CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    คนที่ใช่…ไม่รักไม่ได้แล้ว (บทที่๖)

    ๖...

    หลังจากไล่ชำระบัญชีกับชวกรเป็นฉากๆ จบแล้วพันไฉนก็เล่าเรื่องที่อดีตคนรักเก่า โทร.มาตอนเช้าให้เพื่อนสนิททั้งสองฟัง

    “แกเจ๋งมากนังไหน” รุจยาชูนิ้วโป้งให้ “เดี๋ยวนี้แกเก่งขึ้นเยอะเลยตั้งแต่ตัดใจจากไอ้หมอนั่น”

    “จุดไต้ตำตอดีว่ะ ที่นายณัฐนัยเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณกัด” ชวกรจีบปากจีบคอว่า

    “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ก็เคยรู้จักฝ่ายญาติพี่น้องเขาที่ไหน”

    “นั่นแสดงถึงความไม่จริงใจของนายนั่นมาตั้งแต่ต้น” เพื่อนสาวลงความเห็น “เพราะถ้ารักชอบกันจริงก็ต้องพาไปหาผู้ใหญ่บ้าง ไอ้นี่ก็คงหวังจะฟันหญิงไปเล่นๆ อย่างนั้นเอง พอแกไม่เล่นก็ตีจาก โชคดีมากแล้วนะแกเอ๋ยที่พ้นผู้ชายอย่างนี้มาเสียได้ ต่อไปถ้าจะมีก็ดูดีๆ ละกัน เอาที่มันจริงใจกะเราหน่อย ไม่ใช่หวังจะเล่นๆ เห็นเราเป็นของหวาน”

    “จะให้มันไปดูใครอีกละนังยา ในเมื่อมันเสร็จคุณกัดไปแล้ว ก็ต้องจับคนนี้ให้มั่นละ”

    “โฮ้ย ฉันไม่สนหรอกเรื่องนั้น” พันไฉนแกล้งทำเป็นไม่ยี่หระ “ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน”

    “แลกเปลี่ยนอะไรยะ?” ชวกรถามแหว

    “ก็ประสบการณ์ทางเพศไง๊ ฉันถือว่าเป็นค่ายกครูที่เขาช่วยสอนฉัน”

    “วุ้ย! ช่างพูดออกมาได้” เพื่อนหนุ่มที่ดูแค่ภายนอกก็เหมือนกับผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งตีเผียะเข้าให้ “ชักซ่าใหญ่แล้วนะ ทีเมื่อก่อนละทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว”

    “ก็ใครส่งฉันไปให้เขาเขมือบล่ะ” พันไฉนได้ทีย้อนเข้าให้

    “ก็แค่จะแกล้งเล่นๆ สนุกๆ ใครจะคิดว่าแกจะอุตริให้เขาหิ้วไปจริงๆ “

    “เอาละๆ พอๆ เลิกเถียงกันสักที” รุจยาทำการสงบศึก “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านังไหนจะยอมไปขึ้นเตียงกับเขาง่ายๆ ถ้าไม่เมา”

    พันไฉนหัวเราะคิก

    “แกรู้ได้ไงว่าเขามอมเหล้าฉันก่อนพาไปปล้ำ”

    “นี่แกพูดเล่นหรือพูดจริงเนี่ย?” อีกฝ่ายชักไม่เชื่อใจ

    เธอตีหน้าตายไม่ตอบซะงั้น

    “ถ้าแกเสียตัวให้เขาจริงๆ ก็ไม่ควรจะอยู่เฉย ต้องมีการเรียกร้องให้รับผิดชอบ”

    พันไฉนกลั้นหัวเราะไม่อยู่กับความจริงจังของเพื่อนสาว

    “ใช่ ฉันเห็นด้วยกับนังยา” คนที่เป็นชายมากกว่าอีกสองยกมือสนับสนุน “แกจะยอมให้เขาเจาะฟรีๆ ไม่ได้ ฉันจะช่วยแกเอง”

    พูดจบโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

    ชวกรรับอย่างว่องไว

    “ครับ ผมอยู่ที่บ้านนังไหนครับ คุณกัด เอ้อ กัตวัฏฐ์จะพูดกับมันไหมครับ”

    ชื่อนั้นทำให้อีกสองคนหูผึ่ง ฟังการสนทนาของเพื่อนอย่างสนอกสนใจ

    “หา จะมาเลยหรือครับ ก็ดีครับ มาถูกไหมล่ะครับ ครับๆ ได้ครับ” ชวกรปิดโทรศัพท์ฉับ หันมาบอกหญิงสาวทั้งสองว่า “คุณกัดกำลังจะมาที่นี่ ท่าทางเขาจะติดใจแกแล้วว่ะนังไหน”

    ‘นังไหน’ ของชวกรเองก็เง็งไปเลยเหมือนกัน

    *******************************

    เขามาส่งพันไฉนที่บ้านเมื่อคืนนี้ เพราะฉะนั้นจึงมาถูก

    หญิงสาวเคอะเขินบอกไม่ถูกกับการพบหน้าเขาในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุการณ์ในโรงแรมเมื่อคืนนี้ หรือเพราะความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นใจกันแน่

    เธอประทับใจเขาก็จริง แต่ก็ยังไม่อยากใจง่ายถึงขั้นไปรักชอบ เกิดเขาไม่สนองด้วยก็จะชีช้ำเปล่าๆ

    แต่การมาหาถึงบ้านในค่ำนี้ก็เหมือนจะบอกอยู่กลายๆ เหมือนกันว่าพันไฉนไม่ได้เป็นไปเองข้างเดียว

    หากก็นั่นแหละ ก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป เขาอาจมาเพราะอยากได้เพื่อนคุยคลายเหงาเท่านั้น

    ทั้งหมดตั้งวงสนทนากันอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ หน้าบ้านเช่าของพันไฉน มีของฝากอร่อยจากผู้มาใหม่วางอยู่เต็มโต๊ะ กินกันไปคุยกันไปเพลินๆ

    ชวกรกับรุจยาช่วยกันจับตาสังเกตสังกากิริยาของคนทั้งคู่จนพันไฉนอึดอัดขัดเขินไปหมด ส่วนเขาก็ดูสบายๆ เป็นปกติดี

    เขาคงฝึกการควบคุมอารมณ์และกิริยามาอย่างดี พันไฉนจึงเห็นเขาในลักษณะสบายๆ ตลอด ทั้งที่เขาน่าจะเป็นคนเครียด เพราะต้องรับผิดชอบงานและคนเป็นจำนวนมาก

    ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นคนเก็บกดก็ได้ อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเสมอไป กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นผู้เฉลยความจริง

    “ขอถามตรงไปตรงมาได้ไหมครับคุณกัด...กัตวัฏฐ์” ชวกรจะเผลอเรียกเขาสั้นๆ ตามความเคยชินทุกที

    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” เขาตอบอย่างสุภาพตามแบบฉบับ ไม่มีท่าถือตัวว่าเหนือว่าเลยสักนิด นี่เองที่เป็นจุดประทับใจของทุกคนที่ได้พูดคุยด้วย

    “คือ...อยากรู้ว่าเมื่อคืนนังไหนมันไปอยู่ที่โรงแรมกับคุณจริงหรือเปล่า?”

    คนถูกพาดพิงตาโตขึ้นมา ตีแขนเพื่อนเพียะๆ

    “แกจะบ้าหรือนังปั๋ง ถามอะไรบ้าๆ”

    ชวกรหลบมือพัลวันปากก็บอกว่า

    “ก็มันอยากรู้นี่”

    “ผมก็บอกคุณทางโทรศัพท์เมื่อคืนแล้วนี่” กัตวัฏฐ์ยิ้มน้อยๆ “ยังข้องใจอะไรอีกหรือ?”

    เพื่อนหนุ่มของพันไฉนหัวเราะแหะๆ

    “ก็ไม่ค่อยแน่ใจครับ เห็นนังไหนมันไม่มีท่าทางเสียอกเสียใจเลยสักนิด”

    “ทำไมฉันต้องเสียใจด้วยยะ?” หญิงสาวแว้ดๆ ใส่เพื่อน

    “เก๊าะ...คนที่เสียตัวก็น่าจะเสียใจหน่อย สักติ๊ดก็ยังดี จริงไหมล่ะ”

    พันไฉนหน้าแดง ตีคนปากดีเข้าให้อีก

    “พูดบ้าๆ “

    ชายหนุ่มทอดสายตาอ่อนเชื่อมมาที่พันไฉน

    “เรามีความสุขกันดีออก จะเสียใจทำไมจริงไหมครับ”

    พันไฉนไม่อาจจะทนอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้ว เธอลุกขึ้นเดินหนีออกจากวง

    “ตามไปสิครับ” ชวกรยุ

    กัตวัฏฐ์ทำตามอย่างว่าง่ายเดินตามหญิงสาวเข้าไปในบ้าน

    “อย่าไปถือสาปั๋งเลยครับ เขาคงพูดไปเพราะอารมณ์สนุก”

    หญิงสาวหันมามองเขา แล้วก็ยิ้มยิงฟัน

    “ฉันรู้แล้วละค่ะ ฉันแกล้งนังปั๋งไปอย่างงั้นเอง นี่มันสองคนเชื่อจริงๆ นะว่าฉันมีอะไรกับคุณแล้ว”

    “คุณนี่ขี้เล่นเหมือนเด็กๆ เลยนะ”

    “ฉันก็ยังเด็กอยู่นี่คะ”

    เขายิ้ม กวาดสายตาแวววาวไปทั่วทั้งตัวที่ซ่อนอยู่ในเสื้อรัดรูปและกางเกงฟิตสะโพกสี่ส่วน

    “มองอะไร?” พันไฉนแหวใส่ ร้อนวูบวาบตามเนื้อตัวที่สายตาเขาเคลื่อนผ่าน

    “ก็มองว่าเด็กอะไรถึงมีอก มีเอว มีสะโพกขนาดนี้นะสิ”

    เธอถลึงตาใส่หน้าง้ำ

    “คุณนี่เป็นคนหลายอารมณ์ดีนะ”

    “ชมหรือด่าคะนั่น?”

    “ชมซิ อยู่กับคุณนี่ไม่น่าเบื่อจริงๆ มีทุกอารมณ์ ทุกรสชาติ”

    “นังยามันให้คำนิยามสิ่งที่คุณพูดว่า ‘ติงต๊อง’”

    เขาหัวเราะชอบใจ

    พันไฉนหน้าง้ำลงไปอีก

    “คุณคงคิดด้วยใช่ไหมล่ะ?”

    “คุณพูดเองนะเออ ผมแค่ขำคำนิยามของเพื่อนคุณเท่านั้นเอง ผมชอบพวกคุณนะ สนุกดี”

    “ขอบคุณค่ะ”

    “ตั้งแต่จากคุณกลับไปเมื่อคืนนี้ผมก็คิดถึงคุณตลอดเวลา”

    การกระโดดไปอีกเรื่องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาหญิงสาวถึงแก่ความงง

    อะไรของเขานี่ จะมาไม้ไหน?

    “วันนี้ถึงต้องมาที่นี่เพราะทนคิดถึงไม่ไหว”

    พันไฉนหัวใจพองโตกับคำพูดนั้น

    ประหลาดเสียจริงเชียว แค่คำธรรมดาๆ แค่นี้ก็ทำให้ใจของเธออัดแน่นไปด้วยความยินดี

    เขาขยับเข้ามาจนเกือบชิดตัวเธอ

    “คิดถึงหน้าสวยๆ เสียงใสๆ ของคุณ”

    เธอมีอาการลมหายใจติดขัดแบบเมื่อคืนนี้อีกแล้ว

    เขาเชยคางของเธอขึ้นด้วยข้อนิ้วแข็ง

    “คิดถึงริมฝีปากนุ่มหวานของคุณด้วย”

    พันไฉนตะลึตะไลตาค้าง กะพริบไม่ได้ มองริมฝีปากได้รูปที่อยู่สูงกว่าด้วยใจที่สั่นหวิว

    เขาจะจูบเราแบบเมื่อคืนนี้ใช่ไหม?

    กัตวัฏฐ์ลดใบหน้าลงมาจนริมฝีปากเกือบจะแตะกัน

    หญิงสาวใจเต้นโครมคราม

    ทว่า...รออยู่นานเขาก็ไม่ยอมจูบเสียที

    แล้วเขาก็ทำให้เธอต้องรอเก้อจริงๆ เสียด้วย เมื่อปล่อยมือออกและผละออกไป

    พันไฉนใจแป้วลงไป รู้สึกผิดหวังบอกไม่ถูก

    อยากตะโกนถามเขาว่า ‘ทำไม?’ แต่ก็พูดไม่ออก

    “เราออกไปคุยกับเพื่อนคุณกันต่อดีกว่า” เขาหันกลังหลับพร้อมพูดชวน

    แต่พันไฉนขยับตัวไม่ได้

    เงาไหวแวบๆ ที่หน้าต่างทำให้ทั้งสองรู้ว่ามีคนแอบดู ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอีกสองคนที่อยู่ด้านนอก

    พันไฉนนึกดีใจก็ตอนนี้ที่เขาไม่จูบเธอ ไม่อย่างนั้นคงอายตาย แค่นี้ก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว

    จากคุณ : ละอองฟ้า - [ 18 มิ.ย. 48 16:44:08 A:202.5.86.9 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป