ดอกไม้ของชายชรา
@<><><><><>@
ไง...พ่อนักปราชญ์ วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ ปกติมีเรียนช่วงบ่ายไม่ใช่หรือ?
ก็ใช่ครับ แต่อยากมาเร็วๆ บ้าง แถวนี้บรรยากาศดีออก...ว่าแต่เรียกผมแค่ ปราชญ์ ก็พอมั้งครับ ลุงหวัง
ก้อมันชินปากอย่างนี้เสียแล้วนี่หว่า ทำไงได้
ว่าแต่เรียก พี่ ได้มั้ย?
ผมก็ชินปากอย่างนี้แล้วเหมือนกันนิ
แล้วเราทั้งสองต่างหัวเราะเริงร่าให้กันและกันอย่างคนคุ้นเคย บทสนทนาแบบ กันเอง ระหว่างผมกับลุงหวังเป็นอย่างนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว นับตั้งแต่ผมเริ่มเข้าเรียนที่มหาลัยใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ใหม่ๆ ใครที่ผ่านไปผ่านมาอาจคิดว่าผมลามปามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่เราสองคนมักพูดเล่นกันแบบนี้เสมอ แกชอบเรียกผมว่า นักปราชญ์ ส่วนผมก็มักเรียกแกว่า ลุงหวัง ทั้งที่แกเคยขอร้องผมให้เรียก พี่ มาแล้ว
ลุงหวังในวัยห้าสิบ ร่างกายยังแข็งแรงเหมือนคนหนุ่มวัยฉกรรจ์ แกมีอาชีพขายดอกไม้หน้ามหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่ แกบอกว่าขายมานานหลายสิบปี ความจริงแกจะหยุดขายเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่ทุกวันนี้แกยังยึดอาชีพนี้ด้วยใจรัก เพราะดอกไม้ ลุงถึงได้มีอย่างวันนี้ สีหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาส่องประกายยามพูดถึงอาชีพของแกเอง จนผมนึกสงสัยว่าแกคงมีดีอะไรสักอย่าง แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ผมคาดเดา เมื่อวันหนึ่งในวันที่แดดร่มลมตกผืนน้ำเจ้าพระยาส่องประกายยิบยับยามต้องแสงแดดยามเย็น ตอนนั้นแกชวนผมไปเยี่ยมที่บ้าน จำได้ว่าวันนั้นผมไม่มีเรียน แต่เพราะความคุ้นเคย ผมมักออกมาช่วยแกขายดอกไม้เสมอ
นี่ไง...บ้านของพี่ล่ะ พ่อนักปราชญ์ ยามแกอารมณ์ดีมักแทนตัวเองว่า พี่ เสมอ แกผายมือเชื้อเชิญผมเข้าไปในบ้านพร้อมรอยยิ้มซึ่งเปื้อนไปด้วยรอยแห่งสุข แกหัวเราะร่วนเมื่อเห็นว่าผมตาค้างไปแล้วกับสิ่งที่เผชิญอยู่ข้างหน้า บ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็กก็จริง แต่ลานบ้านนั้นกว้างขวางมีรั้วกั้นรอบ ภายในบริเวณบ้านเต็มไปด้วยสวนดอกไม้นานาพันธุ์ หลากสีสัน ผมมองไปรอบๆ และบอกตัวเองว่า ผ้าขี้ริ้วห่อทอง อยู่ตรงนี้นี่เอง ยิ่งเข้าไปในตัวบ้านผมแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เมื่อได้ยินเสียงร้องทักมาตั้งแต่ไม่ทันปรากฏตัวด้วยซ้ำ
คุณพ่อมาแล้ว ! คุณแม่ขา...!คุณพ่อมาแล้วค่ะ ร่างของเด็กหญิงวัยช่างเจรจาโผเข้าสู่อ้อมกอดของชายชรา ส่วนสาวใหญ่วัยไม่น่าจะเกินสามสิบห้าตามคาดคะเนของผม ซึ่งยืนมือกอดอกยิ้มๆ อยู่ตรงธรณีประตูบ้าน ผมมารู้หลังจากการแนะตัวของลุงหวังว่า ภรรยาพี่เอง น้องนักปราชญ์ แล้วเรื่องการมีภรรยาวัยยังสาวจึงเป็นข้อสนทนาที่ผมมักยิบยกมาคุยกับลุงหวังนับตั้งแต่ครั้งนั้น
ลูกค้าของแกส่วนมากเป็นนักศึกษาผู้หญิง นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมนั่งช่วยแกขายได้บ่อยๆ ผมนั่งลงบนม้านั่งที่ประจำ ตานั้นก็คอยยลโฉมงามจากบรรดาสาวๆ ที่แวะเวียนมาซื้อดอกไม้ของลุงหวังไม่ขาดสาย พอว่างจากลูกค้า เราสองคนมักมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังมิได้ขาดปาก ส่วนมากมักจะเป็นผมมากกว่าที่คอยซักถามถึงวิธีการจีบและมัดใจพี่ จิตนา หรือ พี่นา เจ้าของกิจการร้ายขายดอกไม้เดลิเวอร์ลี่หลายสาขา เพราะดูเหมือนว่าพี่นารักและภาคภูมิใจที่มีสามีอย่าแกมาก
แล้ววันนี้น้องแตงโมไม่มาช่วยลุงขายหรือครับ?
