มิเพียงสายน้ำจะถูกเสี่ยวซาชักจูงกลับลงลำธาร เด็กหนุ่มยังสะบัดมือพลิกแพลงวูบวาบท่วงท่าแปลกตา ผลคือสามารถชักนำเอาก้อนหิน กรวดที่พื้นลำธารสาดพุ่งขึ้นมาราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นผลักดัน จากนั้นโบกสะบัดมือคราหนึ่ง ดินทรายเหล่านั้นซัดเข้าใส่หลี่เฉินเชียงรวดเร็วปานฝูงตั๊กกะแตนโฉบ และถี่ยิบราวเม็ดฝนสาดซัดเข้าใส่โดยมิมีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน ยามนี้อิฐดินน้อยใหญ่ ถูกพลังชักนำล่องลอยเข้าหาประมุขพรรคฉิกจับอิด ราวกับหิมะถล่มทลาย
หลี่เฉินเชียงดวงตาทอประกายเกรี้ยวกราด เมื่อครู่มันควบคุมสายน้ำแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ใช้ออกประดุจดังอาวุธลับนับแสนๆชิ้น จู่โจมเข้าใส่เด็กหนุ่มหมายปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้าม มิคาดเสี่ยวซากลับใช้พลังอ่อนหยุ่นชักนำสายน้ำดังกล่าวโดยมิยอมต้านปะทะโดยตรง จากนั้นปลดปล่อยกระแสน้ำนับพันนับหมื่นชั่งหวนกลับคืนสู่ลำธารอีกครั้ง โดยมิเหน็ดเหนื่อยเปลืองแรงแม้เล็กน้อย เวลานี้ยังอาศัยพลังของสายน้ำดังกล่าว กระตุ้นชักนำหิน กรวดทราย สาดซัดมาทางตน การกระทำเยี่ยงนี้เท่ากับคืนหอกสนองผู้ใช้ อาศัยแรงตีแรง ในเมื่อมันอาศัยสภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์โดยนำพลังจากน้ำตกมาใช้ได้ เด็กหนุ่มก็สามารถชักนำสิ่งต่างๆ มาเป็นอาวุธจู่โจมย้อนสนองมันได้เฉกเช่นกัน!!!
หลี่เฉินเชียงกู่ร้องยาวนานตัวมันยิ่งแดงฉานปานประหนึ่งคนจะลุกไหม้ไฟ บังเกิดคลื่นความร้อนแผ่กระจายออกโดยรอบ กระแทกกระทั้นออกจากร่างมิหยุดยั้ง
กรวดหินทรายทั้งน้อยใหญ่เมื่อเผชิญเข้ากับคลื่นความร้อนรอบกายของประมุขฉิกจับอิดผู้นี้ก็ดูคล้ายกับก้อนหิมะเล็กน้อยที่เผชิญกับดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันอันร้อนแรง ต่างพากันละลายหายไปโดยมิเหลือร่องรอยแม้เพียงเล็กน้อย
หลี่เฉินเชียงทะยานขึ้นท่าร่างของมันงดงามปานหงส์เหิน เร้นลับราวหมอกควัน รวดเร็วเสียยิ่งกว่าดาวตก ชั่วกระพริบตาเพียงคราเดียวก็พุ่งผ่านพื้นที่นับสิบวาด้วยความเร็วที่ยากจะบรรยาย
ฝ่ามือซ้ายขวาของประมุขฉิกจับอิดทยอยซัดฟาดออกคราแล้วคราเล่า มันกระแทกฝ่ามือออกคล้ายมิได้รวดเร็วเท่าใดนัก ทว่าชั่วพริบตาปรากฏเป็นเงาฝ่ามือนับร้อยนับพันฉวัดเฉวียนหมุนเวียนเข้าใส่ร่างของเสี่ยวซา แต่ละฝ่ามือล้วนล้ำลึกพิสดารสุดหยั่ง แฝงเร้นกระบวนท่าเปลี่ยนแปลงมหาศาล เพียงดูจากกระบวนท่าที่ใช้ออกนี้ก็สามารถคาดเดาได้ว่าหลี่เฉินเชียงผู้นี้มีความสำเร็จถึงขั้นใด!!!!
หากเสี่ยวซามีความสำเร็จถึงขั้น สูงสุดคืนสู่สามัญ อาศัยเรียบง่ายรวบรัด หลี่เฉินเชียงนั้นก็คงเป็นประเภทลึกล้ำพิสดาร กระบวนท่าสามารถดึงเข้าใช้ออกได้เพียงใจนึก!!!! แนวทางของทั้งสองกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่มิใช่ว่าคนทั้งสองจะมิมีส่วนที่คล้ายคลึงกันเสียเลย พวกมันเองกลับมีความคล้ายคลึงกันประการหนึ่ง
.นั่นคือ
.ทั้งสองเป็นสุดยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดในขั้วของแต่ละคน!
เวลานี้พลังฝ่ามือแฝงธาตุไฟที่พร้อมจะเข้าเผาผลาญทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามเมื่อมีโอกาส ทั้งยังคอยสร้างมายาภาพหลอกหลอนกดดันจิตใจคู่ต่อสู้ ให้รุ่มร้อนคล้ายตกอยู่ในขุมนรกอเวจี บีบรัดเอาเสี่ยวซาเข้าไว้กึ่งกลางมิอาจหลุดพ้น
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเด็กหนุ่มจะต้องถูกบีบคั้นจนเสียสติสัมปชัญญะ ในที่สุดก็จะถูกพลังอันร้อนแรง และหนักหน่วงบดขยี้จนแหลกเละ และถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านธุลีในที่สุด
ทว่ายามนี้เด็กหนุ่มยังคงรักษาท่วงท่าปลอดโปร่ง รอจนกระบวนฝ่ามือกว่าร้อยพันห่างจากร่างเพียงมิถึงสองเชี๊ยะ ก็พลันโยกร่างหลบหลีกฝ่ามือ มองเห็นร่างปราดเปรียวของเสี่ยวซาเคลื่อนเดินหน้าถอยหลัง บางคราก็ก้มลงหมุนหลบซ้ายขวา โผพุ่งไปมาในพื้นที่จำกัดประดุจมัจฉาปราดเปรียว ชั่วพริบตาเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยนกว่าสิบกว่าร้อยท่วงท่า กลับสามารถหลบรอดฝ่ามืออันรุนแรงของอีกฝ่ายได้อย่างหวุดหวิดเฉียดฉิว
มองเห็นเงาฝ่ามือของหลี่เฉินเชียงเคลื่อนไหววูบวาบฉวัดเฉวียน บัดเดี๋ยวจู่โจมซ้าย บัดเดี๋ยวย้ายมาขวา จู่โจมลงล่าง แลตวัดขึ้นบน บางฝ่ามือเสือกแทงทแยงขวาง กวาดซัดเข้าใส่อย่างมิออมรั้งยั้งมือ ทว่าจนแล้วจนรอดก็ยังมิอาจกระทบถูกร่างของเด็กหนุ่มได้!!!
เสี่ยวซากลับเลือกที่จะอาศัยพื้นที่อันจำกัดซึ่งเกิดจากการกดดันบังคับของอีกฝ่ายพลิกฟื้นสถานการณ์ในการต่อสู้ โดยมิยินยอมถอยร่นออกจากจุดอับนั้นแม้เพียงก้าวเดียว!!!! เหตุใดเสี่ยวซากลับเลือกวิธีการอันยากลำบากแทนการถอยหนีซึ่งดูจะสะดวกง่ายดายกว่า?
หลี่เฉินเชียงจับจ้องร่างของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า มันกลับมิรู้สึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายเลือกที่จะหลบหลีกไปมาโดยมิยอมถอยร่น มันเพียงรู้สึกทึ่งที่เสี่ยวซานอกจากมิยอมถดถอยกลับเลือกเผชิญหน้ากับกระบวนท่ากดดันของมัน ที่สำคัญเด็กหนุ่มมิได้เสียที!!!
เสี่ยวซานั้นเดิมทีคิดจะถอยร่นก่อนเพื่อให้พละกำลังของอีกฝ่ายอ่อนโทรมลง จากนั้นค่อยฉวยโอกาสตีโต้กลับไปอย่างเต็มกำลัง ทว่าพริบตาก่อนที่มันจะเคลื่อนกายถอยหลัง มันพลันรู้สึกว่าการจู่โจมที่ดูเหมือนจะปิดหนทาง และบีบรัดจนมันมิอาจดิ้นหลุดได้นี้ กลับเผยช่องโหว่ว่างที่ด้านหลังหนึ่งตำแหน่ง ขอเพียงมันดีดกายถอยออกทางตำแหน่งนั้น แล้วค่อยซัดฟาดฝ่ามือต้านปะทะกับกระบวนฝ่ามืออีกฝ่ายก็จะสามารถคลี่คลายกระบวนท่าจู่โจมนี้ลงได้
ทว่า...ชนชั้นหลี่เฉินเชียง จู่โจมใส่ท่าน ยังมีหรือที่จะละเว้นช่องว่างเอาไว้ให้ท่านดิ้นรน? กระบวนท่าในเมื่อรัดกุมถึงปานนั้น ยังจะมีช่องว่างให้ฉกฉวย?
เช่นนั้นช่องว่างตำแหน่งดังกล่าวย่อมเป็นกลลวงแล้ว!!!! ยอดฝีมือสู้กันรู้ผลแพ้ชนะในชั่วพริบตา การตัดสินใจหากผิดพลาดเพียงครั้งเดียวย่อมหมายถึงชีวิต!!!!
เสี่ยวซาเชื่อว่ามันคำนวณจิตใจฝ่ายตรงข้ามมิผิดพลาด ดังนั้นมิยินยอมถดถอย กลับปักหลักรับมือการจู่โจมของอีกฝ่าย อาศัยช่องว่างเพียงเล็กน้อยที่พอจะหลบรอดไปได้ ดิ้นรนหลบหลีกอยู่อย่างมิหยุดยั้ง!!!!
และเสี่ยวซาก็มิได้คิดผิด หลักฐานก็คือมันยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง!!!
หลังจากหลบรอดจากฝ่ามือสองข้างที่ซัดฟาดเข้าใส่มันเป็นชุดสุดท้าย เด็กหนุ่มก็พลันรู้สึกว่าพลังกดดันที่คุกคามตนเวลานี้หมดสิ้นไปเหมือนมิเคยเกิดขึ้น มองเห็นอีกฝ่ายเกร็งกำลังช่วงแขนจนโป่งพอง เสี่ยวซาก็พลันเข้าใจ หลี่เฉินเชียงเตรียมจู่โจมตามติดมาอีกครั้งคราแล้ว!!!! ขอเพียงมันชักช้าเสี้ยววินาทีก็มิอาจมีโอกาสพลิกฟื้นแล้ว!!!!
เด็กหนุ่มอาศัยช่วงจังหวะเวลาอันน้อยนิด พุ่งซัดฝ่ามือทั้งสองเข้าใส่ช่วงอกของหลี่เฉินเชียง จนอีกฝ่ายได้แต่ผงะถอยหลังหลบหลีก
ในที่สุดเสี่ยวซาก็อาศัยพื้นที่อันเป็นจุดอับนั้นพลิกฟื้นจากสถานการณ์ที่บีบรัดได้เป็นผลสำเร็จ!!!!
เด็กหนุ่มมิกล้ารีรอชักช้า กระบวนท่า "สำนึกรู้เท่าทัน" ถูกใช้ออกทันที ร่างของเด็กหนุ่มพลันโยกไปมา จากนั้นพลันเคลื่อนไหวจู่โจม
หลี่เฉินเชียงมองเห็นร่างของอีกฝ่ายโยกสั่นไหววูบวาบ จากนั้นพลันปรากฏฝ่ามือฝ่ายตรงข้ามก็บรรลุถึงตัว ฝ่ามือเชื่องช้าแต่ทว่า ดักทางรุกปิดหนทางถอยของประมุขพรรคฉิกจับอิดไว้จนหมดสิ้น ยามนี้มันได้แต่ปิดป้องปัดป่ายฝ่ามือฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา
ฝ่ามือเชื่องช้าแต่ผู้ใช้กลับรวดเร็วคล้ายสามารถล่องหนหายตัว ประเดี๋ยวปรากฏทางซ้าย แล้วหายไปปรากฏทางขวา แต่ละครั้งที่ท่าร่างแปรเปลี่ยนก็ฟาดฝ่ามือออกคราหนึ่ง ยามนี้ดูประหนึ่งคล้ายกับมีร่างเสี่ยวซานับร้อยนับพันระดมฟาดฝ่ามือเชื่องช้านี้เข้าใส่หลี่เฉินเชียงไม่ขาดสาย
การรุกครานี้ของเด็กหนุ่ม มองดูผิวเผินนั้นอาจคล้ายวิชาของ เกี่ยมฮุ้น ทว่าหลักการ และอานุภาพนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากเป็นวิชาของเกี่ยมฮุ้น หลี่เฉินเชียงย่อมสามารถแยกแยะภาพจริง ภาพลวง ออกตั้งแต่แรก ทว่าสำหรับเด็กหนุ่มนั้นกลับแตกต่างกันออกไป รอบๆ ร่างเด็กหนุ่มเหมือนบังเกิดบรรยากาศอันบิดเบี้ยวอยู่โดยรอบจนกระทั่งเวลาก็คล้ายถูกหักเห ทำให้บัดเดี๋ยวเร็ว บัดเดี๋ยวช้า ฝ่ามือบางครั้งคมกล้า บางครั้งทื่อด้านแต่หนักอึ้ง ยากจะรับมือต้านทาน
"พลั่กๆๆๆๆๆๆๆ"
หลี่เฉินเชียงปัดป้องการจู่โจมของอีกฝ่าย พลางถอยร่นติดต่อกันเจ็ดแปดก้าว ร่างของเสี่ยวซาเวลานี้คล้ายเคลื่อนไหวอยู่เกลื่อนกลาดทั่วบริเวณ กระทั่งโสตประสาทพิเศษของหลี่เฉินเชียงก็แยกแยะไม่ออก!!!!
แต่ละร่างของเสี่ยวซาเคลื่อนไหวผิดแผกแตกต่างกัน มีทั้งกระโดดโลดเต้น วิ่งวนซ้าย จู่โจมขวา พลิกตัวตวัดเตะ เสือกแทงฝ่ามือเข้าใส่ ยังมีอีกสิบกว่าร่างที่โผพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทิ้งร่างลงจู่โจมหลี่เฉินเชียงจากเบื้องบนศีรษะ!!!!
ในที่สุดหลี่เฉินเชียงก็มิอาจปิดป้องรับมืออีกฝ่ายเอาไว้ได้จนครบถ้วนทุกกระบวนท่า ประมุขใหญ่แห่งฉิกจับอิดหลังจากถดถอยติดต่อกันเป็นก้าวที่สิบสองก็พลันหยุดนิ่ง สภาพของมันคล้ายกับรอความตายมิผิดเพี้ยน!
ในที่สุดหลี่เฉินเชียงก็รามือรอรับความตายแล้วหรือ?
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 48 09:02:21
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
1 ก.ค. 48 00:12:55
]