ฉันเคยถามตัวเองหลายต่อหลายครั้ง...
หัวใจฉันทำด้วยอะไร มันมีเลือดเนื้อเหมือนคนอื่นหรือเปล่า..
โลกยังคงดำเนินไปตามปกติ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
คนเรายังต้องกินข้าวเพื่อบรรเทาความหิว...ตื่นเช้ามาทำงาน ค่ำก็กลับบ้าน ..
ทุกอย่างไหลไปตามกระแสของเวลา
นั่นสินะ...ไม่มีใครฉุดรั้งเวลาไว้ได้หรอก...
เช้านี้คุณแม่มาเรียกตั้งแต่ตี 4 ฉันตื่นนอนมาเปิดประตูด้วยความงัวเงีย
คำเพียงคำเดียวที่แม่บอกฉันก็ทำให้ฉันหาง่วงทันที
"แม่จะไปเพชรบูรณ์ คุณยายเสียแล้ว"
เมื่อคืน...คุณแม่พึ่งกลับมาจากเพชรบูรณ์ ไปเยี่ยมคุณยาย
วันนี้...คุณแม่ไปเพชรบูรณ์ ไปลาคุณยายเป็นครั้งสุดท้าย
คุณแม่บอกฉันด้วยเสียงกลั้นสะอื้น ตาแดง
คุณแม่สั่งให้ฉันทำธุระแทนคุณแม่ โทรบอกญาติพี่น้อง...
ทุกอย่างดูวุ่นวายเหลือเกิน
ฉันดำเนินชีวิตตามปกติ...ไปโบสถ์...หัวเราะ ...กินข้าว..
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหมือนกับว่าการตายของคุณยายเป็นเรื่องของคนอื่น
ความรู้สึกเหมือนตอนที่รู้ว่าอากงตาย...
ฉันทำทุกอย่างได้เป็นปกติ...
มันน่ากลัว
ฉันกลัวตัวเอง...กลัวตัวเองที่ทำทุกอย่างได้เป็นปกติ
ความผูกพันทางสายเลือดมันไปอยู่เสียที่ไหน...
น้ำตาหรือความเสียใจที่ควรมีมันไปอยู่ที่ไหน...
คุณแม่บอกว่าเมื่อวานยังคุยกันคุณยายดีๆ
คุณยายดูแข็งแรงดีทุกอย่าง...
แต่พอตีสาม คุณยายบอกว่าเจ็บหน้าอก...
แล้วเวลาของคุณยายก็หมดลง
ฉันรู้ว่าฉันจะไม่มีวันได้พบคุณยายอีกแล้ว
แต่ฉันรู้ว่าฉันจะได้พบอากงอีกครั้ง...เมื่อเวลานั้นมาถึง
ทำไมนะหรือ?
นั่นเพราะว่าอากงเชื่อพระเจ้านะสิ
ฉันกับอากงเป็นคริสเตียน...
นั่นคือความแตกต่างระหว่างคุณยายและพวกเรา
...ทุกศาสนาดีหมด..
แต่มีสิ่งที่แตกต่างกันเพราะคริสเตียนชื่อว่า...
เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว..เราจะได้ไปอยู่บนสวรรค์กับพระคริสต์
แน่นอนว่า..กับคนอื่นๆที่เชื่อในพระเยซูเหมือนกันด้วย
มันเป็นความหวังใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ถึงเราจะจากกันด้วยความตาย
แต่เราจะได้พบกับคนที่เรารักอีกครั้ง
"แม่คงไม่อยู่หลายวัน หนูดูแลร้านกับบ้านให้แม่นะ"
ฉันได้แต่รับคำ มองคุณแม่วุ่นวายกับการเก็บของ
เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่สมควรทำที่สุดในเวลานี้
ฉันเดินมาส่งคุณแม่กับคุณพ่อหน้าบ้าน
คุณพ่อขับรถพาคุณแม่ไปหาคุณยาย
แล้วฉันก็ทำทุกอย่างตามปกติ...
ฉันยิ้มได้ หัวเราะได้ กินอิ่ม และมั่นใจว่านอนหลับ
ท่ามกลางผู้คน...ฉันลืมว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น
ฉันนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
ฉันเฝ้าถามตัวเองหัวใจฉันทำด้วยอะไร
มันมีเลือดเนื้อเหมือนคนอื่นหรือเปล่า..
ความผูกพันทางสายเลือดมันไปอยู่เสียที่ไหน...
น้ำตาหรือความเสียใจที่ควรมีมันไปอยู่ที่ไหน...
ฉันคงไม่ได้พบกับคุณยายอีกแล้ว...
จากนี้...และตลอดไป...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณแม่โทรมา
"ตั้งศพยายไว้ในบ้าน" คุณแม่บอกมาตามสาย
ฉันฟังเสียงก็รู้ว่าคุณแม่คงร้องไห้ตลอด
"คุณแม่โอเคนะคะ" ฉันถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง
"โอเคจ้ะ แม่ไม่เป็นไร"
ฉันนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
คำพูดที่คุยกับคุณแม่ยังวนเวียนอยู่ในหัว
"คุณยายจากเราไปตลอดกาลแล้วลูก"
เคยมีคนบอกกับฉัน..
คนที่รู้สึกเศร้า..ไม่จำเป็นที่แสดงออกโดยน้ำตาเสมอไป
ฉันก้มหน้ามองรอยน้ำหนึ่งหยดที่ตกลงบนหลังมือ
น่าแปลกใจ
เพราะมันตกลงมาจากดวงตาของฉันเอง
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 23:04:58
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 11:31:24
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 08:08:01
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:20:11
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:19:36
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 00:58:17
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 00:40:18
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 00:39:35
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 00:30:17
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 00:27:15
แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 00:20:15
จากคุณ :
หนูยี
- [
13 มิ.ย. 48 00:10:24
]