สวัสดี...ต้องขออภัยเพื่อนๆเป็นอันดับแรกที่มาต่อเรื่องช้าไปหน่อย เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ไม่สามารถกระเสือกกระสนมาต่อเรื่องได้...แฮ่
*************************************
ตอน
คนรักของผม
สวัสดีครับ ผมชื่อพงษ์ทัต เป็นลูกคนเล็กของครอบครัว มีพี่ชายสองคน และครอบครัวผมก็จัดว่ามีฐานะพอกิน พอใช้ พอเก็บครับ
ตอนนี้ผมอายุสามสิบแล้ว มีกิจการเล็กๆเป็นของตนเองและมีคนรักที่น่ารักมากๆครับ (ผมยืนยันได้เต็มปากเต็มคำทีเดียว) เราคบหาดูใจกันมาได้สามปีแล้ว
ทุกเช้าผมจะขับรถจากบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์เม้นต์ที่เธออาศัยไม่เท่าไหร่ รับเธอไปส่งที่ห้องเสื้อ ซึ่งเธอทำงานเป็นผู้ช่วยดีไซด์เนอร์ให้กับ"ซินดี้ ลูกพี่ลูกน้องผม
และวันนี้ผมก็ทำหน้าที่เป็นสารถีให้เธอเหมือนเช่นทุกวัน
อุ๊ย! ชุดแต่งงานของคุณดาวเสร็จแล้ว
สวยจัง
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้านตัดชุดวิวาห์ของซินดี้ ก็เห็นชุดแต่งงานหรูหราสีขาวสะอาด ตัดจากผ้าไหมฝรั่งเศสชั้นดี ประดับด้วยมุกญี่ปุ่นสลับกับแก้วคริสตัลเกือบทั้งตัวเสื้อที่ออกแบบมาค่อนข้างอวดรูปร่างเจ้าสาวพอสมควร แถมมีหางแผ่สยายยาวร่วมห้าเมตรเห็นจะได้มั้ง ตั้งหราอยู่กลางร้าน
มองดูแล้วก็สวยดีหรอก
แต่ผมว่าเจ้าสาวคงแอบทรมานในการแบกน้ำหนักของชุดน่าดู ก็เล่นประดับคริสตัลตั้งแต่คอยันหางแบบนั้น น้ำหนักคงเกิน ยี่สิบกิโลแหง๋ๆ
(ผมเดาเอานะ)
และรู้สึกนับถือผู้หญิงจริงๆที่มักจะยอมทนทรมานสารพัด เพื่อให้ตัวเองดูสวยที่สุดในสายตาของคนรัก และไอ้นิสัยอย่างนี้มันก็แพร่เชื้อมาสู่คนรักผมเหมือนกัน เพราะเมื่อปีที่แล้วเธอทำเซอร์ไพรซ์ผมโดยการหายหน้าไปเกือบเดือนและกลับมาอีกครั้งในคืนวันเกิดของผมพร้อมกับหน้าอกขนาดเท่าผลส้มโอมาเป็นของขวัญให้ผม
ผมทั้งทึ่งทั้งปลื้มจนบรรยายความรู้สึกเต็มตื้นนั้นไม่ถูกจริงๆ ก็เลยหันไปฟัดเจ้าผลส้มโอคู่นั้นทั้งคืน เล่นเอาหมดแรงไปเลยทั้งผมกับคนรัก
ปลายนิ้วเรียวของคนรักผมยังคงลูบไล้ไปตามชุดที่ผมเชื่อว่า ผู้หญิงทุกคนปรารถนาที่จะได้สวมมันเดินเคียงคู่กับคนรักในงานที่มีความสำคัญยิ่ง รวมทั้งคนรักผมก็เช่นกัน
ถึงแม้เธอจะไม่เคยเอ่ยปากขอให้ผมพูดขอเธอแต่งงานก็ตามที แต่หลายครั้งสีหน้าและแววตามักจะหันมาเรียกร้องและอ้อนวอน จนผมเกือบจะใจอ่อนเอ่ยปากขอเธอแต่งงานอยู่ร่ำๆไป
แต่ความระแวงเกี่ยวกับเธอยังคงมีอยู่มากมาย ทำให้ผมต้องคอยย้ำเตือนตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้
นี่ไอ้ทัต เมื่อไหร่แกจะขอยัยเชอรี่แต่งงานซักทีล่ะ
เสียงห้าวของซินดี้ดังขึ้นในระยะประชิด มาทำลายภวังค์ของผมให้แตกกระเจิงสลายภายในพริบตา
เอ่อ
จะรีบร้อนไปไหนเล่า ตังค์ยังไม่ค่อยมีน่ะ ผมยิ้มแหยแก้ตัวน้ำขุ่นๆกับซินดี้ ที่กำลังกอดอกมองผมหน้าเครียดภายใต้เครื่องสำอางค์ที่โบ้ะซะหนาเตอะ จนมองไม่เห็นริ้วรอยตีนกาหรือหลุมสิวและจุดด่างดำแม้ซักนิดเดียว
ซินดี้ หรือ เกรียงศักดิ์
เป็นลูกชายคนโตของป้าสำอางค์กับลุงทวี และเป็นญาติที่สนิทกับผมมากที่สุดถ้าไม่นับพี่ชายทั้งสองคนของผม
เกรียงศักดิ์เรียนจบปริญญาตรีด้านออกแบบและหลังจากงานรับปริญญาผ่านไปเกรียงศักดิ์ก็หายหน้าไปโดยบอกกับครอบครัวว่าจะไปทำงานที่ต่างจังหวัดกับเพื่อน
เวลาผ่านไปเกือบห้าปี เกรียงศักดิ์ก็กลับมาและเปลี่ยนสถานภาพเป็น นางสาวซินดี้เรียบร้อยโรงเรียนศัลยกรรมไปแล้ว
ป้าสำอางค์ถึงกับช็อคตาตั้งเป็นลมหงายผึ่งทันที ส่วนลุงทวีก็เกิดอาการใบ้รับประทานไปครู่ใหญ่
และกว่าลุงกับป้าจะทำใจยอมรับว่าบัดนี้ได้เสียลูกชายคนโตไปแล้ว ก็ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งปีทีเดียว
ส่วนน้องสาวทั้งสามคนของซินดี้นั้นพากันหัวเราะคิกคักยอมรับได้ทันที เพราะดูเหมือนจะระแคะระคายกับพฤติกรรมเบี่ยงเบนของพี่ชายนานแล้ว
ส่วนผม
ก็ตกใจไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนที่เคยเตะฟุตบอลด้วยกันมาแต่เด็กจะกลายเป็นสาวประเภทสองไปได้ แต่ในที่สุด
ต่อมใจง่ายของผมก็สามารถปรับตัวเองให้ยอมรับกับตัวตนที่แท้จริงของซินดี้ได้อย่างสนิทใจในเวลาไม่ถึง หนึ่งอาทิตย์
แกอย่ามาสตอเบอรี่หน่อยเลย
ขืนใจเย็นอย่างนี้ระวังเหอะจะถูก มคปด. ซินดี้พูดทิ้งท้ายก่อนจะสะบัดหน้าเดินไปดูความเรียบร้อยของชุดต่อ
ครู่ต่อมา คนรักผมก็เดินกลับมาหาผมหลังจากที่ชื่นชมความงามของชุดแต่งงานจนหนำใจแล้ว
คืนนี้เชอรี่ต้องเร่งตัดเสื้อให้ลูกค้าคงต้องอยู่ดึก ทัตไม่ต้องมารับก็ได้นะ เดี๋ยวเชอรี่กลับเอง
ไม่เป็นไรหรอก ผมมารับดีกว่า ผมรีบแย้งทันที ไม่คิดจะปล่อยให้เธอกลับห้องคนเดียวดึกๆดื่นๆเด็ดขาด เพราะห่วงในสวัสดิภาพของเธอ
( ก็คนรักของผมทั้งสวยทั้งน่ารักนี่นา )
แต่เชอรี่ไม่รู้ว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่นะ จะเสียเวลาพักผ่อนของทัตซะเปล่าๆ
ถ้าอย่างนั้นคุณก็หาหมอนกับผ้าห่มเตรียมไว้ให้ก็แล้วกัน ผมพูดยิ้มๆ คนรักผมก็หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะพยักหน้ารับ " ได้ซิ
อีกอย่าง
ถ้าผมไปส่งคุณแล้วไม่เหลือแรงที่จะขับรถกลับบ้านล่ะก้อ ผมคงค้างกับคุณนั่นล่ะ ผมพูดตบท้าย พร้อมส่งสายตาเจ้าชู้ใส่เธอเต็มที่ เป็นผลให้แก้มนวลทั้งสองข้างของคนรักผมแดงเรื่อขึ้นทันตา พร้อมรอยยิ้มเขินๆ
ให้ตายซิ! ไอ้กิริยาแบบนี้ของคนรักมันช่างยั่วยวนผมชะมัด จนอดใจไม่ไหวต้องลากเธอเข้าห้องลองเสื้อและจูบหนักๆกับปากอิ่ม มือไม้ก็จับโน่น คลำนี่ไปทั่วจนหนำใจผมแล้วนั่นล่ะ ถึงยอมปล่อยให้เธอกลับไปทำงานต่อ
ส่วนผมก็ไปทำงานของผมอย่างอารมณ์ดี
เรื่องที่ซินดี้พูด ผมก็เก็บเอามาคิดเหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าจะทำหูทวนลมซะทีเดียว
ผมรู้ว่าคนรักของผมน่ะทั้งสวยทั้งน่ารักแค่ไหน แล้วยิ่งตอนนี้เธอมีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่อวบอิ่ม ก็ยิ่งทำให้มีผู้ชายหลายคนต้องเหลียวกลับมามองกันคอแทบหักทีเดียว ทำให้ผมรู้สึกปลื้มใจผสมหึงหวงนิดหน่อยแต่ก็ไม่มาก เพราะรู้อยู่แล้วว่า สายตาของคนรักพุ่งตรงมาที่ผมคนเดียวเท่านั้น
เธอทั้งรักและเอาใจผมทุกอย่าง ชนิดที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่จะทุ่มเทความรักให้ผมได้เท่าเธอคนนี้เลยซักคน
เมื่อก่อนผมยังไม่คิดจะจีบเธอหรอก เพราะกำลังสองจิตสองใจระหว่างเธอกับผู้หญิงอีกคนที่ชื่อ "ปุ๊กกี้" ซึ่งตอนนั้นทั้งสองเพิ่งเข้ามาทำงานกับซินดี้ได้ไม่นาน
ปุ๊กกี้ เป็นผู้หญิงที่สวย หวาน รูปร่างอวบอิ่มทีเดียว เสียงเธอไพเราะนุ่มนวลมาก แถมมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ชนิดที่ใครเห็นใครก็ต้องรัก และอยากพูดคุยด้วยไม่รู้จักเบื่อ
ส่วนเชอรี่กลับมีบุคลิกที่ตรงกันข้าม เพราะเธอมุ่งมั่นแต่จะทำงานอย่างเดียว และพูดคุยเฉพาะซินดี้หรือเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ส่วนกับผมจะเป็นประเภทถามคำตอบคำ จากนั้นก็เดิน เลี่ยงไปหรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตากับงาน
พฤติกรรมต่อต้านของเธอนี่ล่ะมั้ง ที่ผลักดันให้ผมตั้งปณิธานแน่วแน่ ว่าจะทะลายกำแพงที่เธอสร้างขึ้นมากั้นผมให้จงได้ และหลังจากนั้นผมก็ป้วนเปี้ยน ตามตื้อเธอตลอด จนซินดี้ต้องออกโรงมาปกป้องลูกน้องของตัวเองและบอกให้ผมเลิกยุ่งกับเชอรี่ซะ แต่ผมก็ไม่สนใจและยังคงดันทุรังตื้อเชอรี่ต่อไป
จนกระทั่ง ปุ๊กกี้แต่งงานไปจนท้องโย้แล้วก็ตาม ผมก็ยังไม่สามารถพิชิตใจของเชอรี่ได้ซักที
จนผมเริ่มท้อและสิ้นหวัง
แต่
หลายครั้งผมมักเห็นสายตาของเธอแอบแฝงเยื่อใยมาให้หลายครั้ง จนผมเริ่มมั่นใจว่าเธอเองก็มีใจให้ผมเหมือนกัน
แต่ทำไมเธอยังคงปากแข็งปฏิเสธความรักของผมอีกล่ะ!
นั่นคือ ปัญหาคาใจที่ทำให้ผมมีกำลังใจตื้อเธออีกเฮือก
จากคุณ :
มาดาม เค
- [
21 มิ.ย. 48 19:40:06
]