
    และกว่าจะรวบรวมสติเพื่อยืนขึ้นมาได้ เขาก็ต้องอาศัยทั้งแรงกาย
    และแรงใจที่ต้องกัดฟันลุกขึ้นมา เสียงสุนัขที่ร้องเห่ากรรโชกเป็นระยะ
    ทำให้ร่างที่กำลังจะล้มลงอีกครั้ง รีบเกาะกำแพงไว้โดยเร็ว

    หาก ร่างที่กำลังจะล้มลงก็พลันกระดอนออกมาจากกำแพง
    ร่างผอมบางพยายามพยุงตัวแต่เสียงตะโคกพร้อมกับรองเท้าขนาดหลายเบอร์
    หลายขนาด เหยียบซ้ำเข้ามาอีก

    “ไงจะลุกไปไหน อีกละหมวด วันนี้ท่าทางจะหมดแรงหมดกำลังจริง
    หรือว่าโดนเจ้านายไล่ออก มันจะอะไรนัก หนา ไหนดูซิ มีเศษตังให้พวกฉันบ้างไหม”

    ยังไม่ทันที่จะปักป้อง มือไม้อันผอมแห้งของมันก็ตะปบไปตามกระเป๋าเสื้อ
    และค้นไปตามกางเกง เมื่อค้นแล้วค้นอีก เจ้ามือผีก็อัดเข้าใต้คางของชายขี้เมาอีกครั้ง

    “อะไรว่ เป็นตำรวจภาษอะไร แ...ง ไม่มีเงินให้พวกตู “

    “จัดการมันไหมลูกพี่ ขวางทางทำมาหากินดีนัก”

    เสียงแหลมแหบแห้งของพวกวัยรุ่นมือกาวสนับสนุน

    “ยังหรอก ไอ้นี้มันก็ได้แค่นี้แหละ พวกแกอย่าพึ่งวอนจะไปหาข้าวกินฟรีหน่อยเลย”

    เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบว่าเหยื่อจะมีสิ่งที่มันต้องการ
    ไอ้เจ้ามือผีกับเพื่อนจึงได้ประเคนของแถม ให้อีกเป็นรางวัล
    แถมยังฉวยขวดสีน้ำอำพันคู่กายไปเป็นของแถม

    “แบ่งกันกินมั้งนะหมวด กินคนเดียวจะอร่อยที่ไหน”

    นายมือผี พร้อมสมุน ตบรางวัลไปอีกหลายฉาด แต่พอจะหันกลับ พลัน
    .... ปะทะเข้ากับชายอีกผู้หนึ่งที่กำลังยืนพิจารณา
    ร่างที่ฟุ้บอยู่ใกล้ๆเท้าของพวกมัน


    “มองอะไรลุง อยากมีเรื่องไง”

    เจ้าเสียงแหบเดินตรงเข้าไป มือที่ดำผอมแกร็ง
    แตะเข้าที่ชายเสื้อของบุรุษนิรนาม

    “เสื้อสวยนี้”

    และโดยที่มันก็ยังไม่ทันระวังตัว
    ร่างอันผอมเป็นผีของมันก็ลงแบบสลบอยู่กับพื้น
    เมื่อเห็นเพื่อนล้มไปแล้ว ไอ้เจ้าคนหัวหน้ากลุ่มกับพวกจึงรี่เข้าไป

    “ปัง ปัง ปัง “
    กระสุนสามนัดถูกส่งออกจากรังเพลิงอย่างรวดเร็ว
    พร้อมกับร่างทั้งสามยวบลงกับพื้น


    ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไป ยังร่างในชุดสีกากี
    ยกร่างผอมบางของชายหนุ่มพยุงเดินออกไปจากตรอกอย่างรวดเร็ว

    รถคันใหญ่สีดำสนิทวิ่งออกจากตรอกนั้นราวจรวด
    ท่ามกลางสีดำมืดของราตรี ไม่ช้าไม่นาน
    รถคันนั้นก็ลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย



    แสงแดดที่สาดส่องผ่านเข้ามาตามรอยแหวก
    องผ้าม่านทำให้ชายหนุ่มพลิกตัวกลับไปมา ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น
    หากก็ต้องกระพริบตาอยู่หลายครั้ง กว่าที่สายตาจะปรับรับกับแสงได้
    เสียงลมหนาวที่ยังพัดกรูเข้ามา ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มกลับเข้าไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
    เขากลับรีบทำกิจวัตรประจำวัตร สวมเสื้อผ้าเรียบ แล้วรีบวิ่งออกไปยังด้านนอก

    “แม่ครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

    เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในครัว ชายหนุ่มก็จัดแจงนำผักที่วางอยู่บนตะแกรงมาจัดวางบนจาน
    เมื่อสังเกตว่าหญิงวัยกลางคนกำลังสาละวนอยู่กับกระทะร้อนตรงหน้า


    “ เมื่อคืนผมกลับมายังไงครับแม่”



    ร่างในชุดผ้าซิ่นสีเขียว เสื้อแขนกระบอกสีขาวสะอาด
    ใบหน้าประแป้งไว้อย่างพิถีพิถัน
    มือยังสาละวนอยู่กับกระทะขณะที่หันมาตอบลูกชายว่า

    “มีคนเอาลูกมาส่งนะจ๊ะ “


    ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวอะไรอีก
    ทั้งๆที่เขายังรู้สึกปวดตุ้บๆ บริเวณใบหน้าหลายแห่ง

    “ไม่สบายก็นอนพักก่อนก็ได้ กว่าร้านจะเปิดตั้งสิบโมง”

    “ไม่ละครับ นอนมากๆเดียวขี้เกียจ”

    “แล้วนี้คดีของลูกเป็นยังไงบ้างล่ะ”

    ชายหนุ่มก้มลงมองจานผักตรงหน้า ก่อนจะยิ้มให้มารดา
    และเสมือนแม่ลูกคู่นี้จะรู้กันนางจึงไม่ได้ซักถามต่อ

    เขาจะบอกมารดาได้อย่างไร ความไม่สบายใจ
    นั้นมันคับแน่นอยู่ในอก แต่เขายินดีที่จะรับมันไว้เพียงผู้เดียว

    เขาไม่ใช่คนขี้เหล้าเมายานักหรอก แต่เมื่อมันสุดจะทน
    เขาก็เลือกวิธีที่หลายๆคนชอบทำกัน

    “คุณรู้ใช่ไหมภวัต ว่าคุณควรจะทำอย่างไงต่อไป”

    นั้นเป็นประโยคแรกที่เขาได้รับคำสั่งจากคดีนี้
    หากเมื่อเขาจับกุมคนร้ายได้ ผู้บังคับบัญชากลับสวนมาว่า

    “คุณทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่าภวัต คุณไม่รู้หรือไงว่าต้องทำอย่างไร “

    และเพียงบ่ายวันเดียวกันคนร้ายที่เขาพึ่งจับกุมมาในตอนเช้าก็ถูกปล่อยออกไป
    คนรุ่นใหม่ไฟแรง อย่างเขามีหรือจะไม่เดินเข้าไปโวยวายแต่สิ่งที่ตามมา
    คือ ความเฉยเมย ไร้คำตอบ มีเพียงสีหน้าแสดงความเบื่อหน่ายของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

    ชายหนุ่มช่วยมารดาทำงานในตอนเช้า จวบกระทั่งบ่ายจึงได้ออกไปข้างนอก
    เขาขับรถคันเล็กออกไปอย่างช้า พิจารณาบ้านหลังใหญ่หลายหลังที่ปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทาง
    ในซอยนี้ถือได้ว่ามีเพียงบ้านเขาและแม่เท่านั้นละที่เป็นสิ่งแปลกปลอมของชุมชนนี้

    รถคันเล็กจอดตรงปั้มน้ำมันขนาดเล็ก
    ร่างผอมบางของชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปยังตรอกเก่า
    ล้อมรอบไปด้วยเสียง
    ร้องทักร้องสั่งอาหารหรือถามสารทุกสุกดิบของคนแถบนั้น อย่างเซ็งแซ่
    ชายหนุ่มเข้าไปนั่งในร้านกาแฟเล็กๆ ข้างทาง รอจนเจ้าของร้านนำกาแฟมาให้ เขาจึงถามว่า

    “สบายดีไหมลุง เห็นปิดร้านตั้งหลายวัน”

    คนที่ถูกทักยิ้มจนย่นไปทั้งหน้า

    “ไม่เป็นไรหรอก พอดีว่าต้องไปดูที่อยู่ใหม่ เลยหลายวันหน่อย”

    “อ้าว จะย้ายไปไหนละ “

    “ไปอยู่ฝั่งโน้น ไปกันเกือบทุกคนนี้แหละ เจ้าของที่เขาให้ไปอยู่ที่
    ขาว่าจะสร้างอะไร เพล็กๆๆ ของเขาฉันก็ไม่รู้ เขาก็ดีนะ
    แทนที่จะเผาไล่ที กลับมาสร้างมาแปงให้อย่างดี
    ฉันละอยากให้เขาลงสมัครผู้แทนจริงๆ บ้านเมืองคงจะเจริญกว่านี้ “

    ร่างที่นั่งนิ่งของชายหนุ่ม ทำให้คนขายเอ่ยบอกเล่าเก้าสิบเพิ่มต่อไป

    “เขาสร้างบ้านให้ใหม่ ถึง จะหลังไม่ใหญ่ มันก็เป็นสัดส่วน
    ไม่แออัด เหมือนที่นี้ แล้วคงไม่มีเรื่องโจรเรื่องยาอะไรพวกนี้ชุกเหมือนซอยนี้หรอกนะ”

    ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางวางธนบัติไว้บนโต๊ะ
    ร่างผอมสูงของเขาเดินตรงไปยังปั้มน้ำมันที่จอดรถ ตรงดิ่งไปตามเส้นทางเดิมที่ขับมา

    ประตูบ้านหลังใหญ่เปิดออก เมื่อชายหนุ่มกดแตรเพียงไม่กี่ครั้ง
    เมื่อผ่านประตูบ้านเข้าไป อาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาล
    ไม้ประดับที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้เป็นที่สนใจของชายหนุ่มแม้แต่น้อย

    เขาก้าวลงจากรถคันเล็ก พลางหญิงวัยห้าสิบก็เดินออกมาจากด้านใน

    “มาพบท่านหรือค่ะ “
    “ใช่”
    “ชายหนุ่ม ตอบกลับเสียงเข้ม ก่อนจะเดินตามนางเข้าไป

    ร่างสูงใหญ่ภายในห้องทำงานส่วนตัวหันกลับมาเมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปถึง

    “ผมไม่เข้าใจทำไมต้องไปสร้างตรงนั้นด้วย “
    “ไม่เข้าใจ อะไร การตลาด หรือกลไกทางการเมืองละ”
    เจ้าของบ้านยังคงใจเย็น ต่างจากชายหนุ่มที่ร้อนรุ่มจนเห็นได้ชัด
    “ตำรวจจะลากคุณเข้าตาราง”
    “อย่าพูดอย่างเดียว เก่งจริงทำให้ได้แล้วกัน “

    “อย่าท้านะ”
    เจ้าของบ้านยังคงสงบนิ่ง ก่อนพูดช้าๆว่า

    “ของทุกสิ่งทุกอย่าง ดีสองด้านเสมอ
    การที่เราเฝ้ามองเพียงด้านเดียว จะทำให้เรามองไม่เห็นทั้งหมด
    ประสบการณ์จะสอบคนเราให้คิดเป็น ให้เอาชีวิตรอด
    แต่ไม่จำเป็นต้องช่วยชีวิตทุกชีวิตให้รอดตามเราไปด้วยหรอกนะ”

    “คุณเห็นแก่ตัว”

    ชายหนุ่มตะคอก เสียงดัง

    “แผลคงไม่มากนักหรอกนะ คราวหลังก็ระวังตัว
    คดีก็เหมือนกัน จะจับจะจ่ายใครดูให้แน่
    ถ้าเราไม่มีหลักฐาน พยานที่กล้าเสี่ยงกับเราอย่าไปขวางทางปืนเขา
    คราวหน้ามันอาจจะง่ายเหมือนคราวนี้ “

    บุรุษเจ้าของบ้านเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
    มือทั้งสองจับไหล่ชายหนุ่มตรงหน้า
    พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม

    “กฎหมายคือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ควรเคารพ
    ผู้รักษากฎหมายต้องยิ่งใหญ่ทั้งในด้านความคิดและประสบการณ์
    หากกฎหมายไม่มียักษ์ตัวใหญ่คุ้มครองอยู่ มันจะหลายเป็นอะไร
    คนที่จะต่อสู้เพื่อคนหมู่มากได้ ต้องรู้จักว่าความดีคืออะไร ความชั่วคืออะไร
    จะทำความดีแล้วไม่แตะต้องความชั่วนั้นเป็นไปได้
    แต่นั้นต้องอยู่เป็นฤาษี หรือออกบวชไป แต่ถ้าหากยังต้องอยู่ในสังคม
    ยังต้องรักษาชีวิตของคนหมู่มาก การจะคงไว้แต่ความดี
    ไม่แตะความมืดเลยนั้น เป็นไปยากเหลือเกิน
    คนที่เป็นหัวหน้าคนต้องรู้ว่าจะใช้ความดีเวลาไหน
    และเมื่อใดจะนำความชั่วมาใช้
    ประสบการณ์ชีวิตยังเป็นครูที่ดีเสมอ
    จงเรียนรู้กับมัน แล้วสักวันเราจะรู้ว่า ทำไมคนคนนั้นต้องทำแบบนี้”

    บุรุษเจ้าของบ้านแตะเบาๆบนไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่ม

    “ ถึงจะชั่วอย่างไร เลวทรามขนาดไหน
    แต่สิ่งหนึ่งที่พ่อรู้ก็คือ จะไม่ทำให้ลูกเมียตัวเองเดือดร้อนเป็นอันขาด
    เมื่อเป็นพ่อคนบ้าง แกจะเข้าใจความรู้สึกนี้ แกรักแม่เท่าไหร่
    พ่อก็รักแม่มากเท่านั้น และพ่อกับแม่ก็รักแกมากที่สุดในชีวิต
    วันหนึ่งพ่ออาจจะถูกแกจับเข้าคุก แต่เชื่อเถอะว่าพ่อจะไม่ว่าอะไรแกเลย
    อบายมุขต่างมีอยู่ในสายเลือดของมนุษย์ สิ่งที่พ่อทำพ่อคิดแล้ว
    และกรองคนแล้ว แกอย่าคิดว่าพ่อจะทำอะไรไม่ได้เรื่องขนาดนั้น
    คนไม่มีเงินเข้าไปในธุรกิจของพ่อไม่ได้หรอก คนจนเขามีที่อยู่ของเขา
    คนรวยก็มีที่อยู่ของคนรวย “

    ชายหนุ่มเดินกลับออกมาอย่างเชื่องช้า ต่างจากเวลาที่เขาเข้ามานัก
    หากทว่าความรู้สึกที่ประเดประดังเข้ามา มันสับสน วุ่นวาย
    จนเกินกว่าเขาจะเข้าใจ ประโยคสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อบอกเขา

    “พ่อภูมิใจที่แก...... เป็นตำรวจ.... ที่ดี”

    แต่ละคำที่เน้นย้ำ เสมือนอีกสำนักที่พ่อจะบอกเขาอีกว่า

    “ไม่เสียใจเลยที่แกจะจับพ่อเข้าคุก “

    ชายหนุ่มขับรถออกไปอย่างช้า หักพวงมาลัยตรงไปยังร้านขายอาหารของผู้เป็นแม่
    ที่นั่น เขาจะพบแม่ แม่ที่อาจจะมีคำตอบให้เขา อีกด้านหนึ่งที่เขายังขาดอยู่ก็เป็นได้

    จากคุณ : เอนันญา - [ 11 มิ.ย. 48 17:35:31 A:10.32.1.174 X:202.28.77.30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป