ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
เพื่อนทรยศ
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ มาถึงตอนนี้กระผมก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขออนุญาตย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่พ่อพลายแก้วเพิ่งจากเมียไปทัพนะขอรับ
ทางกรุงศรี ฯ แม่พิมก็เกิดวิปริตขึ้นมาอย่างหนัก มีอาการคิดถึงสามีจนเกินขนาดจนถึงขั้น " หลงใหลเพ้อพูดจนผีลง " ทีเดียวแหละขอรับ
ก็เป็นทุกข์เป็นร้อนกันไปทั้งบ้าน จนท่านยายศรีประจัน ต้องเร่งไปปรึกษา หลวงตาจู วัดป่าเลไลย ท่านว่าไว้ในฉบับหลวงดังนี้ขอรับ
ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู
พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
ครั้นดูรู้ประจักษ์ก็ทักไป
ออพิมพิลาไลยนี่เคราะห์ร้าย
มันตกลงที่นั่งนางสีดา
เมื่อทศพักตร์ลักพาไปสูญหาย
ถ้าแม้นไม่จากผัวตัวจะตาย
ถ้ายักย้ายแก้ไขไม่เป็นไร
ผลัดชื่อเสียพลันว่า วันทอง
จะครอบครองทรัพย์สินทั้งปวงได้
โรคนั้นพลันจะคลายหายไป
หาบรรลัยไม่ดอกสีกายาย ฯ
เป็นอันว่าแม่พิพิลาไลย ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น วันทอง อันเป็นที่รู้กันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความมัวหมองในวงวรรณคดีไทย มาตั้งแต่บัดนั้น
คราวนี้จะได้เล่าความถึงนายขุนช้างตัวแสบ ศัตรูเก่าของพ่อพลายแก้ว ตั้งแต่เพ็ดทูลให้เจ้าชีวิตส่งมันไปทัพอันตรายแล้ว ก็ยังไม่สาแก่ใจ จัดการดำเนินแผนการต่อไปอย่างแยบยล คอยชมกันต่อไปสิครับพ่อแม่พี่น้อง ว่าอ้ายผู้ร้ายในนิทานเรื่องนี้มันสุดที่จะร้าาาาา...ยยย...จริง ๆ
เริ่มต้นด้วยการให้บ่าวไพร่ ไปเก็บกระดูกผีไม่มีญาติจากป่าช้า มาใส่หม้อใหม่เตรียมไว้ แล้วก็รีบแต่งตัวอุ้มหม้อไปหาท่านยายศรีประจันที่บ้านทันที
ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง
ทำครวญครางอู้อี้แล้วยี่หน้า
น้ำตากระเด็นเป็นเม็ดเช็ดน้ำตา
เอาหม้อกระดูกมาตั้งลงไว้
นี่คือกระดูกออพลายแก้ว
ลาวแทงเสียแล้วเขาเอามาให้
พระยาเชียงทองมันสองใจ
เข้าด้วยเชียงใหม่แล้วกลับมา
ทำเป็นเข้าด้วยออพลายแก้ว
ยกทัพมาแล้วถึงกลางป่า
หยุดพักหลับนอนมาหลายครา
ครั้นเวลาพลบค่ำลงรำไร
พระยาเชียงทองย่องมาแทง
เลือดแดงตลอดจนปอดไหล
ร้องขึ้นอึงมี่มันหนีไป
ออแก้วก็สิ้นใจไปไม่ช้า
บ่าวมาถึงกรุงก็ติดคุก
หลายคนทนทุกข์อยู่หนักหนา
อ้ายมากฝากหม้อกระดูกมา
ว่าแล้วทำหน้าเป็นทุกข์คลาย
อายุมันสั้นเท่านั้นแล้ว
คิดคิดถึงออแก้วก็ใจหาย
ไม่พอที่จะกล้าอาสาตาย
ให้แม่พิมเป็นหม้ายอยู่เอกา ฯ
โกหกชั้นครูทีเดียวแหละขอรับ ขนาดนี้แล้วแม่ศรีประจันทำไมจะไม่เชื่อ ก็ตกอกตกใจกันใหญ่ไปเท่านั้น
แต่แม่วันทองผู้ภรรยาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี เนื่องด้วยยังมีต้นโพธิ์อธิษฐานที่ปลูกไว้คู่กันอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งยังใช้เป็นประจักษ์พยานได้ จึงยังเถียงแม่อยู่ ทั้ง ๆ ที่ใจตัวเองก็แป้วเต็มทีแล้ว
ข้างแม่ยายศรีประจันก็ยิ่งกรอกหูว่า ในบทพระอัยการนั้น ถ้าผัวตายกลางศึก ก็ให้ยึดเมียไปเป็นหม้ายหลวง หนักข้อเข้าไปอีกนะขอรับ นั้นก็ยิ่งทำให้แม่พิม...ประทานโทษ...แม่วันทอง...ก่นโศกร้องไห้เป็นการใหญ่ไปกว่าเดิมอีก
ปรากฏว่าได้ แม่สายทอง ขอรับ คราวนี้กลายเป็นคนดีกลับเป็นคนเตือนสติแม่วันทองว่า อย่าเชื่อข่าวที่เขานำมาบอกง่าย ๆ เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นเล่ห์กลอะไรบางอย่างของนายขุนช้างเป็นแน่
แม่วันทองยังจำได้หรือไม่ว่าครั้งเมื่อก่อนแต่งงานนั้น อ้ายช้างมันเพียรพยายามมาขอน้องอยู่อย่างไร มันคิดว่ามันมีเงินฟาดหัวเราเสียอย่างแล้วจะข่มเหงอย่างไรก็ได้ น้องเองก็เคยได้ทุกข์ถูกแม่เฆี่ยน ร้อนถึงพี่ต้องไปปรึกษาหารือพ่อเณรแก้วจนกระทั่งพี่ถูกปล้ำ...เอ๊ย...จนพ่อเณรร้อนผ้าเหลืองรีบสึกมาแต่งงานกับเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวไป นั่นไง
แต่มันก็ยังมาตามรังควานเพ็ดทูลพระเจ้าอยู่หัว ให้ส่งผัวเธอไปรบที่เมืองไกลจนได้ มาบัดนี้แล้ว ผัวเธอไปรบยังไม่ทันเท่าไร มันก็รีบแล่นมาบอกแม่ว่าผัวเธอตาย ทั้ง ๆ ที่เรา...เอ๊ย...เธอก็รู้ฝีมือดีอยู่ว่า พ่อพลายแก้วนั้นเขาเก่งขนาดไหน....แล้วอย่างนี้...เธอยังจะเชื่ออ้ายช้างมันอยู่อีกหรือ...
ว่าแล้วก็ชวนกันแอบไปหาหลวงตาจู ผู้เปลี่ยนชื่อพิมพิลาไลยเป็น ชื่อใหม่ว่า วันทอง นั้นเอง ให้ท่านทำนายให้รู้แจ้ง พอเล่าความให้หลวงตาท่านฟังแล้ว ท่านก็ว่าดังนี้ตามฉบับหลวงขอรับ
ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู
พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
ยามสูรย์ยามจันทร์ก็มั่นใจ
เห็นไม่เป็นไรก็ว่ามา
ทักทายตามที่ยามตรีเนตร
ใครบอกเหตุโกหกอย่าเชื่อหวา
ผัวเอ็งมีชัยได้พารา
ข้าศึกเป็นจุณวิจุณไป
ได้ทั้งพัสดุเงินทอง
ข้าวของผู้คนเป็นไหนไหน
หน่อยหนึ่งก็จะมาอย่าตกใจ
เอ็งอย่าเชื่อใครใครไปวุ่นวาย ฯ
เมื่อได้ยินคำรับรองจากหลวงตาดังนั้น ทั้งสองสาวก็ค่อยคลายใจแต่พอกลับไปเล่าให้แม่ศรีประจันฟัง แม่ก็กลับทำโบ๊ะเบ๊ะไม่รู้เรื่องเอาเสียดื้อ ๆ งั้นแหละ
ครานั้นท่านยายศรีประจัน
สั่นหัวว่ากูไม่เชื่อหวา
ทายยามตามเล่ห์เวลา
มันจะสู้ตาเห็นได้อย่างไร
อวดว่าดูแน่อุแหม่ลูก
ลางทีมันหาถูกสักนิดไม่
เอ็งอย่าพาซื่อเชื่อถือไป
พวกไพร่ติดคุกอยู่ทุกคน
เขาจะเก็บเอาไปเป็นหม้ายหลวง
จะกอดเข่าเหงาง่วงลงกลางร่น
ไม่มีใครติดตามด้วยความจน
ผ่อนปรนเสียเถิดอย่ารำคาญ
ออแก้วใช่แม่ไม่รักใคร่
มันบรรลัยไม่กลับมาถึงบ้าน
ขุนช้างมันชั่วแต่กระบาล
ถึงหัวล้านหัวเหลืองเครื่องในดี ฯ
เอ..ตอนนี้กระผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าใดนักดอกครับ ว่าที่ว่าเครื่องในดี นั้น เป็นอย่างไร...
แม่วันทองได้ฟังแม่เลอะเทอะดังนั้นจึงร้องห่มร้องไห้เสียมากมาย แล้วก็กล่าวอ้างถึง โพธิ์อธิษฐาน ที่เคยปลูกร่วมกันครั้งเมื่อพลายแก้วไปทัพ แต่แม่ศรีประจันก็กลับโวยวายหาเรื่องเสียมากมายว่า ทางไกลเหลือเกิน ไปไม่ไหวหรอกอะไรทำนองนั้น
แม่วันทองจึงได้แต่ร้องไห้รำพันต่อว่า จนแม่ศรีประจันเกิดโมโหเดือด คว้าไม้มาเฆี่ยนตีกันจนเสียงลั่นบ้านไป
แต่ในที่สุดก็สงสารลูก จึงทิ้งไม้ลงปลอบว่าจะไปดูด้วยกัน แล้วก็ร้องไห้กันอีกยกหนึ่ง
เฮ้อ...เกิดมาเป็นแม่วันทองนี้กระผมว่าน่าลำบากใจจริง ๆ เลยนะขอรับ ไหนจะมีแม่ที่อารมณ์ไม่อยู่กะร่องกะรอยอย่างนี้ ไหนยังจะต้องเผชิญชะตากรรมนักหนาสาหัสไปยิ่งกว่านี้ในภายภาคหน้า อย่างเช่นแม้แต่คราวนี้
เนื่องจาก พอจะไปดูต้นโพธิ์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ให้มีอุบาทวเหตุขึ้นมาอีก
(ยีงมีต่อ)
จากคุณ :
พจนารถ
- [
18 มิ.ย. 48 06:38:29
A:61.90.14.53 X:
]