CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ++The Shadow Stone++[ตอนที่ 8] หลังจากหายไปนาน

    ตอนที่ 8 : ::::แชโดว์สโตน::::

                  “ที่นี่มัน…ที่ไหน??” คารีสมองไปรอบๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังเดินอยู่ในป่าทึบแห่งหนึ่งเพียงลำพัง หญิงสาวพยายามหาทางออกจากป่าแห่งนี้ แต่ยิ่งเดินมากเท่าไหร่ยิ่งดูเหมือนเธอจะเข้าใกล้ใจกลางป่ามากขึ้นทุกที แสงแดดแทบจะส่องลงมาไม่ถึงตัวเธอ อากาศรอบตัวเริ่มเย็นลงมีหมอกสีขาวลอยอยู่ทั่วป่า ความมืดและความหนาวทำให้คารีสรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วเธอก็พบผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้าเธอ ผู้หญิงคนนั้นผมดำยาวสวมชุดกระโปรงขาวยาวลากพื้น

                  “ขอโทษค่ะ” คารีสตะโกน แต่หญิงสาวคนนั้นไม่หันมา กลับเดินต่อไปข้างหน้าเหมือนไม่ได้ยินเสียงคารีส ทั้งๆที่เสียงของเธอดังกึกก้องไปทั่วป่า

                   “คุณค่ะ!! รอก่อนสิ” คารีสรีบวิ่งตามหญิงสาวคนนั้น แต่วิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ไม่ทัน เธอเริ่มเหนื่อยจนวิ่งไม่ไหว แล้วขาก็ไปสะดุดกับรากไม้จนล้มลงกับพื้น เธอจับหัวเข่าที่มีเลือดไหลซึมออกมาอย่างเจ็บปวด หญิงสาวคนนั้นหยุดเดินเหมือนจะรอคารีส แล้วก็เดินต่อเมื่อคารีสลุกได้    
               
                   คารีสเดินตามหญิงสาวไปจนถึงลำธารแห่งหนึ่ง น้ำในลำธารไหลเชี่ยวมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้เห็นลำธารแห่งนี้        
       
                   “คารีส…” คารีสมองไปที่หญิงสาวคนนั้น หญิงสาวหันมาจ้องหน้าคารีส เธอเป็นหญิงหน้าตาดีอายุราวๆ 20 ปีผิวขาวซีดพอๆ กับชุดที่ใส่อยู่ ตาสีฟ้าน้ำทะเลจ้องคารีสอย่างไร้ความรู้สึก สายตาคู่นี้ทำให้คารีสรู้สึกถึงช่องว่างดำมืดลึกๆ ในใจที่เธอก็อธิบายไม่ได้ แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น เธอพยายามมองหาต้นเสียงแล้วก็พบเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ข้างลำธาร

         “หนูจ๊ะ เป็นอะไรจ๊ะ ไม่ต้องร้องนะ” คารีสนั่งลงปลอบเด็กหญิง เด็กหญิงกอดคอคารีสแล้วร้องไห้ดังขึ้น     คารีสไม่รู้จะทำยังไงหันไปมองหน้าหญิงสาวชุดขาว ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเล็กๆ สายตาจ้องมาที่คารีส แล้วเด็กหญิงก็หยุดร้องไห้ คารีสแปลกใจปล่อยเด็กหญิงออกจากอ้อมกอด เด็กหญิงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเธอก็ผลักคารีสตกลงไปในลำธาร

                   “ช่วยด้วย!!” คารีสตะโกนร้อง แม้เธอพยายามจะว่ายน้ำเข้าฝั่งแต่กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวนั้นพัดเธอไปอย่างรวดเร็ว เธอตะโกนขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวชุดขาวและเด็กหญิง แต่ทั้งคู่แค่ยืนมองคารีสกำลังจะจมน้ำ คารีสยังคงพยายามตะเกียกตะกายเพื่อไม่ให้ตัวเองจมลงไป ลำธารนี้ทั้งเชี่ยวและลึก ถ้าเธอหมดแรงเธอก็คงไม่รอด ทำไมสองคนนั้นถึงไม่ยอมช่วยเธอ แล้วอยู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมาดึงขาเธอให้จมลงไป

                    “คารีส---” หญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธออีกแล้ว เธอดึงขาคารีสไว้ “เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

                    “ไม่!!! ปล่อยนะ” คารีสพยายามสะบัดมือ แต่หญิงสาวที่หน้าตาเหมือนกับเธอไม่ยอมปล่อย กลับกอดเธอไว้แน่นไม่ให้ขึ้นไปบนผิวน้ำ

                      “สัญญาของฉัน…สัญญาของเรา” หญิงสาวพูด น้ำเสียงของเธอดูเจ็บปวดจนคารีสรู้สึกได้ คารีสจะตะโกนร้องแต่เธอกลับสำลักน้ำเข้าไปจนหายใจไม่ออก เธอพยายามว่ายขึ้นไปให้ถึงผิวน้ำ แต่ก็เปล่าประโยชน์หญิงสาวไม่ยอมปล่อยเธอ

                     “ความฝัน…นี่ต้องเป็นความฝัน แต่ทำไมความรู้สึกมันเหมือนจริงขนาดนี้ ความรู้สึกอึดอัดเหมือนจะขาดใจให้ได้ มันทรมานเหลือเกิน ตื่นซะทีเถอะ ฉันจะไม่ไหวแล้ว---” คารีสคิด เธอพยายามบังคับตัวเองให้ตื่น

                      “คารีส” หญิงสาวเอื้อมมือทั้งสองข้างมาจับหน้าคารีส เธอมีใบหน้าเหมือนกับคารีสทุกอย่าง “ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป” หญิงสาวพูดอย่างอ่อนโยน สายตาของเธอที่จ้องคารีสนั้นแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย มันทำให้คารีสรู้สึกว่าเธอลืมอะไรไปซักอย่าง

                                      +++++++++++++++++++++++++++++++++++

                      “คารีส! คารีส!! คารีส!!!” คารีสลืมตาขึ้นก็พบใบหน้าที่แสดงความเป็นกังวลของโอเรน เขาจับมือทั้งสองข้างของหญิงสาวที่ยังคงตะเกียกตะกายอยู่ในอากาศ “เป็นอะไรรึเปล่า ฝันร้ายเหรอ”

                      “ไม่เป็นไร” หญิงสาวสะบัดมือออกอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองรอบๆ ห้อง ซึ่งในห้องไม่ได้มีโอเรนเพียงคนเดียว ทั้งเดอริค เบ็น แอนนา ริน และทอม ต่างทำหน้าตกใจจ้องมาที่คารีสเป็นตาเดียวกัน “เอ่อ--- ฉันฝันร้ายนิดหน่อยน่ะค่ะ”

                      “นิดหน่อยเหรอ เธอตะโกนลั่นหมู่บ้านเลยรู้ไหม” โอเรนนั่งลงข้างๆ เตียงคารีส เบ็นเดินตรงมาจะตรวจร่างกายคารีสแต่เธอยกมือห้าม

                      “เอ่อ--- ไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ ฉันสบายดี” คารีสยิ้มแห้งๆ เธอปราดเหงื่อที่ท่วมอยู่บนใบหน้า “ขอโทษด้วยนะค่ะ”

                      “ขอฉันตรวจดูหน่อย” เบ็นปัดมือคารีสออกแล้วให้เธอนอนลงบนเตียงเหมือนเดิม เขาใช้ไฟฉายส่องตาทั้งสองข้างของหญิงสาว แล้วใช้หูฟังฟังการเต้นของหัวใจ

                      “อืม ปกติดีทุกอย่าง”

                      “เห็นไหมค่ะ บอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไร” คารีสพูด

                      “แต่ดูเหมือนเธอจะฝันร้ายมากนะ” เบ็นยิ้ม เขาถอดหูฟังมาคล้องไว้ที่คอ คารีสกุมหน้าอกตัวเองก็รู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงมากทีเดียว “ถ้าไงก็นอนพักอีกซักหน่อยก็แล้วกัน ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”

                      ทุกคนต่างพากันออกจากห้องอย่างสบายใจ คารีสก้มหน้าลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเอามือทั้งสองข้างแตะหน้าตัวเอง นึกถึงหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนเธอ มันคงไม่ใช่ความฝันธรรมดา ไม่ใช่เพราะความเครียดหรือความกังวลเรื่องแม่ของเธอ เธอนั่งเหม่ออยู่นานโดยไม่รู้ว่าโอเรนกำลังจ้องหน้าเธออย่างสงสัย

                        “เธอฝันว่าอะไร ถึงได้กลัวขนาดนั้น” โอเรนรู้สึกตั้งแต่แรกเพราะตอนจับมือคารีส มือเธอสั่นและเย็นมาก แต่คารีสไม่ตอบยังคงนั่งเหม่อต่อไป

                        “นี่…ได้ยินที่ฉันถามรึเปล่า” โอเรนแตะแขนคารีสเบาๆ แต่หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเกือบจะกระโดดลงจากเตียง เขายืนขึ้นทันที ตกใจกับท่าทางของหญิงสาว

                        “เอ่อ--- บอกแล้วไงว่าฉันไม่เป็นอะไร” คารีสปฏิเสธแล้วล้มตัวลงนอน แต่เธอรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวเข่า เธอเปิดผ้าห่มยกเข่าซ้ายขึ้นมาดู มีเลือดไหลซึมออกมาจากหัวเข่าซ้าย คารีสรู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง เธอจำได้ว่าในฝันตอนเธอหกล้มนั้นเธอก็ได้แผลที่หัวเข่าซ้ายแบบนี้

                        “เป็นอะไร???”

                        “แผลนี่เหมือนในฝันเลย” คารีสเงยหน้าขึ้นพูดกับโอเรน “ในฝันฉันหกล้มแล้วก็ได้แผลแบบนี้”

                        “อาจจะตอนที่สู้กันที่ชายหาดก็ได้มั้ง” โอเรนมองแผลเล็กๆ ที่หัวเข่าคารีสอย่างไม่ใส่ใจมากนัก “เธอคงรู้สึกเจ็บ มันก็เลยไปรวมอยู่ในความฝัน”

                        “ไม่ใช่!” คารีสปฏิเสธเสียงดังจนโอเรนสะดุ้ง “ฉันฝันแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว เป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก มันเหมือนจริงซะจนฉันรู้สึกได้ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ มันเป็นเรื่องจริง!!!”

                        “โอเคๆ ฉันเชื่อแล้วฉันเชื่อ นอนพักซะ” โอเรนประคองคารีสให้นอนลง แต่หญิงสาวฝืน

                        “นายไม่เชื่อฉัน นายหาว่าฉันคิดไปเองใช่ไหม?”

                        “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันไม่เชื่อเธอ!” โอเรนพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

                        “ก็นายไม่เชื่ออ่ะ ถึงนายบอกว่านายเชื่อแต่ฉันรู้ว่าจริงๆ แล้วนายไม่เชื่อฉันเลย” คารีสพูด โอเรนเห็นหยดน้ำตาค่อยๆ ไหลอาบใบหน้าของหญิงสาว

                         “เธอร้องไห้ทำไม!?!” โอเรนเริ่มรนรานเมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้ เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง “หยุดนะ! หยุดร้องเดี๋ยวนี้” เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงกับผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ ทำให้คารีสยิ่งร้องดังกว่าเดิม ชายหนุ่มพูดอะไรเธอก็ไม่สนใจเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว

                         “เลิกร้องนะ…เลิกร้อง ฉันเชื่อเธอแล้ว” คารีสนิ่งอึ้ง เธอหยุดร้องไห้ทันทีเมื่อโอเรนกอดเธอเอาไว้แล้วลูบผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ…ไม่ต้องกลัว”

                          หญิงสาวหลับตาลง เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากโอเรน มันทำให้เธอคลายความกลัวจากความฝันเมื่อครู่ไปได้ ตอนนี้เธอรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แต่ว่า--- นี่ไม่ใช่พ่อของเธอ แต่เป็นโอเรน!! หญิงสาวรู้สึกตัว ผลักโอเรนออกไปจนเขาล้มลงกับพื้น

                         “โอ๊ย!!! เจ็บนะ” โอเรนโมโหสุดขีดที่อยู่ดีๆ คารีสก็ผลักเขาอย่างแรง เขาจะต่อว่าหญิงสาว แต่พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นหญิงสาวหน้าแดงระเรื่อ เขาก็อึกอักไม่พูดอะไร

                         “ฉ…ฉันจะนอนแล้ว” คารีสหลบตาแล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปรง เธอได้ยินเสียงโอเรนเดินไปเดินมา แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนกำลังหาของอะไรซักอย่างแล้วก็เงียบไปพักใหญ่ เธอคิดว่าโอเรนคงออกไปแล้วจึงค่อยๆ เปิดผ้าห่มออก แต่เขากลับมายืนจ้องเธออยู่ข้างเตียง

                         “ยา” โอเรนพูด คารีสสังเกตได้ว่าหน้าเขาค่อนข้างแดง “ลุกมา ฉันจะทำแผลให้”

                          โอเรนดึงคารีสให้นั่งห้อยขา เขาใช้สำลีเช็ดเลือดออกจากหัวเข่าของหญิงสาวเบาๆ เธอนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่เวลาเธอหกล้ม พ่อเธอจะเป็นคนทำแผลให้เธอด้วยตัวเอง เธอมองชายหนุ่มแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

                          “เป็นอะไรอีก” โอเรนเหลือบมามองหญิงสาวที่ท่าทางจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

                          “เปล่า---” คารีสยิ้ม กลอกตาไปมามองสิ่งต่างๆ ในห้อง ชายหนุ่มทำท่าไม่พอใจนักที่หญิงสาวไม่ยอมบอกแต่ก็ยังทำแผลต่อ หญิงสาวเอื้อมมือจะมาเปิดล็อกเกตเพื่อดูหน้าพ่อให้หายคิดถึง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อตอนนี้ที่คอของเธอว่างเปล่า

                          “ล็อกเกตฉัน…” คารีสจับคอของตัวเองอย่างตกใจ “ล็อกเกตฉันหายไป!!”

                          “อะไรนะ!?!” โอเรนทำแผลเสร็จพอดี เงยหน้าขึ้นถามหญิงสาว แต่หญิงสาวไม่ตอบ ลุกจากเตียงแล้ววิ่งออกจากห้องทันที

                         “เดี๋ยว! เธอจะไปไหน” โอเรนวิ่งตามคารีสออกมาจากบ้าน เขาเอื้อมมือมาดึงแขนคารีสให้หยุด แต่เธอสะบัดออกและวิ่งต่อโดยไม่พูดอะไร โอเรนต้องวิ่งตามหญิงสาวมาจนถึงชายหาด

                        “ล็อกเกตของเธอไม่อยู่หรอก” เขาพูด แต่คารีสไม่สนใจ พยายามขุดคุ้ยหาล็อกเกตตัวแทนพ่อแม่ของเธอ

                        “ไม่! มันต้องอยู่แถวนี้แหละ ฉันต้องทำหล่นไว้แน่ๆ”

                        “ฉันบอกว่ามันไม่อยู่แถวนี้ เพราะตอนนี้มันอยู่กับฉัน” โอเรนหยิบสร้อยที่เคยห้อยล็อกเกตของคารีสออกมา

                        “นี่มัน--- ใช่ล็อกเกตของฉันที่ไหนกัน” คารีสรับสร้อยมาดู สร้อยที่ห้อยมันดูเหมือนสร้อยของเธอมาก แต่ว่ามันไม่มีล็อกเกตของเธอ มีแต่หินที่ถูกเจียระไนเป็นทรงหยดน้ำสีดำสนิทห้อยอยู่ เธอรู้สึกว่าเคยเห็นหินแบบนี้จากที่ไหนสักแห่ง

                         “แชโดว์สโตน!!” คารีสอุทาน เธออ้าปากค้างอย่างตกใจ มองหน้าโอเรนที่ยังคงมีสีหน้านิ่งเหมือนเดิม

                         “ใช่ มันคือแชโดว์สโตน เธอไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ” โอเรนมองคารีสแบบไม่อยากเชื่อ

                         “มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คารีสถือแชโดว์สโตนแล้วถามโอเรนอย่างแปลกใจ

                          “แล้วฉันจะรู้ไหม” โอเรนพูดอย่างหงุดหงิด “เธอควรจะรู้เพราะว่ามันห้อยอยู่ที่คอเธอตลอดเวลา”

                          “อยู่ที่คอฉัน…จะบ้าเหรอ พ่อบอกฉันว่าท่านเก็บแชโดว์สโตนไว้ในที่ที่ไม่มีใครค้นพบ แล้วมันจะมาอยู่กับฉันได้ยังไง” คารีสเถียงคอเป็นเอ็น เธอพยายามใช้ฟันกัดแชโดว์สโตนเพื่อทดสอบความแข็งของมัน เพราะเธอคิดว่ามันคงไม่ใช่ของจริง

                          “ก็เพราะล๊อกเกตที่เธอห้อยมันเป็นที่ซ่อนของแชโว์สโตนยังไงล่ะ” โอเรนดึงแชโดว์สโตนออกจากฟันคารีส “พ่อของเธอคงจะสร้างล็อกเกตขึ้นไว้ซ่อนมันและเพื่อให้เธอเก็บรักษามันไว้ให้ดีจึงใส่รูปพ่อและแม่ไว้ดูต่างหน้า ให้ดูเหมือนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอ”

                                     +++++++++++++++++++++++++++++++++++                                                          

    มีต่อนะค่ะ

    จากคุณ : Felicia - [ 30 มิ.ย. 48 21:07:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป