เรื่องสั้นจริงจริง
คดีลูกโซ่
นายร้อยเวรประจำสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง ได้รับแจ้งความจาก นายจ้อย ว่าถูกชายไม่ทราบชื่อ เอาไม้หน้าสามตีศรีษะจนแตก ให้หมอที่อนามัยเย็บตั้งห้าเข็ม เลือดยังเลอะเสื้อที่สวมอยู่
นายร้อยเวรจึงให้ผู้เสียหายพาตำรวจนายหนึ่ง ไปจับตัวคนที่ทำร้ายมาจากตลาดได้ เมื่อสอบปากคำก็ทราบว่าชื่อ นายผึ้ง ผู้ต้องหาให้การว่า
ไอ้หมอนี่มันตบตีเมียผมจนล้มลงกลางตลาด ผมจะทนอยู่ได้ยังไง ก็ล่อเข้าให้มั่งซีครับ ไม่เชื่อถามมันดู
นายจ้อยแก้ตัวว่า
ก็เมียเขาเอาสากกะเบือมาขว้างหัวผมก่อน ทั้ง ๆ ที่ผมเดินมาดี ๆ และไม่เคยทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจเลย ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ ยังงี้ผมจะยอมได้ยังไง
นายผึ้งบอกว่ามีคนที่ตลาดวิ่งไปบอกว่าเมียถูกทำร้ายก็รีบวิ่งมาช่วย โดยไม่รู้เรื่องที่เมียเอาไม้ขว้างหัวนายจ้อย
ตำรวจไม่ต้องไปตามเมียนายผึ้ง เพราะว่ามาด้วยกันแล้ว เธอชื่อ นางหน่อย ให้การว่า
หนูไม่ได้เจตนาจะทำร้ายนายคนนี้หรอกค่ะ ตอนนั้นหนูกำลังจ่ายตลาด มีคนมาล้วงเงินในกระเป๋าของหนูไป ไอ้นั่นมันวิ่งหนีไปหน้าตลาด หนูก็วิ่งตามไปแต่ไม่ทัน เลยฉวยสากกะเบือแม่ค้าส้มตำขว้างไป แต่ไม่ถูกมัน นายคนนี้กลับวิ่งเข้ามาซ้อมหนู สงสัยเป็นพวกเดียวกันก็ไม่รู้
นายจ้อยก็ยืนยันว่าไม่รู้จักกับใคร ไม่ได้เป็นพวกใครทั้งนั้น แต่ไม่ยอมเจ็บหัวฟรี ๆ เลยโดนยกที่สองถึงเลือด
อีกสองวันต่อมาตำรวจก็จับคนร้าย ที่วิ่งราวได้ เพราะบ้านอยู่หลังตลาดนั้นเอง ตำรวจรู้จักตัวเพราะเป็นโก๋ที่อยู่ในสายตา หมอนั่นชื่อ นายก่วย ซึ่งให้การภาคเสธว่า
ผมทำไปเพราะเพื่อนวานให้ทำ มันเป็นลูกชายของน้าหน่อยเอง ผมก็นึกว่าไม่มีความผิด เงินก็เอาไปให้มันแล้ว
ตำรวจจึงต้องไปตามนางหน่อยมาอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า นายก่วยเป็นคนร้ายจริง และให้ไปตามลูกชายมาสอบสวนขยายผล
นางก็ว่า นายต๋อง ลูกชายของตนอยู่กับพ่อของเขาที่บ้านเก่า ห่างไปอีกตำบลหนึ่ง ร้อนถึงตำรวจต้องมีหมายเรียกให้นายต๋องกับบิดา มาให้การเพิ่มเติม
นายต๋องก็พาบิดาที่ชื่อ นายแต๋ง มาด้วย และให้การรับสารภาพว่าได้ใช้ให้ นายก่วยวิ่งราวเงินของมารดาจริง แต่เป็นคำสั่งของบิดา
นายแต๋งก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่า ตนกับนางหน่อยเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้อง และยังไม่ได้หย่าขาดกัน แต่ภรรยารังเกียจว่าตนขี้เมา จึงแยกมาอยู่ที่หลังตลาดนี้ ตนใช้ลูกชายมาขอเงินแม่ไปซื้อเหล้ากินก็ไม่ให้ จึงวางอุบายให้หาคนมาแย่ง ชิงเงิน ลูกชายจะไปวานใครตนไม่รู้เรื่อง ส่วนนายผึ้งนั้นตนไม่รู้จัก
นางหน่อยจึงชี้แจงกับตำรวจว่า นายผึ้งนั้นเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน ได้ช่วยเหลือในการครองชีพอยู่เสมอ จึงมีความสัมพันธ์กันแบบว่าลึกซึ้ง และกะว่าจะหย่ากับนายแต๋งมาอยู่กินกับนายผึ้งอย่างเป็นทางการ ในเร็ว ๆ นี้ พอดีมาเกิดเรื่องเสียก่อน
ขอเรียนว่า ชื่อทั้งหมดในเรื่องนี้เป็นนามสมมุติ ถ้าไปพ้องกับท่านผู้ใดก็ต้องขออภัยด้วย
ส่วนคดีที่ผูกพันกันเป็นลูกโซ่ หรืองูกินหางนี้ จะลงเอยอย่างไรก็จำไม่ได้ เพราะนักข่าวไปนั่งคอยฟังผลอยู่ที่ร้านกาแฟข้างโรงพัก จนเมาหลับไปโดยไม่ได้ผลสรุป
ท่านผู้อ่านเขียนต่อเอาเองก็แล้วกันครับ.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
16 มิ.ย. 48 09:14:05
A:61.90.14.15 X:
]