CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เพียงรัก

    ถึงแม่ ที่น่ารักของต้นหลิว

    แม่ค่ะตอนนี้ต้นหลิวมาถึงซูริค เรียบร้อยแล้ว
    การเดินทางอันยาวไกลกว่าจะมาถึงจุดหมายที่คุ้มค่าจริงๆค่ะ

    ที่สนามบินคนมากมายจนหลิวตาลายไปหมด
    ได้แต่สอดส่ายสายตาหาป้ายเผื่อ พี่ท่าน จะชูรอต้นหลิวอยู่บ้าง แต่เปล่าเลยค่ะแม่
    ต้นหลิว มองไปทางไหนก็ไม่เห็นเลย ไม่มีวี่แวว สักนิด
    คนต่างชาติเดินผ่านไปผ่านมาขวักไขว่ แต่ไม่มีเงาของพี่ท่านเลย นาน นานมากคะแม่

    ผู้ชายคนหนึ่งที่เดินทางมาด้วยกัน หลิวจำได้ตอนอยู่บนเครื่อง
    เขาหอบของพะรุงพะรังมาหาต้นหลิว แล้วถามเป็นภาษารัวเร็วจนหลิวงงไปหมด
    จับความได้เพียงว่า

    “ไม่มีใครมารับใช่ไหม”

    หลิวพยักหน้าหงึกๆ แล้วเขาก็เลยช่วยถือของให้
    แม่จะว่าต้นหลิวใจง่ายไหมค่ะ ที่เดินตามเขาไปต้อยๆ
    แต่ถ้าแม่มาเห็นแม่ต้องชอบใจแน่เลยค่ะ ก็อีตาคนนี้
    เขาเหมือนผู้พันหน้าร้านไก่ทอดที่เราไปกินบ่อยๆ ยังกะอะไรดี
    ถามไถ่กันไปมาถึงรู้ว่า (หลังจากที่ระบบประสาทปรับเครื่องรับได้)
    เขาเป็นคนฝรั่งเศส ไปทำธุระที่เมืองไทย แต่ภรรยาและลูกเขามาเที่ยวที่นี้พอดีเลยบินตรงมาสวิสเลย
    ดูท่าทางเขาจะรักภรรยามากเลยนะค่ะแม่ เพราะเขาเรียก ฮันนี่ ทุกคำเลย

    ผู้พันกับต้นหลิวรอคนที่จะมารับอยู่นานค่ะ
    กระทั่งมีผู้หญิงสาวร่างสูงใหญ่พอกับผู้พันเดินเข้ามาในร้าน
    ผู้หญิงคนนั้น ผมสีทองเป็นประกาย งดงาม
    อีกมือโบกทักสามีที่นั่งอยู่กับต้นหลิว
    อีกมือจับแน่นกับเด็กชายน่ารักตัวกะปุกลุกวัยไม่เกิน สิบขวบ
    เมื่อภรรยาและลูกเข้ามาที่โต๊ะต้นหลิวจึงได้รับคำแนะนำจากผู้พันค่ะ
    ภรรยาของผู้พันชื่อ บาบาร่า ค่ะ ลูกชายชื่อ มิกเกล
    ส่วนผู้พันนั้นเขาชื่อ ทอม หรือโทมัส นะคะ
    (ลืมบอกแม่ไปค่ะว่าเขาแนะนำชื่อตั้งกะอยู่บนเครื่องแล้ว)
    ผู้พันกับภรรยาท่าทางจะเป็นห่วงต้นหลิวเหมือนกันที่ยังไม่มีใครมารับ
    แต่หลิวก็บอกว่า
    “เดี๋ยวพี่ชายก็คงมารับเอง “
    ที่บอกไปอย่างนั้นเพราะว่าหลิวรู้นิสัยพี่ท่านดีนี้ค่ะ
    ป่านนี้ไม่รู้ตื่นหรือยัง ก็ตอนที่อยู่บ้านกว่าจะตื่นได้
    คุณยาย เคาะกะละมังแตกไปหลายใบ
    นี้หลิวคงต้องรอเหงกคนเดียวแน่ๆเลยค่ะแม่

    “ไอ้หลิว ไอ้หลิวโว้ย”
    เสียงโว้กว้ายดังผ่านหน้าร้านอาหารเข้ามาเมื่อเวลาผ่าน
    ไปประมาณ สองชั่วโมง แม่ค่ะ หลิวนี้หน้าหงิกเชียว

    “ทำไมพี่รักให้หลิวรอตั้งนาน นาฬิกาปลุก ทำไมไม่ตั้งไว้บ้าง”

    พี่ท่านขอโทษขอโพยหลิวเป็นการใหญ่ค่ะแม่ คงรู้ละซิ
    ว่าแม่ฝากเงินหลิวมาด้วย กระเป๋าหลิวกี่ใบท่านเล่นลากไปคนเดียว
    พอหลิวจะช่วยก็บอกว่า

    “เฮ้ย ... แกมาเหนื่อยๆเดียวฉันจัดการเอง”

    หลิวเลยกลายเป็นเด็กเดินตามหลังผู้ใหญ่ไป
    (ถึงที่นี้จะยังไม่เจอไอ้ด่างแต่หลิวไม่เสี่ยงหรอกค่ะแม่)
    พี่รักพาหลิวนั่งรถคันเล็กที่ท่านบอกว่า
    “ซื้อต่อมาจากเพื่อนว่ะ มันเซ้งถูกดี”

    ถนนหนทางที่นี้ดูงามแปลกหน้ามากเลยค่ะแม่
    ถึงจะมีหิมะตกปรอยๆ หลิวก็ว่าสวยอยู่ดี
    แม่ก็รู้ว่าหลิวไม่กลัวความหนาว ต่างจากคนที่อยู่ที่นี้มาตั้ง ห้าปี
    เล่นใส่เสื้อคอปิด แถมมีผ้าพันคออีกอันเบ้อเร่อ

    กว่าเราจะถึงที่พักกันเล่นเอาเหนื่อย
    บ้านที่พี่รักเช่าไว้ เป็นบ้านชั้นเดียวกลางเนินที่บัดนี้ขาวโพลนไปด้วยหิมะ
    เราสองคนช่วยกันขนของลงเสร็จ พี่รักจึงเอารถกระเปี๊ยกไปเก็บ แล้วเดินตึงๆ ฝ่าหิมะมา

    “เข้าบ้านดีกว่าไอ้หลิว อยู่ตรงนี้แ...ง หนาวจนกระดูกแข็ง”

    ถ้าแม่หรือคุณยายได้ยินคงจับพี่รักไปอาบน้ำ แล้วถูลิ้นด้วยสบู่เป็นแน่
    หรือไม่คุณยายคงร้อง

    “ต้าย..ตาย นายรักมานี้ ....มาให้ยายทำโทษซะดีๆนะ “

    แต่คุณยายก็ไม่ได้ทำโทษพี่รักสักทีหรอกค่ะ ก็ออกจะโอ๋ขนาดนั้น

    “จะตีมันก็สงสาร พ่อตายตั้งแต่เด็กทั้งสองคนพี่น้อง”
    แล้วคุณยายก็ร้อง เฮ้อ เฮ้อ ควักเงินให้เราตามระเบียบ

    บ้านเช่าของพี่รักกับเพื่อนเป็นบ้านสองชั้น
    สองห้องนอนค่ะแม่ ชั้นล่างก็เหมือนบ้านทั่วไปคือ กินข้าว รับแขก
    นั่งเล่นพร้อมในที่เดียวกัน แต่ที่แตกต่างจากบ้านคนอื่นนี้ก็คือ มันรกค่ะแม่ รกมากๆ
    แล้วต้นหลิว ก็รู้ในบัดดลว่าอะไรที่ต้องทำเป็นสิ่งแรก
    แม่ก็รู้นิสัยหลิวกับพี่รักดี ไม่มีใครยอมใครหรอกค่ะ
    หลิวนั่งสั่งบอกวิธี แต่พี่รักเป็นคนลงมือค่ะแม่
    กว่าจะเสร็จเล่นเอาขุนศึกไม้กวาดลงนอนแผ่กลางบ้าน

    แล้วที่สำคัญตอนพี่รักพาหลิวขึ้นไปชั้นบนที่มีห้องนอนสองห้องนั้น
    หลิวไม่แปลกใจเลยค่ะแม่ที่เห็นว่า อีกห้องหนึ่งนั้นว่างเปล่า
    ถูกจัดไว้อย่างสะอาดสะอ้าน พี่รักเดินตามเข้ามาสีหน้าไม่ดีนัก

    “ไหนบอกว่าอยู่กับเพื่อนทำไมห้องนี้มันเหมือนไม่มีคนอยู่”

    หลิวทำเสียงเข้มขู่ไปค่ะ แม่เพราะเห็นหน้าจ๋อยของพี่รักแล้วมันชอบกล
    “เพื่อนพี่เขาไม่อยู่ ไปเที่ยวกับเพื่อนเปิดเทอมถึงจะกลับ”
    “แล้วเขาเอาเสื้อผ้าไปหมดเลยหรือ”
    พี่รักพยักหน้าเป็นเชิงรับ โดยที่ไม่ปล่อยโอกาสให้ซักมาก
    พี่รักรีบผละออกลงไปด้านล่าง
    “จัดห้องเข้าเถอะ พี่จะทำอะไรให้ทาน”

    ต้นหลิวเลยค่อยๆจัดห้องไป เรื่อยๆ ไม่ได้รีบร้อนอะไร
    จัดอยู่นานทีเดียวก็ไม่เห็นพี่รักจะเรียกสักที หลิวเลยลงไปดู
    ในครัวเล็กๆ ปราศจากผู้คน หลิวเดินหาพี่รักยังไงก็หาไม่เจอค่ะแม่
    เลยตัดสินใจผลักประตูออกไปดู

    .............ข้างโรงรถ แม่ค่ะ พี่รักยืนคุยกะใครก็ไม่รู้
    แต่น่าจะเป็นผู้หญิงเพราะดูรูปร่าง เล็กแบบนั้นทั้งที่มีเสื้อผ้าสวมอยู่เต็ม
    ส่วนพี่รักนั้นสงสัยคงโมโหมาก เห็นพี่ท่านออกอาการทศกัณฑ์อาละวาดอยู่หลายครั้ง
    ส่วนอีกคนนั้นยืนนิ่งไม่ตอบโต้
    ต้นหลิวสปายของแม่ค่อยๆย่องเข้าไป พอได้ระยะได้ยิน

    แม่คะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไทยแน่ๆค่ะ เพราะพี่รักพูดว่า

    “ผมว่าคุณไปอยู่กับเพื่อนก่อนดีกว่า ผมมีน้องมาด้วยเดี๋ยวเขาก็รู้พอดี นี้คงสงสัยอยู่”


    แต่ผู้หญิงคนนั้นก็นิ่งเฉยไม่ตอบสักคำนะค่ะแม่
    นานทีเดียวจนหลิวว่าท่าทางจะแข็งตายกันอยู่นอกบ้านนี้แหละ
    หลิวถึงได้ยินเสียงอ่อนๆ บอกเบาๆว่า

    “คุณก็รู้ว่าแก้วกำลังท้อง คุณจะให้แก้วไปอยู่ที่ไหน”

    แม่ค่ะ แม่อย่าพึ่งเป็นลมนะค่ะ
    หลิวขอหายใจเข้าปอดลึกสักสามสี่ฝืดก่อน
    เป็นดั่งที่แม่บอกไว้เผงเลยค่ะ พี่รักไม่เอาเมียแหม่มกลับบ้านแน่
    แต่ที่เห็นๆนี้รู้สึกแม่จะได้ลูกสะใภ้พร้อมหลานเสร็จสรรพ
    พอตั้งสติได้ หลิวเดินลิ่วออกไปทันที พลันวิญญาณนางเอกเข้าสิง

    “พี่รัก”

    เสียงที่ตะโกนออกไปคงดังมาก เพราะว่าทั้งสองหันมาที่หลิวแบบตะลึงงัน
    โดยเฉพาะพี่รักซีดเป็นไก่โดกลวกน้ำร้อนเชียวค่ะแม่
    หลิวเข้าไปดึงพี่รักที่งงแบบทำอะไรไม่ถูก
    อีกข้างลากมือผู้หญิงคนนั้นตามเข้ามาในบ้าน

    “นี้ใช่ไหมเพื่อนที่อยู่ด้วยกันของพี่”
    “เอ่อ... “
    จำเลยได้แต่อ้ำอึงๆ ส่วนผู้หญิงคนนั้น
    พอหลิวเห็นชัดๆ ก็ต้องเฮ้อ ทันทีค่ะแม่ ก็ตากลมบ๊อก หน้าใส ขนาดนั้น
    พี่รักไม่รัก ก็คงไม่ใช่ พี่รักแน่ๆ

    “ทำไมพี่รักถึงทำแบบนี้”

    หลิวทำหน้าที่ซักฟอกจำเลย อยู่นานกว่าพี่รักจะเอื้อนวาจาออกมาที
    โดยลูกสะใภ้คุณแม่นั่งนิ่งเงียบ เราคุยกันอยู่นาน
    แล้วในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้น แม่ค่ะ หลิวนึกว่าเธอจะขึ้นไปข้างบน
    เปล่าค่ะ เธอเดินเปิดประตูออกไปเฉยเลย

    แม่ค่ะขอโทษด้วยนะค่ะ ถ้าหลิวจะสะกิดลูกรักของแม่แรงไปหน่อย
    (พี่รักเค้เก้อยู่ข้างโซฟา)
    “ตามซิพี่รักเมียตัวเองแท้ๆ”
    แล้วท่านพี่ก็เปิดประตูโครมออกไป
    ไม่นานก็ลากลูกสะใภ้แม่เข้ามา
    หน้าตาเธอไม่ต่อยดีเลยค่ะแม่ สงสัยกลัวหลิวไม่รู้
    เราคุยกันเหมือนใครซะที่ไหนละค่ะ คุยยังกะทะเลาะกัน
    “หลิวนี้แก้ว แก้วนี้น้องสาวผม”

    พี่สะใภ้วัยเด็กของหลิวยกมือไหว้หลิวก่อนด้วยซ้ำค่ะแม่
    ดูๆ ลูกชายแม่พรากผู้เยาว์ก็ไม่รู้นะค่ะ
    แหม หน้าตายังกะเด็กมัธยมต้นขนาดนั้น
    พี่สะใภ้หนูนั่งลงที่เดิม ส่วนพี่รักเริ่มหายกลัวกลับมาซ่าเหมือนเดิม
    เดินวกไปวนมา หลิวลายตาคะแม่

    “นี้ยัยหลิว แกห้ามบอกแม่เป็นอันขาด”

    มีหรือค่ะหลิวจะยอม ออกมาดูโลกก่อนหลิวไม่ถึงชั่วโมนี้ทำเบ่ง

    “หลิวจะบอก ทำไม พี่รักมีปัญหาอะไร”
    “ฉันจะฆ่าแกนะซิ “

    ท่าทางพี่ท่านคงอยากฆ่าหลิวจริงมั้งค่ะแม่
    แต่เสียงอ่อนๆของพี่สะใภ้ก็ดังขัดจังหวะสงครามเสียก่อน

    “อย่าเลยค่ะ ....เดี๋ยวคุณรักจะเดือดร้อนเปล่าๆ”

    แหมแม่ค่ะ ทำไมผู้หญิงยุคหลังกรุงศรีอยุธยายังเหลืออยู่อีก
    เป็นหลิวนะได้เห็นดีกันแน่

    “ไม่ได้หรอกค่ะ เป็นตายยังไงแม่ก็ต้องรู้”

    พี่รักคงโกรธน่าดูคะแม่ เพราะว่าเงินที่แม่ให้มา
    หลิวยังไม่ให้พี่รักสักบาทเดียว
    พี่สะใภ้ของหลิวมองตามหลังพี่รักขึ้นไปแล้วเธอก็ก้มหน้านิ่งสักพัก
    จึงตามพี่รักขึ้นไปข้างบน หลังจากนั้น ไม่รู้ว่าเสียงอะไรตามมาค่ะแม่
    โครมคราม จนหลิวตกใจ พี่สะใภ้ตัวเล็กของหลิว รีบวิ่งลงมา
    น้ำตาหนองหน้า เธอวิ่งผ่านหลิวโดยไม่ได้ล่ำลาใดๆทั้งสิ้น
    แม่ค่ะ แค่มาวันแรก หลิวก็ปวดหัวจะแย่แม่อย่าพึ่งเป็นลมนะค่ะ
    เพราะหลิวรอพี่ท่านลงมาข้างล่าง เท่าไหร่ก็ไม่เห็นแม้เงาสักที


    ด้วยรักและคิดถึงค่ะแม่

    จากหลิวต้นน้อยของแม่

    จากคุณ : nana_iteh - [ 4 ก.ค. 48 11:06:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป