CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เรือนร้อน (ขุนช้างขุนแผนฉบับนิทานข้างกองฟาง)(๑๖)

    ขุนช้างขุนแผน ฉบับ นิทานข้างกองฟาง (๑๖)

    เรือนร้อน


    จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายแก้ว
    ครั้นผ่องแผ้วแสงสว่างกระจ่างไข
    ออกนั่งหน้าโรงพลันทันใด
    ขุนนางไทยลาวหมอบนอบน้อมกาย
    ปรึกษาเสร็จสงครามตามกระแส
    พอนายเวรตำรวจแร่เข้าในค่าย
    นั่งลงยิ้มพยักทักทาย
    แน่นายมีรับสั่งอย่ารั้งรา
    ให้เลิกทัพกลับไปยังกรุงศรี
    เจ้าพลายยินดีเป็นหนักหนา
    จึงสั่งเพี้ยลาวท้าวพระยา
    อยู่รักษาบ้านเมืองให้มั่นคง

    พลายแก้วสั่งไพร่ให้ผูกช้าง
    แลสล้างกูบดำงามระหง
    ข้าวของเงินทองบรรทุกลง
    แล้วส่งครัวลาวให้ล่วงมา
    ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธี
    ฆ้องตีโห่กราวฉาวฉ่า
    ยกหมู่พยุบาตรยาตรา
    ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวทิว ฯ

    พ่อแม่พี่น้องที่เคารพครับ มาแล้วขอรับ..ท่านแม่ทัพใหญ่ชื่อพลายแก้ว..หลังจากเสร็จศึกเมืองเชียงทอง ก็ยาตราทัพกลับกรุงศรีอยุธยาเป็นการเอิกเกริก พร้อมด้วยชัยชนะอย่างงดงาม จนกระทั่งได้เข้าเฝ้าถวายรายงาน ถึงผลของงานพระราชการสงคราม ต่อสมเด็จเจ้าชีวิตพระพันวษา ณ ท้องพระโรงชัย

    ทีนี้พอถึงตอนเสด็จออกทีไร กระผมก็อดไม่ได้ซักที ที่จะต้องยกกระบวนกลอนอันงดงามมาเล่าสู่กันฟังทุกทีเลยขอรับ

    จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
    สถิตยังปรางค์มาศปราสาทโถง
    ครั้นสุริยาสูรย์ส่องขึ้นสองโมง
    เสด็จออกท้องพระโรงรจนา
    นางในห้ามแหนแน่นเนื่อง
    เชิญเครื่องแห่ห้อมมาพร้อมหน้า
    เสด็จประทับพระแท่นแผ่นศิลา
    เสนาประนมบังคมคัล
    เสียงประโคมครื้นครึกกึกก้อง
    พิณพาทย์ระนาดฆ้องกลองสนั่น
    เป่าสังข์กระทั่งแตรแจจัน
    พระทรงธรรม์ประภาษราชการ
    ทุกตำแหน่งแถลงความไปตามเรื่อง
    มิให้เคืองบาทมูลที่ทูลสาร
    มหาดเล็กอ่านถวายรายงาน
    พระสำราญฤทัยไพบูลย์ ฯ

    ท่านขุนนางผู้ใหญ่จึงได้กราบบังคมทูลว่า เมื่อเดิมก็ได้มีกองทัพจากเมืองเชียงใหม่มาตีเมืองเชียงทองอันเป็นเมืองในพระราชอาณาเขต แต่เจ้าเมืองสู้ไม่ไหวจึงได้ยอมอ่อนน้อม แต่ก็ได้มีใบบอกขอความช่วยเหลือมายังกรุงศรี ฯ จึงโปรดเกล้า ฯให้นายพลายแก้ว ผู้บุตรขุนไกรพลพ่าย ถืออาญาสิทธิ์ นำทัพกรุงศรีอยุธยาสมทบกับกองทัพจากเมืองกำแพง ระแหง เถิน กระหนาบกับกองทัพเชียงทอง เข้าโจมตีกองทัพเชียงใหม่แตกพ่ายไปด้วยพระบารมี ได้ครอบครัววัวควายอาวุธเสบียงอาหาร ส่งเข้ามาในกรุงตามบัญชีถวายดังนี้ สมเด็จพระพันวษาก็ทรงพึงพอพระทัยเป็นที่ยิ่ง

    ครั้นแล้วก็ทรงสั่งให้มีการสอบสวนทวนพยาน จนเจ้าเมืองเชียงทองร่ำ ๆ จะหัวขาดเพราะข้อหาไปเข้าด้วยเชียงใหม่

    แต่พลายแก้วก็ช่วยแก้แทนให้ว่าครั้นเมื่อทัพศรีอยุธยา รุกเข้าไปยันทัพเชียงใหม่ซึ่งล้อมเมืองเชียงทองอยู่นั้น ทางฝ่ายในเมืองก็ได้มีการประสานงานด้วยเป็นอย่างดียิ่ง และเมื่อนัดแนะกันกระหนาบโจมตีทั้งสองด้าน กองทัพเชียงทองก็ได้เข้ารบพุ่งอย่างเข้มแข็งเต็มกำลังทั้งนายไพร่ สมควรจะหักลบกลบโทษกันไปได้

    สมเด็จพระพันวษาก็ทรงเห็นชอบด้วย แล้วจึงพระราชทานยศและรางวัล แก่ทั้งนายไพร่ที่ไปทัพจนถ้วนทั่วทุกตัวคน

    ส่วนพ่อพลายแก้วของเราก็ได้รับพระราชทานบำเหน็จดังนี้ขอรับ

    ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง
    จึงดำรัสตรัสสั่งพระหมื่นศรี
    ประทานของต้องตามความชอบมี
    เจียดกระบี่เสื้อใส่ได้ประทาน
    ตัวอ้ายพลายให้ตั้งเป็นขุนแผน
    อยู่รักษาเขตแดนที่ปลายด่าน
    คุมไพร่ห้าร้อยคอยเหตุการณ์
    แล้วประทานเรือยาวเก้าวา ฯ

    กระผมก็เพิ่งทราบเหมือนกันนะขอรับว่า เครื่องยศตำแหน่งขุนแผน นี้ มี เรือยาวเก้าวา ด้วย ?

    ขุนแผน (ต่อไปนี้กระผมจะเรียกตามยศของพ่อพลายแก้วนะขอรับ) ก็พาลาวทองกับสองพี่เลี้ยงนั่งเรือยาวพระราชทาน กลับบ้านที่สุพรรณ ฯ

    ตรงนี้มีความแสบของพ่อขุนแผน ที่อยากจะบันทึกไว้ ให้พ่อแม่พี่น้องหมั่นไส้เล่นดังนี้ขอรับ

    คือ...

    พาเจ้าลาวทองสองพี่เลี้ยง
    นั่งเรียงมาในเรือที่นอนนั่น
    ออกเรือจากท่ามาด้วยกัน
    โยนยาวฉาวลั่นสนั่นมา
    พระจันทร์ทรงกลดหมดเมฆ
    ดูวิเวกในระหว่างกลางเวหา
    ดาวดาษกลาดพร่างสว่างตา
    ต้องหน้าลาวทอง ละอองนวล…


    แต่......


    พระพายชายมาเวลาดึก
    รำลึกถึง พิมน้อย ละห้อยหวน
    ป่านฉะนี้แก้วพี่จะคอยครวญ
    ฤารัญจวณเจ็บไข้ก็ไม่รู้...

    ดู๊...ดูมัน..ดูพ่อเจ้าประคุณขุนแผนเขาสิขอรับ พ่อแม่พี่น้อง...กระผมยังงี้ ……… อื๊อย์ย์ย์...พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริง ๆ ขอรับ...

    พอบรรลุถึงบ้านที่สุพรรณก็จอดเรือไว้ที่หน้าบ้าน แม่สายทองเห็นเข้าก็ดีใจรีบไปบอกแม่วันทอง ว่าแม่วันทองจ๋าาาา...พ่อแก้วมาแล้ว มาเรือกัญญาโอ่อ่าเชียวสงสัยจะได้เป็นขุนนาง

    แม่วันทองก็ดีใจเป็นอันมากรีบถลาออกไป พอพบกันก็ร้องไห้เสียมากมาย ขุนแผนก็ถามว่าเป็นอะไรหรือ แม่วันทองก็เล่าความให้ฟัง คือฟ้องเสียจนหมดไส้สิ้นพุงว่าอยู่ทางนี้ก็เปลี่ยวเหงาเหลือเกินแล้วอยู่มาวันหนึ่ง อ้ายช้างก็เอา กระดูก ห่อผ้าขาว มาให้แม่ดูว่า พ่อแก้วไปแตกทัพถูกลาวแทงตายที่เชียงทอง น้องก็ยังไม่เชื่อยังรบเร้าให้แม่พากันไปดูต้นโพธิ์อธิษฐานที่ปลูกไว้ พอไปเห็นเข้าก็แทบเป็นลม....ไม่ทราบว่าเกิดอาเพศอะไร ทั้งต้นทั้งใบเหี่ยวเฉา น้องก็ยิ่งใจฝ่อ แต่ก็ยังไปหาหลวงตาจูให้ช่วยทำนาย ท่านก็ยังบอกว่า พ่อแก้วยังรอด แต่น้องก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงกังวลเสียจนเจ็บไข้ หลวงตาก็บอกให้เปลี่ยนชื่อเป็น วันทอง ก็เลยค่อยยังชั่วขึ้น

    ทีนี้อ้ายขุนช้างก็ยังตามรังควานไม่เลิก มันมายุแม่ว่าหากหญิงใดผัวตายกลางศึก ต้องให้ยกเป็นหม้ายหลวง นอกเสียจากว่าจะแต่งงานใหม่ แม่ศรีประจันก็เลยจะจับน้องแต่งงานกับอ้ายช้าง แถมยังรื้อเอาเรือนหอของเราไปถวายวัดเสียอีก แต่นี่น้องก็ถ่วงเวลามาถึงเจ็ดวันแล้ว ก็ยังไม่ยอมเข้าหอกับมัน ผลก็คือ โดนแม่เฆี่ยนเสียยับไปทั้งตัว ว่าแล้วก็ปลดสไบให้ดูหลังไหล่ซึ่ง
    "ยับย่อยเป็นรอยทั่วอินทรีย์" ให้สามีดู

    ขุนแผนได้ฟังดังนั้นก็แน่ละขอรับ แม้ว่าจะซึ้งน้ำใจเมียที่อุตส่าห์อดทนรอผัว แต่ก็ต้องโมโหเสียจนแทบจะแล่นไปฆ่าขุนช้างเสียใน ณ บัดนั้นเอง รวมทั้งโมโหกราดไปจนถึงแม่ยาย มหาภัยด้วย ก็ปึงปังจะพาบ่าวไพร่ไปล้อมบ้านขุนช้างในทันทีนี้

    จากคุณ : พจนารถ - [ 22 มิ.ย. 48 09:27:05 A:61.91.79.135 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป