CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    กลรัก...ร้อยเล่ห์ ตอนที่ 5

    กลรัก...ร้อยเล่ห์ ตอนที่ 5

    “ผมขอยึดกระเป๋าคุณไว้ก่อนแล้วกัน  อีกสี่ชั่วโมงร้านถึงจะปิด  คุณนั่งทานข้าวรอไปก่อนนะ”

    “ตั้งสี่ชั่วโมงเนี่ยนะ  คุณจะบ้าหรือเปล่า  ใครจะไปรอไหว” หญิงสาวโวยวายเสียงแหลมพลางจ้องมองสีหน้าเรียบเฉยของนฤบดีอย่างไม่สบอารมณ์

    “ก็ถ้าคุณไม่มีอะไรทำ คุณก็ไปช่วยผมในครัวก็ได้นะ  ผมเต็มใจ!” เอ่ยราวกับว่าเธอเป็นคนขอเข้าไปช่วยเขาอย่างนั้นแหละ  ทั้งๆที่จริงๆแล้วหญิงสาวร่ำๆจะเข้าไปขย้ำคอคนตรงหน้าอยู่หลายครั้ง  แต่ติดตรงที่เขาตังสูงกว่าเธอมากและยังเป็นผู้ชายอีกด้วย  หญิงสาวจึงพยายามข่มใจไว้  ขืนเข้าไปทำอะไรตอนนี้มีหวังเจ็บตัวฟรีๆ

    “ฉันจะโทรบอกให้คนที่บ้านมารับก็ได้  ไม่เห็นจำเป็นต้องรอคุณเลย  ที่ร้านนี้ก็มีโทรศัพท์อยู่ไม่ใช่หรือ” น้าเสียงบ่งบอกว่าเป็นต่อนั้นทำให้ชายหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆก่อนเอ่ยยิ้มๆว่า

    “ก็แล้วแต่คุณนะ  ส่วนของในกระเป๋าคุณผมขอยึดไว้เลยแล้วกัน!”

    “งั้นฉันจะแจ้งจับคุณข้อหาเป็นขโมย”

    “อืม...เป็นความคิดที่ดีนะ  แต่คุณก็ไม่มีหลักฐานว่าผมไปแย่งของๆคุณมานี่นา  ตำรวจคงเอาผิดผมไม่ได้หรอก” น้ำเสียงที่เอ่ยแม้จะดูเรียบๆแต่แววตานี่สิ กลับเป็นประกายวิบวับ ราวกับสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอเสียยิ่งนัก

    “เถอะน่า!  ผมมีเรื่องอยากถามคุณจริงๆ  จะถามตอนนี้ก็ไม่ว่าง  ตอนนี้มีคนทำอาหารแค่สองคนเอง  อีกคนดันลากลับบ้านไปเมื่อวันก่อน  ตอนนี้ผมเลยยุ่งมากเลย   นะคุณ ถือว่าผมขอร้องก็ได้” คราวนี้น้ำเสียงที่เอ่ยดูนุ่มนวลจนหญิงสาวเริ่มใจอ่อน  เอาเถอะ! รอแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง  กลับไปบ้านเธอก็ไม่มีอะไรทำนี่นา  คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงพยักหน้าอย่างแกนๆ   ส่งผลให้ได้รับรอยยิ้มจากคนตรงหน้าทันที

    “คุณนี่ใจดีชะมัด  คราวนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไปละกันนะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาเป็นเครื่องหมายคำถามอย่างไม่เข้าใจ ชายหนุ่มจึงขยายความต่อว่า

    “ก็คราวที่แล้วที่คุณแย่งเนื้ออกไก่ของผมไปนั่นแหละ  ทำให้ผมโมโหมากรู้ไหม”หญิงสาวกำลังจะอ้าปากเถียง แต่เสียงทุ้มๆกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “แต่วันนี้คุณทำตัวน่ารัก  ผมก็เลยยกโทษให้  ที่จริงคุณน่าจะดีใจนาที่ผมใจดีขนาดนี้น่ะ”พูดจบก็หันหลังเดินไปทางหลังร้านทันที ทิ้งให้หญิงสาวมองตามอย่างเคืองๆ  ก็แค่เคืองที่เขาหาว่าเธอแย่งเนื้ออกไก่ห่อนั้นไปทั้งที่จริงๆแล้วเธอไม่ได้แย่งเสียหน่อย ก็มันยังไม่ได้เป็นของเขานี่นา  แต่ถือว่าอภัยให้ได้   เพราะคำว่าน่ารักที่ออกจากปากเขาเพียงคำเดียวนี่แหละ  ที่ทำให้หญิงสาวนั่งรอเขาอย่างอดทน   แหม...ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนชมเธอว่าน่ารักสักคน   คงมีนายนั่นเพียงคนเดียวนี่แหละ

    ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  ความอดทนของลดาเริ่มจะหมดลงเรื่อยๆ  จากที่นั่งมองพนักงานเสิร์ฟในร้านที่เดินไปเดินมาอย่างวุ่นวายจนมึนหัวหน่อยๆ  หญิงสาวจึงเลือกหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่าสายฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ  แล้วเริ่มหนักขึ้นๆ จนเสียงเม็ดฝนที่กระทบหลังคาร้านดังกลบเสียงพูดคุยของคนภายในร้านไปเสียหมด  พร้อมกับที่ความอดทนของหญิงสาวหมดลง  เธอจึงตัดสินใจลุกไปหานฤบดีในครัวด้านหลังร้านทันที

    เสียงตะหลิวกระทบกระทะและใบหน้ามันๆของพ่อครัวใหญ่ของร้านนี้ทำให้ลดาต้องเพ่งมองอยู่นาน  หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่า  ยามที่เขาทำอาหารอยู่หน้าเตาไฟเช่นนี้  ช่างดูมีเสน่ห์เสียจริง  เหมือนจะรู้ว่ามีคนมองอยู่  ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาวทันพอที่จะเห็นว่าดวงตากลมโตหลังกรอบแว่นจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

    “อ้าว! คุณ! เบื่อแล้วล่ะสิ  อีกสองโต๊ะเอง  รออีกแป๊บนะ” ชายหนุ่มหันมาบอกเธอพลางเทผัดผักบุ้งไฟแดงที่ส่งกลิ่นหอมลงในจานใบใหญ่

    “ถ้าอยากกลับบ้าน  ก็มาช่วยเป็นลูกมือผมสิคุณ  มัวยืนเฉยอยู่นั่นแหละ” คราวนี้ดวงตาที่โตอยู่แล้วกลับเบิกกว้างยิ่งขึ้นไปอีก   ให้เธอนั่งรอแล้วยังจะใช้เธออีกหรือเนี่ย  หญิงสาวคิดอย่างอ่อนใจ  

    “จะให้ช่วยอะไรล่ะ” เสียงใสๆถามห้วนสั้น  หญิงสาวเคยช่วยแม่ผาดทำอาหารอยู่หลายครั้งก็จริง  แต่ก็เพียงแค่ช่วยหั่นผัก หรือไม่ก็ สับหมู เท่านั้น  

    “บอกไว้ก่อนนะว่าฉันทำอาหารไม่เป็น”

    “ทำอาหารไม่เป็น!  ผมถามจริงๆเถอะ  คุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่าเนี่ย” คำถามนั้นทำให้ลดาหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย  พลางเอ่ยอย่างเอาเรื่องว่า

    “ทำไม! เป็นผู้หญิงแล้วทำอาหารไม่เป็นมันผิดตรงไหน!”

    “ก็ไม่ผิดหรอก  แต่ผมแค่แปลกใจก็เท่านั้น” นฤบดียักไหล่เล็กน้อย  ก่อนเอ่ยต่อว่า

    “งั้นคุณก็ยืนอยู่เฉยๆละกัน  ไม่ต้องช่วยผมหรอก” หญิงสาวจึงทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย  ให้ยืนเฉยๆ  ก็สบายเธอน่ะสิ ไม่ต้องเหนื่อยให้เสียเวลา

    ลดามองชายร่างสูงและแม่ครัววัยสี่สิบปลายๆอย่างเพลิดเพลิน  เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า เป็นพ่อครัวแม่ครัวนี่ก็เหนื่อยเหมือนกัน   เพียงแค่คิดว่าต้องมายืนอยู่หน้าเตาร้อนๆอย่างนี้ทั้งวัน  มีหวัง! ได้เป็นหมูเผาพอดี  รอเพียงครู่เดียวอย่างที่ชายหนุ่มบอก  ห้องครัวเหลือเพียงความเงียบสงบกับกลิ่นฉุนๆของอาหารทั้งหลายแหล่   พนักงานในร้านเริ่มเก็บจานไปล้าง บ้างก็เก็บกวาดครัวขนาดใหญ่นั้น  ส่วนนฤบดีก็ขอตัวไปล้างหน้าล้างตาก่อนออกมาพบเธอด้วยใบหน้าที่สะอาดสะอ้านกว่าเดิม

    “ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ” ชายหนุ่มว่าพลางเดินนำไปทันที  หญิงสาวได้แต่เดินตามไปอย่างเสียไม่ได้   สั่งอย่างกับเจ้านายสั่งลูกน้อง  เชอะ!  ขอให้นายเดินตกท่อเข้าสักวันเถอะ! ลดาอดไม่ได้ที่จะทำปากยื่นใส่คนที่เดินนำหน้า  แต่วินาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มหันกลับมาโดยไม่ทันให้เธอได้รู้ตัว  จึงเห็นปากยื่นๆเข้าอย่างจัง  จนเขาแทบจะหัวเราะออกมาแต่ยังดีที่กลั้นไว้ได้   ไม่งั้นเขาคงโดนหญิงสาวร่างเล็กคนนี้ประทุษร้ายเป็นแน่   ชายหนุ่มตีหน้าตายพลางถามเสียงเข้มว่า

    “คุณทำอะไรน่ะ  กำลังแช่งผมอยู่หรือไง”

    “เปล่าสักหน่อย  คุณมีอะไรจะพูดกับฉันก็พูดมาเถอะน่า  ฉันจะได้กลับบ้านเสียที”

    “นั่งก่อนสิคุณ” ชายหนุ่มเลือกโต๊ะริมหน้าต่างที่อยู่ติดสวนหย่อมขนาดเล็กนั้น  หลังจากที่ลดานั่งเรียบร้อยแล้ว  เขาก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังว่า

    “ผมอยากรู้ว่าผู้ชายที่มากับคุณเป็นใคร”

    “อ๋อ  เขาชื่อธนพัทธ์”

    “เป็นแฟนคุณ?” คำถามนั้นทำให้หญิงสาวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

    “ไม่ใช่  เขาเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อฉัน เราก็เลยรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้  

    “แล้วเขากับคุณรู้จักไอ้แพร...เอ๊ย...แพรวาได้ยังไงล่ะ”

    “ฉันรู้จักคุณแพรที่ผับ” คำตอบนั้นทำให้นฤบดีตั้งใจฟังอย่างสนใจ ด้วยเขารู้ดีว่าแพรวานั้นไม่ชอบเข้าผับมาแต่ไหนแต่ไร  แต่นี่กลับรู้จักกับหญิงสาวตรงหน้าเขาในผับน่ะหรือ...

    “คุณแพรเธอไปเที่ยวกับธันวา  น้องชายของพี่พัทธ์น่ะ” คราวนี้คิ้วที่ขมวดเล็กน้อย  กลับขมวดมุ่นจนเป็นปม  ธันวา...ทำไมชื่อเหมือนกับแฟนของพรรัมภาเลยหว่า...

    “ธันวา.. ธันวา นามสกุลอะไรหรือ"

    "ตันติพิพัฒนกุลค่ะ" ในใจชายหนุ่มนั้นภาวนาให้สิ่งที่เขาคิดไม่เป็นจริง  แต่มันกลับไม่เป็นผลเมื่อคำตอบที่ได้รับกลับตอกย้ำว่า  แพรวารูจักกับนายธันวา ไม่ใช่แค่รู้จักเท่านั้นแต่ยังสนิทสนมกันถึงขั้นไปเที่ยวด้วยกันสอลต่อสอง!   ไม่รู้ไอ้แพรมันกำลังคิดจะทำอะไรอยู่สิน่า...


    หลังจากแพรวากลับถึงบ้านก็รีบขึ้นนอนทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน  เพราะกว่าจะรอดจากเงื้อมมือผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์มาได้ก็แทบตาย   ไฟในห้องของผู้เป็นแม่ที่อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้านนั้นปิดไปแล้ว หญิงสาวจรดปลายเท้าเบาๆด้วยกลัวว่าแม่ของเธอจะตื่น   ทันทีที่เข้ามาในห้อง แพรวาก็ล้มตัวลงนอนทันที  ไม่สนใจกับเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคลเลยแม้แต่น้อย   วันนี้หลังจากไปพบหมอเรียบร้อยแล้ว   ธนพัทธ์ก็ลากเธอไปคุยที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง  แต่ด้วยเป็นเวลาค่ำมากแล้ว ทั่วทั้งบริเวณจึงมีแต่ความสงบเงียบ  มีคนเพียงสองสามคนออกมาเดินเล่น  เธอได้แต่นั่งเงียบด้วยใจที่เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้  หาก...เขาทำกับเธอเหมือนวันก่อนนั้น จะทำอย่างไรเล่า  เธอคงไม่มีแรงไปสู้รบปรบมือกับเขาหรอก   และแล้วคำถามที่หญิงสาวไม่อยากได้ยินก็ออกมาจากปากเขาจนได้

    ‘แพรวา! คุณรู้ไหมว่าผมกำลังสงสัยอะไรบางอย่างในตัวคุณอยู่’ แม้ว่าจะก้มหน้าอยู่  แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มจ้องมองมาที่เธอนิ่งๆราวกับเสือร้ายยามได้พบเหยื่อของมัน

    ‘วันนี้คุณดูแปลกไปจากที่ผมเคยพบ  ผมถามคุณจริงๆเถอะ!  คุณกำลังคิดทำอะไรกันแน่  หรือว่า...รายได้จากการเปิดร้านอาหารมันไม่เพียงพอ  จนคุณต้องไปหลอกล่อผู้ชายรวยๆอย่างน้องชายผมให้มาหลงคุณหัวปักหัวปำ!’ แพรวาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาด้วยแววตาวาวโรจน์   ก็ดี! ในเมื่อเขาคิดอย่างนั้น  ก็ช่างเขา! ในเมื่อเสร็จงานนี้แล้ว เธอคงไม่มีวันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลนี้อีกแน่นอน!

    ‘ถ้าคุณอยากคิดอย่างนั้นก็ตามใจคุณเถอะ!’ คำตอบนั้นทำให้มือแข็งราวคีมเหล็กจับเข้าที่ต้นแขนหญิงสาวอย่างแรง  พร้อมกับกระชากตัวเธอเข้ามาใกล้ๆ  หากหญิงสาวตอบว่าไม่   เขาคงไม่ โมโหขนาดนี้หรอก  แต่นี่เธอไม่ได้ปฏิเสธ ก็ถือเป็นการตอบรับกลายๆแล้ว  อย่างนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรกัน  

    ‘ผมไม่มีวันให้คุณทำแบบนั้นแน่ แพรวา!’ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นดูเหมือนกับพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มอารมณ์โกรธไว้  หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น  ดวงตากลมโตสบตาชายหนุ่มอย่างท้าทาย

    ‘ถ้าคุณขัดขวางได้ก็เชิญเลย  ตามสบาย!’

    ‘อย่าท้าผมนะ!’ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงกราดเกรี้ยวบ่งบอกอารมณ์เจ้าตัวได้เป็นอย่างดี

    ‘ฉันไม่ได้ท้า!  แค่บอกให้รู้ไว้ก็เท่านั้น’

    ‘ก็คอยดูแล้วกัน!  ผมต้องขัดขวางคุณให้ได้’ ชายหนุ่มนึกอยากจะจูบริมฝีปากบางที่กำลังเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วนั้นเสียจริง   หากเธอจะไม่เป็นร้องโอดโอยเสียก่อน

    ‘แพรวา!  เป็นอะไรน่ะ  เจ็บข้อเท้าหรือ?’ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งห่วง ทั้งโกรธ  ทั้งหมั่นไส้  จนเขาไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร   แต่สิ่งแรกที่ชายหนุ่มคิดได้ในตอนนี้คือ รีบพาแพรวากลับบ้านทันที  เมื่อเธอบอกว่ารู้สึกระบมที่แผล
    หญิงสาวยิ้มให้ตัวเองเล็กน้อยกับมารยาหญิงที่เธอไม่ค่อยได้ใช้มากนัก  แต่หมู่นี้เอามาใช้บ่อยเสียจนถนัดเสียแล้ว   นี่ดีนะที่เธอแกล้งบอกว่าเจ็บข้อเท้ามาก  ไม่อย่างนั้นคืนนี้เธออาจจะไม่ปลอดภัยจากผู้ชายขี้โมโหคนนั้นเป็นแน่!   แพรวารู้ดี...นับแต่นี้ ธนพัทธ์คงคอยตามติดธันวาอยู่ตลอด  ไม่น่าเล้ย ไปท้าเขาไว้ทำไมกันนะแพรวา   อย่างนี้ก็ยิ่งเข้าถึงตัวธันวายากเข้าไปใหญ่   แต่ก็ไม่แน่.....ในเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาดูเหมือนธันวาจะเข้ามาติดกับเธอเสียแล้ว  ต่อไปคงเริ่มแผนสองได้แล้วล่ะ  แพรวา! หญิงสาวยิ้มให้ตัวเองอย่างสมใจ  อีกไม่นาน...นายจะได้รับรู้...ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง...นายธันวา!

    แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 48 22:18:14

    จากคุณ : พราวตะวัน - [ 2 ก.ค. 48 10:38:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป