ตอนที่ 8 ว่างเปล่า
อาริตากระชับผ้าหม่สีขาวเข้ากับร่างที่เปลือยเปล่า เธอนั่งชันเข่าบนเตียงกว้างอย่างอ่อนแรง เธอแปลกใจที่ไม่มีน้ำตาที่จะไหลออกมาเธอไม่ได้ร้องไห้ ไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลย แต่เธอกลับรู้สึกโล่งอก ที่ได้ชดใช้อะไรให้เขาบ้าง
ถ้าพี่สาวของกีรติเป็นอะไรไปมากหล่อนรู้ว่าอะไรเท่าไหร่ก็ชดใช้ไม่หมด หญิงสาวมองชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่ที่ระเบียงนอกชาน เขานั่งอยู่นานตั้งแต่พาหล่อนมาถึงแต่เช้ามืด
เธอไม่รู้ว่าบังกะโลหลังใหญ่เป็นของใคร ไม่อยากรู้ว่าพรุ่งนี้ตัวเองจะเป็นอย่างไร ไม่อยากรับรู้เรื่องใดอื่น นอกจากความรู้สึกของชายหนุ่มตอนนี้ เธอมองเสื้อผ้าของกีรติที่วางพาดปลายเตียงเธอตัดสินใจหยิบขึ้นมา เธอควรจะทำตัวให้รู้สึกดีก่อนที่จะพูดกับใคร
น้ำสายบัวที่เย็นชื่นใจไม่อาจที่จะทำใจหล่อนที่เหมือนมีโคลนตมฝังแน่นอยู่ สะอาดไปได้ หญิงสาวหลับตาให้สายน้ำที่ไหลผ่านเส้นผมดำสลวย ผ่านใบหน้าขาวเนียน ผ่านผิวเนื้อที่นวลเนียนตามร่างกาย
เธอนิ่งนานราวกับไม่ได้หายใจ เมื่อรู้สึกว่ามีอีกร่างหนึ่งที่ก้าวเข้ามาประชิด หญิงสาวลืมตาช้าๆ กีรติมองดูหล่อนราวกับไม่เคยพบกันมาก่อน เขาเงียบขรึมไร้คำกล่าว ปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านเสื้อผ้าที่เปียกปอน
แล้วเขาก็โผเข้าโอบร่างบอบบาง ซบหน้าลงกับบ่าที่เปลือยเปล่า หยิงสาวยืนนิ่งเงียบชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ
ผมแค่อยากกอดคุณไว้แบบนี้ ให้ผมได้กอดคุณไว้แบบนี้ก็พอ
หญิงสาวหลับตาเอื้อมมือโอบเอวเขาเช่นกัน
แค่อยากบอกนายว่าไม่เสียใจ...
หล่อนกระซิบเบาๆ
ชายหนุ่มดึงร่างหล่อนให้เผชิญหน้า มองหล่อนด้วยความงุนงง
ไม่เสียใจหรือ....
เขาถามกลับ หญิงสาวไม่หลบตาชายหนุ่ม
เพราะฉันเต็มใจ...ฉันเต็มใจเอง
ความจริงการขืนใจ กับการเต็มใจมันก็แค่ช่วงวินาที ถ้าทำแบบนี้แล้วนายจะสบายใจฉันก็ยอม ถ้าจะเป็นการชดใช้เรื่องของคุณอรได้ ถ้าอย่าโกรธพี่กริชได้ อะไรฉันก็ยอม
ชายหนุ่มเมินหน้าไปทางอื่น แล้วหันมายิ้มหยันกับหญิงสาว แววตาวาวโรจน์
คุณทำทั้งหมดเพราะมันใช่ไหม จักรกฤษณ์คุณรักมันจนยอมชดใช้ทุกอย่างแทนมันใช่ไหม
หล่อนสบตากับเขาไม่เมินหนี หยักหน้าช้าๆ
ขอเพียงพวกคุณยอมอภัยให้เขา ฉันทำได้ทุกอย่าง
ตอนนี้ในตัวของกีรติรู้สึกโหวงเหวงว่าเปล่ายิ่งกว่าเก่า ราวกับไม่เคยมีตัวตนในโลก
พูดได้ดีมาก คุณพูดได้ดีมาก เอาร่างกายมาแลกกับความรู้สึกคน คุณคิดได้ยังไง ถ้าพี่สาวผมตายหรือเป็นบ้าไป คุณชดใช้ได้ไหม พี่ใหญ่อยู่โรงพยาบาลหลายวันมันไม่เคยไปเยี่ยมเลย
พี่กริชไม่รู้ว่าพี่สาวคุณ...เอ่อ...
หล่อนก้มหน้าหลบสายตา
ผมไม่เคยเห็นใครเลวเท่ามัน....
ฉันไม่เคยบอกพี่กริช แล้วตอนนี้เขาคงออกเดินทางแล้ว
หล่อนบอกออกมาแทบไม่มีเสียง
เขาผละตัวออกห่างจากหญิงสาวมองหล่อนราวกับไม่มีตัวตนในโลกนี้
แต่งตัวซะ ผมจะกลับกรุงเทพแล้ว
พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างไร้ตัวตนเช่นกัน หญิงสาวยื่นนิ่งตอนนี้สายน้ำราวกับไหลผ่านไหลผ่านหัวใจที่ว่างเปล่าของหล่อน ราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลย
*****************************
ความเงียบเข้ามาปกคลุ่มตลอดการเดินทาง สายลมที่ปะทะผิวหน้าทำให้หล่อนรับรู้ความรู้สึกที่เป็นอิสระได้บ้าง รราวกับเป็นละครฉากหนึ่ง และราวกับเป็นความฝันที่ผ่านเข้ามา บ่อยครั้งยามสายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นมือเขาสั่นระริก หล่อนไม่กล้าแม้เงยหน้ามองหน้าเขา
หล่อนจะขอโทษต่อเขาต่อทุกสิ่ง ต่อโชคชะตาที่เล่นตลกกับตัวเอง
รถแวนสีแดงมาจอดที่หน้าอาพาตร์เม้น หล่อนนั่งนิ่งอยู่นาน
ขอบคุณ
ในที่สุดหล่อนเอ่ยปากออกมา ก่อนที่จะลงชายหนุ่มหันมามอง
ผมขอถามคุณข้อสุดท้าย ....คุณรักหมอนั้นใช่ไหม
ใช่....ในชีวตนี้เขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน
หล่อนบอกอย่างไม่ลังเล
เขาสบตากับหล่อน
ดี...เราไม่มีอะไรติดค้างกัน ต่อไปนี้เราจะไม่ได้เจอกันอีก
ในช่วงวินาทีนั้นหล่อนแทบหัวใจสลาย ความเจ็บปวดเหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาไม่ทันตั้งตัว แต่หล่อนได้แต่นิ่งไว้เปิดประตูรถลงอย่างไร้จิตใจ รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องราวผ่านไปราวกับความฝันเมื่อคืนจักรกฤษณ์มายืนบอกลาหล่อนที่ตรงนี้ เขาเดินทางไปฝรั่งเศสเมื่อเช้ามืดวันนี้ อีกวันต่อมาทุกคนที่สำคัญกับชีวิตหล่อนก็หายไปอีกคน
พ่อค่ะ...แม่ค่ะ...ได้โปรดให้พลังเฮือกสุดท้ายกับตาด้วยนะค่ะ แต่ตาแทบทนไม่ไหวแล้วค่ะ
หล่อนหลับตาอธิฐานกับสายลม ผ่านไปหาพ่อที่เคยเลี้ยงดูหล่อนตั้งแต่เด็ก อย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อหล่อนมาถึงสิบห้าปี
*************************************
เจ็ดปีผ่านไป
คุณตา.....คุณชอบที่นี่ไหม เสียงทุ้มๆเอ่ยถาม หญิงสาวที่มองดูวิวนอกกระจก อาริตาหันกลับมายิ้มกับเพื่อนชาวอิตาลี
ชอบซิค่ะ...หญิงสาวตอบเสียงหวาน ยื่นมือเรียวงามหยิบแก้วไวส์ขาว
ต้องขอบคุณที่ยอมมาทำงานกับผม
หญิงสาวยิ้ม
ต้องขอบคุณที่คุณให้โอกาสดิฉันมากกว่า
ผมเชื่อว่าศูนย์สุขภาพครบวงจรของเราต้องประสบความสำเร็จแน่ ที่ได้มืออาชีพอย่างคุณมาวางแผนให้
ลาฟ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลีมองหญิงสาวอย่างชื่นชม
งานของเราลงทุนไปมากแล้ว แต่การตลาดยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย ต้องขอบคุณที่แนะนำไปคราวก่อนเราจึง มานั่งปรับกลยุทธ์กันใหม่ แต่งานของเราจะก้าวหน้าก็ต้องได้หัวเรือใหญ่มาวางแผน
ลาฟไม่ต้องชมกันมากก็ได้ ก็แค่วางแผน ผลออกมาจะเป็นยังไงยังไม่ทราบเลย
ผมเชื่อมือคุณ เขาบอกอย่างมั่นใจ
แล้วหญิงสาวต้องชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ชายวัยกลางคนเดินคู่กันมากับภรรยา เข้ามาในภัตราคารหรู หญิงสาวสีหน้าขรึมลง
ตาจะสั่งอะไรเพิ่มไหมครับ...
ไม่ล่ะ ขอบคุณมากตาอิ่มแล้ว
แล้วสายตาลาฟเหลือบไปเห็นผู้มาใหม่ด้วย
นั่นคุณอดิศักดิ์ กับคุณหญิงนี่....
เขาหันมองหญิงสาวที่เมินไปทางอื่น
คุณไม่เข้าไปทักหน่อยหรือ.....
หญิงสาวทำท่าอึดอัด ลาฟยิ้มน้อยๆ
ผมเข้าใจ แต่ยังไงท่านก็เป็นคุณพ่อคุณ....เอาล่ะ...เอาล่ะ...ผมขอโทษที่ก้าวก่ายชีวิตคุณ แต่ตอนนี้พวกท่านเดินตรงมาทางนี้แล้ว
อาริตาแทบอยากเดินหนีไปเสียตอนนี้ แต่มารยาททางสังคมต้องทำให้หล่อนต้องนั่งอยู่นิ่งๆ รอจนชายสูงอายุเดินมายืนข้างๆ
ลาฟยืนขึ้นยกมือไหว้ท่านทั้งสอง
สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี สวัสดีครับคุณหญิง
เสียมารยาทจริงๆ คุณพ่อมาหาแล้วทักทายสักคำก็ไม่มี
เสียงแหลมๆจากคุณหญิงชดช้อยดังขึ้น สายตาเหลือบมองอาริตาอย่างดูแคลน อาริตายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง คุณอดิศักดิ์มองอาริตา
สบายดีไหม ไม่เจอตั้งนาน
ค่ะ หล่อนตอบโดยไม่ยอมมองหน้า คุณหญิงชดช้อยมองตรงๆ
หยิ่ง...กี่ปีกี่ปี...ก็ไม่เคยเปลี่ยน..
อาริตาข่มใจเป็นอย่างมาก ลุกยืนขึ้น หยิบประเป๋าถือขึ้นมา สบตากับลาฟที่ทำอะไรไม่ถูก
ขอโทษนะค่ะลาฟ ขอโทษนะท่าน ดิฉันก็เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว แก้ไม่หายสักที อย่าคุยกันดีกว่า
หล่อนเบี่ยงตัวหลบแล้วจะเดินออกไป เสียงทุ้มๆดังขึ้น
หยุดนะตา.... อาริตาชะงัก มองตามเสียงชายหนุ่ม จักรกฤษณ์ในชุดสูทภูมิฐาน เดินมาหา หล่อนมองเขาอย่างแปลกใจ
พี่กริช...พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จักรกฤษณ์มองหล่อนแล้วหันไปยิ้มกับลาฟ
สวัสดีลาฟ... เขายื่นมือจับกับหนุ่มลูกครึ่ง ลาฟยิ้ม
ขอโทษนะ น้องสาวผมเอาแต่ใจหน่อย
อาริตาหันมองจักรกฤษณ์เขม็ง
ลาฟได้แต่ยิ้มไหวไหล่น้อยๆ
ผมจะไปส่งเธอเอง...
พรุ่งนี้ผมไปหานะ จักรกฤษณ์บอก ลาฟหันมาลาผู้ใหญ่ทั้งสอง อาริตาเมินหน้าหนี แล้วผละตัวออกไป
คุณหญิงชดช้อยมองลูกชาย
ไม่เคยเปลี่ยน ลูกดูน้องสาวลูกซิเอาแต่ใจ....เราจะให้การศึกษาแค่ไหน แต่จิตใจไม่เคยพัฒนาขึ้นเลย
จักรกฤาณ์มองมารดาอย่างเหนื่อยใจ
คุณแม่ครับ...ผมขอร้องล่ะครับ.. เขาบอกเสียงเคร่งเครียด มองบิดาที่เดินออกจากภัตราคารไปเฉยๆ
คุณพี่ค่ะ คุณหญิงเดินตาม จักรกฤษณ์จึงต้องเดินตามออกไปด้วยอีกคน
ผมบอกคุณหญิงสักกี่หนแล้วว่า อย่าไปพูดอะไร หรือประชดประชันยัยตา...
อ๋อ..เดี๋ยวนี้ดิฉันเตะต้องลูกไพร่นั่นไม่ได้ซิค่ะ...คุณค่ะฉันอดทนกับนังเด็กนั่นมาหลายปีแล้วนะค่ะ ทั้งยอมที่ให้คุณพี่ส่งเสียมัน ให้ยอมคบกับจักรกฤษณ์ได้ แต่นี่อะไรค่ะ เจอกี่ครั้งกี่ครั้ง ก็ไม่เคยให้ความยำเกรงทั้งคุณพี่ และดิฉันเลย
คุณอดิศักดิ์ถอนหายใจมองลูกชาย
อือ...คุณหญิงพอเถอะ
กริช...เรื่องน้อง
ผมจะไปคุยกับตาเองครับ...
คุณอดิศักดิ์พยักหน้า แล้วคุณลาฟล่ะ พ่อว่าเขาก็ไม่เลวนะ ท่าทางใจเย็นเป็นผู้ใหญ่
ลาฟเป็นเพื่อนผมครับ แล้วก็เป็นคนดีด้วยผมทราบ
.แต่...ผมว่าให้เป็นเรื่องของตาเองอีกกว่า
จักรกฤษณ์สีหน้าเงียบขรึม คุณหญิงชดช้อยจ้องลูกชายเขม็ง
กริช...แม่ผิดหวังมาก..นี่ลูกกับยัยตา....ยัยเด็กนั่นเป็นน้องสาวลูกนะ
ผมทราบครับ...ผมจำได้เสมอว่าอาริตา คือน้องสาวแท้ๆของผม..แต่คุณแม่ครับคุณแม่ย้ำเรื่องนี้มาตลอด จนมันซึมซาบลึกเข้าไปในก้นบึ้งของจิตใจ...แต่...ผมโตแล้วนะครับ...
เขาส่ายศีรษะแล้วเดินตรงไปที่รถเบนซ์คันหรู
อดิสักดิ์ไม่พูดอะไรมองรถของลุกชายที่ขับออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วเขาถึงกับเอามือจับกลางอก
คุณพี่ค่ะ คุณพี่ คุณหญิงชดช้อยรีบประคองสามี
ทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันคนเดียว
คุณหญิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มองเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วย
ฉันไม่เป็นไรหรอก...แค่เหนื่อยไปเท่านั้นเอง
ไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ..
ไม่...กลับบ้านฉันอยากกลับบ้าน คุณอดิศักดิ์บอก เดินขึ้นรถโดยมีคุณหญิงประคองอยู่ข้างๆ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
จากคุณ :
grinny2545
- [
20 มิ.ย. 48 06:57:30
]