มีเรียนช่วงเช้าน่ะ ลุงหวังมักมีอาการแปลกๆ เสมอยามผมถามถึงหลานสาวของพี่นา ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่ได้คิดอะไรเลย นอกจากน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ผมน่ะมีแฟนแล้วลุงหวังเองก็รู้ดี
น้องแตงโมมีชื่อจริงว่า โสรดา เรียนอยู่คณะบริหาร ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านี้ ที่รู้จักกันนี่ ก็เพราะลุงหวังแนะนำและเห็นหน้าบ่อยเพราะน้องเขามาช่วยแกขายดอกไม้ก่อนเข้าเรียนทุกวัน ส่วนผมก็ไปๆ มาๆ
ช่วยๆ ดูน้องหน่อยนะ นักปราชญ์ จำได้ว่าครั้งนั้นผมเรียนอยู่ปีสาม น้องแตงโมเป็นน้องใหม่ อยู่ปีหนึ่ง แกฝากฝังในฐานะผมเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันคนหนึ่ง แล้วนี่ผ่านมาจะสองปีแล้ว ความสนิทของเราสองคนยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม หรือบางทีอาจจะน้อยลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะหลังๆ มานี่น้องแตงโม ไม่ค่อยจะพูดคุยกับผมมากนัก ถามคำตอบคำเสียมากกว่า ลักษณะอาการแบบนี้ผมตั้งข้อสงสัยอยู่ในใจว่า ต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ เลยไม่กล้าคุยกับผมกลัวแฟนเข้าใจผิด
แสงแดดเริ่มรุกที่นั่งของเราสองคนเข้ามาทุกที แต่ผมกับลุงหวังกำลังคุยกันออกรสไม่ได้สนใจใยดีมากนัก ช่วงที่ลูกค้าเริ่มบางตานี่เรามักหาสรรหาเรื่องมาคุยกันได้ร้อยแปด การเมือง การมุ้ง กีฬา สารพัดที่คิดได้ เพราะ ไม่อย่างนั้นหาเวลายากเต็มที เมื่อเห็นโอกาสสบเหมาะมาเยือนอีกครั้ง เห็นทีต้องถามไถ่เรื่องเดิมที่ยังค้างคาใจให้รู้ความเสียแล้ว
ถามจริง... ลุงให้ดอกไม้อะไรพี่นาในวันวาเลนไทน์?
รู้แล้วจะหนาว แกบอกอย่างนี้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ดีเหมือนกัน เพราะนี่ก็เริ่มร้อนเข้าไปทุกทีแล้วจะได้ช่วยผ่อนคลาย ผมว่ายิ้มๆ
จะรู้ไปทำมั๊ย แกลากเสียงยาว รู้ไปก้อแค่นั้น และทุกครั้งแกจะบ่ายเบี่ยงเช่นนี้เสมอ
น่า...ลุงหวังก้อ ผมอยากรู้นี่ ผมตื้อ
มีต่อค่ะ
จากคุณ :
อนงค์นาง
- [
27 มิ.ย. 48 19:56:42
A:203.113.70.8 X:
]