CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    พลังรักพลัสม่า

    พลังรักพลัสม่า
    @<><><>@

    โทรศัพท์มือถือข้างกายถูกยกขึ้นมาดูเวลาบ่อยครั้งจากเจ้าของร่างเล็กบอบบางราวเด็กน้อย  ไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางคู่สวย  หากแต่สิ่งที่ปรากฏ  เป็นเพียงสีหน้าเริ่มไม่พอใจเพิ่มขึ้นตามเวลาที่ล่วงเลยตามนัดหมาย   ตรงหน้าของเธอมีเพียงแก้วน้ำดื่มจากบริกรที่ยกมาเสิร์ฟเมื่อหนึ่งชั่งโมงก่อน  และก็มีอยู่แค่นั้น



    “ประชุมอีกตามเคย”   เธอบอกตัวเองและเหมือนเป็นการปลอบใจไปในตัวว่ารถคงติด ยิ่งเป็นวันศุกร์ด้วยแล้วกว่าจะมาถึงที่นัดหมายคงต้องใช้เวลา  เธอหันไปมองรอบตัวภายในห้องอาหารแห่งนี้   เห็นมีคู่รักมาทานอาหารกันหลายคู่  ดูพูดคุยกันกระหนุงกระหนิง  ส่วนตัวเธอคงต้องรอต่อไปพร้อมกับใบหน้าเริ่มหม่นหมอง



    ยามใดที่เธออยู่เงียบๆ คนเดียวอย่างนี้ สิ่งที่เธอคิดมักไม่พ้นเรื่องของตัวเองและเขา  เกือบสองปีแล้วที่เธอเจอกับเขาคนนั้น  คนที่เธอเดินชนเขาจนร่างตัวเองแทบปลิวไปกับสายลมเพราะความบอบบางกว่า  ผลของครั้งนั้นถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย  แต่เขาก็มีใจพาไปหาหมอโดยไม่ฟังคำคัดค้านของเธอแม้แต่น้อย


    จากนั้นเรื่อยมา  เขามักพาตัวมาหาเธอเสมอ  ครั้งแรกๆ  เขาชวนเธอไปทานอาหารแต่มักถูกเธอปฏิเสธ บ่อยครั้งเข้าเธอเลยเกิดความเกรงใจ  ยอมไปทานข้าวกับเขา  จากนานๆ ครั้ง กลายเป็นอาทิตย์ละครั้ง  จนเกิดเป็นความเคยชินและผูกพันขึ้นโดยไม่รู้ตัว  ยิ่งเขาหายไปในวันหนึ่งซึ่งไม่ได้บอกกล่าวกับใคร ยิ่งเป็นการยอกย้ำว่าเธอมีเขาอยู่ตลอดเวลา  ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าเขาไปไหน  ติดต่อสอบถามใครก็ไม่มีใครทราบ  เธอเลยยอมรับกับความรู้สึกของตัวเองว่า รับเขาคนนั้นเข้ามาอยู่ใน ‘หัวใจ’ เสียแล้ว  


    พี่อัยย์ เป็นชื่อที่เขาให้เธอเรียกขาน  เป็นนักธุรกิจหนุ่มคนดังของสังคม  ทำการค้าอิมพอร์ต  เอ็กพอร์ต  บ่อยครั้งมักเดินทางไปหลายๆ ประเทศเพื่อเปิดตลาดและดูสินค้า  และเธอคิดไปว่าการที่ติดต่อเขาไม่ได้ในครั้งนั้นก็เพราะเหตุนี้   เขาอาจไปต่างประเทศด่วนก็เป็นได้  แต่ยามนั้นเธอแอบร้องไห้ เพราะความคิดถึงและห่วงใยที่มีต่อเขา  และอดน้อยใจไม่ได้ว่าเขาลืมวันสำคัญของเธอ


    เช้าวันนั้น ในวันคล้ายวันเกิดของเธอ  พี่อัยย์ก็มาปรากฏกายให้เธอได้แปลกใจ  และเมื่อสิ่งที่ถูกยื่นมาตรงหน้า  เป็นสร้อยข้อมือที่เธออยากได้มานานวางเด่นอยู่ในอุ้มมือหนา  เป็นสร้อยข้อมือจากทิฟฟานี่แอนด์โคสีเงินแวววาว  ตะขอเป็นรูปหัวใจดวงน้อยดวงเดียวร้อยรัดมั่นคงจากปลายทั้งสองด้าน   เธอเลยทราบตอนนั้นว่า ที่เขาหายไปเพราะขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่น ไปซื้อสิ่งที่เธออยากได้ ซึ่งไม่มีขายในเมืองไทย เอามาเป็นของขวัญให้เธอในวันคล้ายวันเกิด  เธอไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขนาดบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาซื้อมาให้  ทั้งที่ความเป็นจริงเธอเพียงเอ่ยเล่นๆ ว่า  ‘สวยดี’ เท่านั้น



    “Happy Birth Day” พี่อัยย์เป็นคนสวมสร้อยข้อมือเส้นนั้นให้เธอกับมือตนเองพร้อมกับคำอวยพรและดึงร่างเธอไปจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากโค้งมน  หัวใจสาวเบ่งบาน ส่วนหัวใจอีกดวงที่พันธนาการที่ข้อมือเหมือนมีชีวิตขึ้นมาทันใด เลือดในกายสูบฉีดวิ่งพล่านใบทั่วใบหน้า  รู้สึกตนเองเลยว่ายามนั้นอายมากแค่ไหนแต่ใจก็เป็นสุขอย่างที่ไม่เคยเจอหรือสัมผัสมาก่อน    


    แต่ครั้นพอคิดมาถึงว่าทั้งอาทิตย์นี้  ยังไม่ได้เจอหน้าพี่อัยย์เลย  เพราะชายหนุ่มไปต่างประเทศมาแถมยังมีงานล้นมือจนไม่มีเวลามาหาเธอ  แล้วนี่ตอนเที่ยงโทรศัพท์มานัดเธอเสียดิบดีว่าเจอกันที่เก่าเวลาเดิม  ป่านนี้แล้วยังไม่เห็นแม้เงา


    อีกครั้งที่โทรศัพท์มือถือถูกหยิบมาดูนาฬิกา ตัวเลขบอกเวลาสองทุ่มเข้าไปแล้ว แต่คนนัดหมายยังไม่มา  จะโทรศัพท์มาบอกกันหน่อยก็ไม่ได้  เธอคิดอย่างเคืองๆ ที่ปล่อยให้เธอนั่งเหงามองแก้วน้ำเปล่าอยู่เดียวดาย      



    แต่หากเธอมีตาทิพย์ไว้เพ่งมองสรรพสิ่งเหนือคนทั้งปวง  จะเห็นว่าภายในห้องอาหารแห่งนี้  ใช่ว่าจะมีแค่คู่รักนั่งทานอาหารเย็นด้วยกันเท่านั้น... ที่โต๊ะของเธอ  มีร่างของเทพสององค์ นั่งอยู่กันคนละฝั่งตั้งแต่เธอเข้ามาที่นี่  ต่างนั่งจ้องมองมายังเธอ  ซึ่งต่างจากคู่อื่นๆ ที่ไม่มี   และหากเธอมีหูทิพย์ไว้สดับฟัง เธอคงได้ยินทั้งสองคุยกันอยู่ในขณะนี้



    “พลังครั้งนี้ต้องเป็นของเราแน่นอน  เรามั่นใจเช่นนั้น” ทางขวาเป็นเทพหนุ่มนามว่า ‘วิสู’  เอ่ยขึ้น เหมือนเป็นการย้ำบอกอีกฝ่าย ว่าการณ์ครั้งนี้เสียเวลาเปล่าหากมานั่งรอ



    เสียงหัวเราะจากเทพอีกองค์ดังก้องไปทั้งห้องอาหาร  แต่หามีใครได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่ นอกจากเทพด้วยกัน  แล้วกล่าววาจากลับเป็นเชิงข่มในที  


    “ท่านอย่างเพิ่งมั่นใจไป  ก็เห็นกันอยู่ว่าลำแสงสีชมพูในตัวมนุษย์ผู้นี้ อ่อนลงทุกที” เทพที่นั่งอยู่ทางซ้าย นามว่า ‘วสุ’  กล่าวขึ้นบ้าง  


    “ท่านก็อย่าหวังว่าจะได้ไปครอบครอง สำแสงสีเทาก็ไม่มีเช่นกัน”  


    แล้วเทพทั้งสององค์ต่างนั่งจ้องกันและกัน  สลับกับจ้องมองลำแสงสีชมพูที่เริ่มอ่อนแรงจากร่างของสาวน้อยนาม ‘เนตรนภัส’  เพราะต่างก็มีจุดมุ่งหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง


    เทพแห่งความรักนามว่า  ‘วิสู’  ต้องการพลังพลัสม่าสีชมพู  เพื่อไปสะสมกับพลังพลัสม่าครั้งเก่าก่อนที่สะสมมานานปี  เพื่อทำการประดับยศเลื่อนชั้นเป็น ‘องค์เทพ’ จากท่าน ‘เซียนเทพ’ ซึ่งปกครองเหล่าเทพทั้งปวงเอาไว้  ทางฝั่งด้านเทพแห่งความผิดหวังและอกหัก นามว่า ‘วสุ’ ก็เฉกเช่นเดียวกัน  หากแต่พลังที่เทพองค์นี้ต้องการ เป็นเพียงพลังพลัสม่าสีเทาเท่านั้น    

    มีต่อค่ะsmile  (มีภาพสร้อยข้อมือของทิฟฟานี่แอนด์โค มาให้ชมค่ะ)

    แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 48 19:36:47

    แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 48 16:58:30

     
     

    จากคุณ : อนงค์นาง - [ 5 ก.ค. 48 16:47:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป