CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เพื่อนทรยศ (ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง)(๑๕)

    ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง

    เพื่อนทรยศ

    พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ มาถึงตอนนี้กระผมก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขออนุญาตย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่พ่อพลายแก้วเพิ่งจากเมียไปทัพนะขอรับ

    ทางกรุงศรี ฯ แม่พิมก็เกิดวิปริตขึ้นมาอย่างหนัก มีอาการคิดถึงสามีจนเกินขนาดจนถึงขั้น " หลงใหลเพ้อพูดจนผีลง " ทีเดียวแหละขอรับ

    ก็เป็นทุกข์เป็นร้อนกันไปทั้งบ้าน จนท่านยายศรีประจัน ต้องเร่งไปปรึกษา หลวงตาจู วัดป่าเลไลย ท่านว่าไว้ในฉบับหลวงดังนี้ขอรับ

    ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู
    พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
    ครั้นดูรู้ประจักษ์ก็ทักไป
    ออพิมพิลาไลยนี่เคราะห์ร้าย
    มันตกลงที่นั่งนางสีดา
    เมื่อทศพักตร์ลักพาไปสูญหาย
    ถ้าแม้นไม่จากผัวตัวจะตาย
    ถ้ายักย้ายแก้ไขไม่เป็นไร
    ผลัดชื่อเสียพลันว่า วันทอง
    จะครอบครองทรัพย์สินทั้งปวงได้
    โรคนั้นพลันจะคลายหายไป
    หาบรรลัยไม่ดอกสีกายาย ฯ

    เป็นอันว่าแม่พิพิลาไลย ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น วันทอง อันเป็นที่รู้กันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความมัวหมองในวงวรรณคดีไทย มาตั้งแต่บัดนั้น

    คราวนี้จะได้เล่าความถึงนายขุนช้างตัวแสบ ศัตรูเก่าของพ่อพลายแก้ว ตั้งแต่เพ็ดทูลให้เจ้าชีวิตส่งมันไปทัพอันตรายแล้ว ก็ยังไม่สาแก่ใจ จัดการดำเนินแผนการต่อไปอย่างแยบยล คอยชมกันต่อไปสิครับพ่อแม่พี่น้อง ว่าอ้ายผู้ร้ายในนิทานเรื่องนี้มันสุดที่จะร้าาาาา...ยยย...จริง ๆ

    เริ่มต้นด้วยการให้บ่าวไพร่ ไปเก็บกระดูกผีไม่มีญาติจากป่าช้า มาใส่หม้อใหม่เตรียมไว้ แล้วก็รีบแต่งตัวอุ้มหม้อไปหาท่านยายศรีประจันที่บ้านทันที

    ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง
    ทำครวญครางอู้อี้แล้วยี่หน้า
    น้ำตากระเด็นเป็นเม็ดเช็ดน้ำตา
    เอาหม้อกระดูกมาตั้งลงไว้
    นี่คือกระดูกออพลายแก้ว
    ลาวแทงเสียแล้วเขาเอามาให้
    พระยาเชียงทองมันสองใจ
    เข้าด้วยเชียงใหม่แล้วกลับมา
    ทำเป็นเข้าด้วยออพลายแก้ว
    ยกทัพมาแล้วถึงกลางป่า
    หยุดพักหลับนอนมาหลายครา

    ครั้นเวลาพลบค่ำลงรำไร
    พระยาเชียงทองย่องมาแทง
    เลือดแดงตลอดจนปอดไหล
    ร้องขึ้นอึงมี่มันหนีไป
    ออแก้วก็สิ้นใจไปไม่ช้า
    บ่าวมาถึงกรุงก็ติดคุก
    หลายคนทนทุกข์อยู่หนักหนา
    อ้ายมากฝากหม้อกระดูกมา
    ว่าแล้วทำหน้าเป็นทุกข์คลาย
    อายุมันสั้นเท่านั้นแล้ว
    คิดคิดถึงออแก้วก็ใจหาย
    ไม่พอที่จะกล้าอาสาตาย
    ให้แม่พิมเป็นหม้ายอยู่เอกา ฯ

    โกหกชั้นครูทีเดียวแหละขอรับ ขนาดนี้แล้วแม่ศรีประจันทำไมจะไม่เชื่อ ก็ตกอกตกใจกันใหญ่ไปเท่านั้น

    แต่แม่วันทองผู้ภรรยาก็ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี เนื่องด้วยยังมีต้นโพธิ์อธิษฐานที่ปลูกไว้คู่กันอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งยังใช้เป็นประจักษ์พยานได้ จึงยังเถียงแม่อยู่ ทั้ง ๆ ที่ใจตัวเองก็แป้วเต็มทีแล้ว

    ข้างแม่ยายศรีประจันก็ยิ่งกรอกหูว่า ในบทพระอัยการนั้น ถ้าผัวตายกลางศึก ก็ให้ยึดเมียไปเป็นหม้ายหลวง หนักข้อเข้าไปอีกนะขอรับ นั้นก็ยิ่งทำให้แม่พิม...ประทานโทษ...แม่วันทอง...ก่นโศกร้องไห้เป็นการใหญ่ไปกว่าเดิมอีก

    ปรากฏว่าได้ แม่สายทอง ขอรับ คราวนี้กลายเป็นคนดีกลับเป็นคนเตือนสติแม่วันทองว่า อย่าเชื่อข่าวที่เขานำมาบอกง่าย ๆ เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นเล่ห์กลอะไรบางอย่างของนายขุนช้างเป็นแน่

    แม่วันทองยังจำได้หรือไม่ว่าครั้งเมื่อก่อนแต่งงานนั้น อ้ายช้างมันเพียรพยายามมาขอน้องอยู่อย่างไร มันคิดว่ามันมีเงินฟาดหัวเราเสียอย่างแล้วจะข่มเหงอย่างไรก็ได้ น้องเองก็เคยได้ทุกข์ถูกแม่เฆี่ยน ร้อนถึงพี่ต้องไปปรึกษาหารือพ่อเณรแก้วจนกระทั่งพี่ถูกปล้ำ...เอ๊ย...จนพ่อเณรร้อนผ้าเหลืองรีบสึกมาแต่งงานกับเธอให้เป็นเรื่องเป็นราวไป นั่นไง

    แต่มันก็ยังมาตามรังควานเพ็ดทูลพระเจ้าอยู่หัว ให้ส่งผัวเธอไปรบที่เมืองไกลจนได้ มาบัดนี้แล้ว ผัวเธอไปรบยังไม่ทันเท่าไร มันก็รีบแล่นมาบอกแม่ว่าผัวเธอตาย ทั้ง ๆ ที่เรา...เอ๊ย...เธอก็รู้ฝีมือดีอยู่ว่า พ่อพลายแก้วนั้นเขาเก่งขนาดไหน....แล้วอย่างนี้...เธอยังจะเชื่ออ้ายช้างมันอยู่อีกหรือ...

    ว่าแล้วก็ชวนกันแอบไปหาหลวงตาจู ผู้เปลี่ยนชื่อพิมพิลาไลยเป็น ชื่อใหม่ว่า วันทอง นั้นเอง ให้ท่านทำนายให้รู้แจ้ง พอเล่าความให้หลวงตาท่านฟังแล้ว ท่านก็ว่าดังนี้ตามฉบับหลวงขอรับ

    ครานั้นจึงท่านขรัวตาจู
    พิเคราะห์จับยามดูหาช้าไม่
    ยามสูรย์ยามจันทร์ก็มั่นใจ
    เห็นไม่เป็นไรก็ว่ามา
    ทักทายตามที่ยามตรีเนตร
    ใครบอกเหตุโกหกอย่าเชื่อหวา
    ผัวเอ็งมีชัยได้พารา
    ข้าศึกเป็นจุณวิจุณไป
    ได้ทั้งพัสดุเงินทอง
    ข้าวของผู้คนเป็นไหนไหน
    หน่อยหนึ่งก็จะมาอย่าตกใจ
    เอ็งอย่าเชื่อใครใครไปวุ่นวาย ฯ

    เมื่อได้ยินคำรับรองจากหลวงตาดังนั้น ทั้งสองสาวก็ค่อยคลายใจแต่พอกลับไปเล่าให้แม่ศรีประจันฟัง แม่ก็กลับทำโบ๊ะเบ๊ะไม่รู้เรื่องเอาเสียดื้อ ๆ งั้นแหละ

    ครานั้นท่านยายศรีประจัน
    สั่นหัวว่ากูไม่เชื่อหวา
    ทายยามตามเล่ห์เวลา
    มันจะสู้ตาเห็นได้อย่างไร
    อวดว่าดูแน่อุแหม่ลูก
    ลางทีมันหาถูกสักนิดไม่
    เอ็งอย่าพาซื่อเชื่อถือไป
    พวกไพร่ติดคุกอยู่ทุกคน
    เขาจะเก็บเอาไปเป็นหม้ายหลวง
    จะกอดเข่าเหงาง่วงลงกลางร่น
    ไม่มีใครติดตามด้วยความจน
    ผ่อนปรนเสียเถิดอย่ารำคาญ
    ออแก้วใช่แม่ไม่รักใคร่
    มันบรรลัยไม่กลับมาถึงบ้าน
    ขุนช้างมันชั่วแต่กระบาล
    ถึงหัวล้านหัวเหลืองเครื่องในดี ฯ

    เอ..ตอนนี้กระผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าใดนักดอกครับ ว่าที่ว่าเครื่องในดี นั้น เป็นอย่างไร...

    แม่วันทองได้ฟังแม่เลอะเทอะดังนั้นจึงร้องห่มร้องไห้เสียมากมาย แล้วก็กล่าวอ้างถึง โพธิ์อธิษฐาน ที่เคยปลูกร่วมกันครั้งเมื่อพลายแก้วไปทัพ แต่แม่ศรีประจันก็กลับโวยวายหาเรื่องเสียมากมายว่า ทางไกลเหลือเกิน ไปไม่ไหวหรอกอะไรทำนองนั้น

    แม่วันทองจึงได้แต่ร้องไห้รำพันต่อว่า จนแม่ศรีประจันเกิดโมโหเดือด คว้าไม้มาเฆี่ยนตีกันจนเสียงลั่นบ้านไป

    แต่ในที่สุดก็สงสารลูก จึงทิ้งไม้ลงปลอบว่าจะไปดูด้วยกัน แล้วก็ร้องไห้กันอีกยกหนึ่ง

    เฮ้อ...เกิดมาเป็นแม่วันทองนี้กระผมว่าน่าลำบากใจจริง ๆ เลยนะขอรับ ไหนจะมีแม่ที่อารมณ์ไม่อยู่กะร่องกะรอยอย่างนี้ ไหนยังจะต้องเผชิญชะตากรรมนักหนาสาหัสไปยิ่งกว่านี้ในภายภาคหน้า อย่างเช่นแม้แต่คราวนี้

    เนื่องจาก พอจะไปดูต้นโพธิ์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ให้มีอุบาทวเหตุขึ้นมาอีก

    (ยีงมีต่อ)

    จากคุณ : พจนารถ - [ 18 มิ.ย. 48 06:38:29 A:61.90.14.53 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป