เพียงแค่ใจ
ไม่แตกต่าง
1
ถนนแคบ ๆ เข้าซอยเล็ก ๆ ยากนักที่รถยนต์สองคันจะสวนกันได้ เมื่อมีรถสองคันมาประจันหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งจะต้องแอบชนิดติดฝาบ้านที่อยู่ติดถนนชนิดสุดชีวิต อีกคันถึงจะผ่านพ้นไปได้ และขณะนี้ รถหรูสีบรอนกำลังเคลื่อนเข้ามาในซอยอย่างระมัดระวัง ความมีราคาของรถที่ไม่น่าจะปรากฎในซอยเล็กที่มีแต่ชนชั้นระดับกลางนี้ เรียกความสนใจจากผู้คนที่เดินไปมาเพราะเป็นช่วงเวลาของการทำงานได้เป็นอย่างดี
ความระมัดระวังของรถคันหรูไม่ได้ช่วยอะไรมาก เมื่อมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากซอยเล็ก ๆ แม้คนขับรถเก๋งสีบรอนและคนขับมอเตอร์ไซค์จะเบรกการเกิดอุบัติเหตุนั้นทัน
แต่ผู้โดยสารของมอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่สามารถเหนี่ยวรั้งตัวเองจากแรงโน้มถ่วงของโลกได้ ร่างบางจึงหล่นปุลงบนพื้นซีเมนต์ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแง่งหินตะปุ่มตะป่ำเหล่านั้น จะสร้างวีรกรรมอะไรกับผิวบอบบางของหญิงสาวผู้โดยสาร
โอ้ย
ไอ้นกยาง แกขับรถภาษาบ้าอะไรวะ ก็รู้อยู่ว่าซอยมันแคบบอกแล้วไม่รู้จักฟัง เสียงแว๊ด ๆ ของคนที่น่าจะเจ็บ ทำให้คนขับรถมอเตอร์ไซค์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อย
ปากแม่เจ้าประคุณก็ยังดี
เสียงแว๊ด ๆ และการลุกขึ้นปัดฝุ่นดินออกจากตัว ทำให้คนขับรถเก๋งที่เปิดประตูออกมา ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมคายนั้น คงจะชวนมองมากกว่านี้ ถ้าลบคิ้วขมวดมุ่นกับทรงผมยุ่ง ๆ นั้นไปได้ เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดคอโปโล กับกางเกงยีนส์สีซีด เข้าร่วมวงถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเดินมาสมทบกับคนขับมอเตอร์ไซค์
เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ขอโทษด้วยนะครับ ผมพยายามขับอย่างระวังแล้ว เขาพูดอย่างสุภาพ เสียงนั้นทำให้คนเกือบเจ็บเงยหน้าง้ำ ๆ ขึ้นมองทันที
ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ
นี่ ต้องโทษไอ้นี่ ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังส่งฝ่ามือพิฆาตไปสมนาคุณศีรษะของ ไอ้นี่ จนคนโดนเบิ้ดแกล้งร้องโอยพร้อมกับลูบหัวป้อย ๆ
ผมก็มีส่วนเหมือนกันแหละครับ รู้ว่าซอยแคบยังจะดันทุรังเข้ามาอีก ชายหนุ่มพูดต่อ แล้วคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับนี่ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ชายหนุ่มถามพลางส่งสายตาสำรวจร่างกายของหญิงสาวตรงหน้าที่แม้ตอนนี้จะลุกขึ้นยืนเต็มที่ แต่ก็ยังต้องแหงนหน้ามองเขาอยู่ดี
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ถลอกนิดหน่อย หล่อนว่าพลางยกข้อศอกส่วนที่โผล่พ้นเสื้อยืดแขนสั้นโชว์อาการที่บอกว่า ถลอกนิดหน่อย ขึ้นอวดชายหนุ่ม ซึ่งเมื่อเห็นแล้ว ชายหนุ่มถึงกับเปลี่ยนสีหน้าจากยุ่ง ๆ ในตอนแรกเป็นตื่นตกใจ
นี่นะนิดหน่อยคุณ เขาว่า พลางเอื้อมมือใหญ่มาจับต้นแขนหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะออกแรง เหวี่ยง ร่างบางยัดเข้ารถเก๋งคันหรูแล้วรีบวิ่งอ้อมไปฝั่งคนขับ ก่อนจะถอยรถอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบีบแตรเสียงดังสนั่นไปตลอดทาง ท่ามกลางความตกตะลึงของคนเจ็บ
และคนขับมอเตอร์ไซค์ที่ได้แต่ยืนเกาหัวยิก ๆ
-_-
หญิงสาวรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อพบว่าตัวเองนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ มีสำลีอันเท่าบ้านโปะอยู่บนศอกข้างที่กระแทกกับแง่งหิน และตรงเคาน์เตอร์ ร่างสูง ๆ ของคนที่พาหล่อนมาทำแผลกำลังเจรจาอยู่กับพยาบาลหน้าหวาน ก่อนจะเดินถือซองยาตรงมาที่หล่อน
เอ้า นี่ยาของคุณ ซองนี้เป็นยาแก้อักเสบนะ ส่วนซองนี้เป็นยาแก้ปวดเผื่อคุณจะปวดแผล ซองนี้เป็นยาแก้ไข้นะ เผื่อคุณจะมีไข้ กินก่อนกินหลังอาหารเค้าก็เขียนไว้ข้างซองนี่แหละคุณพิจารณาเองก็แล้วกัน
ชายหนุ่มว่าพลางยื่นถุงยาให้คนที่รับมาถืออย่างงง ๆ
คุณไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้นะคะ ลำบากเปล่า ๆ ฉันเกรงใจค่ะ หล่อนว่าอย่างเกรงใจ
ไม่เลยครับ
ไม่ลำบากเลย แล้วคุณก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย ผมยินดีเป็นที่สุดต่างหากที่คุณไม่เป็นอะไรมาก ชายหนุ่มบอกด้วยสีหน้าจริงใจ
งั้นก็
ขอบคุณมากนะคะ
เอาไว้ถ้าเกิดคำนิยามโลกกลมมีจริง สักวันเมื่อฉันได้พบคุณอีกฉันจะตอบแทนความมีน้ำใจของคุณให้ได้ค่ะ
ฉันสาบาน หญิงสาวบอก ชายหนุ่มเกือบหัวเราะถ้าไม่เหลือบไปเห็นว่า สีหน้าสีตาคนพูดจริงจังแค่ไหน
จริงสิ
ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย
ผมชื่อกรวีร์ นะครับ กรวีร์ กิตกร แล้วคุณล่ะครับ
เพราะน้ำเสียงและแววตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะก้อร่อก้อติกนั้นกระมัง ทำให้หญิงสาวไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะแนะนำตัวเองบ้าง
ฉันชื่อจารุภาค่ะ นามสกุลอย่ารู้เลย เพราะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คราวหน้าที่อาจจะได้พบกันคุณเรียกฉันว่าจ้าก็ได้ค่ะ ฉันอนุญาติ
ความจริงแล้วฉันไม่อนุมัติให้ใครเรียกชื่อเล่นเร็วนักหรอกน่ะ
ขอบอก หญิงสาวบอกติดตลก และคงจะตลกจริงซะด้วย เพราะพอหล่อนพูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะพรืดอย่างฉุดไม่อยู่
น่าแปลกที่หล่อนไม่ยักโกรธแฮะ
ก็แหม
หน้ายุ่ง ๆ นั่นเวลาหัวเราะแล้ว ..หล่อดีพิลึก
งั้นคราวหน้าที่อาจจะได้พบกัน คุณก็ต้องเรียกผมว่าวีร์ นะครับ ผมอนุญาติด้วย ชายหนุ่มรับมุก หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะอุทานอย่างตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาเรือนใหญ่ของโรงพยาบาล
ตายแล้ว
ฉันเลทตั้งหลายนาทีแล้ว ขอบคุณนะคะคุณกรวีร์ ที่อุตสาห์พามาทำแผล เอาไว้ถ้าพบกันตามทฤษฎีโลกกลมแล้วเราค่อยว่ากันอีกทีละกัน
ตอนนี้ฉันไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ หญิงสาวพูดรัวเร็ว ยกมือไหว้แผล่บเมื่อจบประโยค ก่อนจะวิ่งปรูดไปที่ประตู โดยที่ชายหนุ่มร้องห้ามไม่ทัน
กรวีร์ย้ายมือที่ยกค้างเพื่อจะเรียกหญิงสาวมาเกาท้ายทอยแก้เขิน เมื่อเห็นว่าพยาบาลหลายคนมองมาที่เขาพร้อมรอยยิ้ม ชายหนุ่มผงกศีรษะให้ ก่อนจะเดินตรงไปยังลานจอดรถ เขาได้แต่หัวเราะกับตัวเองเบา ๆ เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่เพิ่งจากไป
แปลก ที่ผู้ชายอย่างกรวีร์ กิตกร ซึ่งไม่เคยสิ้นไร้ผู้หญิงสวย ๆ ข้างกาย เพราะหน้าตา และหน้าที่การงานรวมทั้งทรัพย์สมบัติ ชักอยากให้ทฤษฎีโลกกลมเกิดขึ้นเร็ว ๆ เพราะเขาเกิดอยากตีซี้กับผู้หญิงหน้าใสตาสวย แถมนิสัยแปลก ๆ ที่ชื่อจารุภา ไม่มีนามสกุลคนนั้นเข้าเสียแล้ว
เอ
โลกหมุนทวนเข็มนาฬิกาหรือเปล่าหนอ
ชายหนุ่มคิดครึ้ม ๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อนึกได้ว่าธุระที่ทำให้เขาต้องคลานต้วมเตี้ยมเข้าไปในซอยนั้นคืออะไร
ตายหงส์ ตายห่านแล้วตู ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากลานจอดรถของโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
-_-
ร่างบางที่ยืนหอบแฮ่กอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ส่งยิ้มแหย ๆ ที่ปนด้วยหยดเหงื่อไปให้หญิงสาวอีกคนซึ่งกำลังถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง
สายไปครึ่งชั่วโมง
มีอะไรจะแก้ตัวอีกยะ มัทรีถามเสียงเหี้ยม แทนคำตอบ คนยืนหอบยกแขนขวาขึ้นโชว์สำลีก้อนเท่าบ้านที่แปะอยู่บนข้อศอก มืออีกข้างโชว์ถุงยาจากโรงพยาบาล
อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ พี่ซี จารุภาบอก มัทรีสิ้นสงสัย หล่อนพรวดพราดออกจากเคาน์เตอร์ เพื่อมาตรวจสอบสภาพร่างกายของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องทันที
โอ้ย ตายแล้ว ยัยจ้า แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหนดูสิ สมองยังอยู่ครบมั้ย แล้วคนชนแกรับผิดชอบหรือเปล่า แกเรียกค่าทำขวัญเท่าไหร่ รถอะไรชนแก เก๋งหรือมอเตอร์ไซค์ แล้ว
.
พ้อ
พอก่อนพี่ซี หายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อยถามใหม่นะพี่
จ้าฟังไม่ทัน จารุภาติดเบรกคำถาม เป็นเหตุให้หญิงสาวได้รับค้อนวงใหญ่จากคนโดนเบรก
เออ
อุตสาห์ห่วงนะเนี่ย มัทรีบอกอย่างน้อยใจ
จ้าไม่เป็นอะไรมากกว่าที่เห็นหรอก พี่ซี ความจริงจ้าไม่ได้โดนรถชนหรอก จ้าแค่ตกรถ ตกรถของจริงเลยนะ ก็ไอ้เจ้านกนะสิ ดันทะยานออกจากซอยมาจ๊ะกับรถเก๋งเข้า ต่างคนต่างเบรกจนตัวโก่ง จ้าไม่มีที่ยึดก็เลยหล่นตุ้บลงมา เคราะห์ดีที่ไม่ได้เอาหัวลง สมองเลยไม่หาย ทีนี้นะ คนขับเก๋งเค้าก็ดี๊ ดี ขนาดว่าพอเห็นแผลถลอกของจ้าปุ้บ เค้าก็พาไปโรงพยาบาลปั้บ จ่ายค่ายาให้เสร็จสรรพทั้ง ๆ ที่เค้าไม่ต้องรับผิดชอบเลยก็ได้
คำอธิบายยาวเหยียดของจารุภาเรียกค้อนวงใหญ่จากมัทรีได้อีกรอบ
เออ
ว่าแต่เขาถามยาว ตัวเองก็ตอบเยื้อยเหมือนกันแหละ เอาล่ะ
ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว สมองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วจะได้จำออเดอร์ลูกค้าได้ ไป
ไปเปลี่ยนชุดแล้วก็ไปประจำตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟของหล่อนได้แล้วย่ะ มัทรีว่าพลางแสร้งทำหน้าเครียดเคร่ง จารุภารับมุก แสร้งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเดินตัวลีบเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะหันมาหัวเราะกิ๊กกับมัทรีอย่างอดไม่อยู่ทั้งคู่
^_^
ร้านอาหาร มนทรี เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่มีคู่รักอย่าง มนต์ชัช และมัทรีเป็นเจ้าของร่วมกัน แต่ถึงแม้ร้านจะเล็กก็ไม่เคยว่างเว้นลูกค้า เพราะความสด ความอร่อยของอาหารและการบริการที่ประทับใจ ทำให้ลูกค้าที่เคยเป็นขาจร ผันตัวมาเป็นขาประจำแถมยังเป็นโฆษณาเคลื่อนที่ให้อีกต่างหาก ความที่ทำเลของร้านตั้งอยู่ในที่ที่สะดุดตา การตกแต่งของร้านซึ่งตกแต่งโดยเจ้าของร้านฝ่ายชายซึ่งเป็นสถาปนิก ทำให้ร้านเล็ก ๆ ที่น่าจะอึดอัด กลายเป็นร้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นแทน
ประการหนึ่งซึ่งทำให้ร้าน มนทรี ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว คือทำเลตั้งอยู่ใจกลางบริษัทใหญ่ ๆ หลายบริษัท ทำให้พนักงานบริษัทส่วนใหญ่ มักจะฝากท้องไว้ที่นี่เป็นประจำ
จารุภาก้าวเข้ามาเป็นพนักงานเสิร์ฟของร้าน มนทรี ได้ด้วยการแนะนำของวาปี เพื่อนสมัยมัธยม เริ่มแรกหญิงสาวทำเพียงกะบ่าย เพราะเป็นช่วงเปิดร้านใหม่ ยังไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก กระทั่งเมื่อร้านโด่งดังระดับหนึ่ง หล่อนจึงได้มาทำเต็มที่ทั้งกะเช้าและบ่าย ดีที่ว่าหล่อนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเปิดจึงไม่เดือดร้อนเรื่องเวลามากนัก และแม้ว่าบางวันหล่อนต้องหยุดงานเพื่อไปสอบ เจ้าของร้านอย่างมัทรีซึ่งเข้าอกเข้าใจและสนับสนุนเรื่องการศึกษาเป็นอย่างดีก็ไม่ได้ว่าอะไร จารุภาจึงอยู่นาน และอยู่ยืดจนกลายเป็นหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟกลาย ๆ
จากคุณ :
แก้วชิงดวง
- [
6 ก.ค. 48 11:58:53
]