เพียงแค่ใจ
ไม่แตกต่าง
2
กลับมาแล้วจ้า
จารุภาตะโกนเสียงแจ้ว หลังจากที่หล่อนบิดประตูห้องพักแล้วพบว่า มันเปิดอยู่
มาแล้วเหรอ
เป็นไงวันนี้สนุกมั้ย คนถามโผล่เพียงหน้ากลม ๆ มาให้รู้ว่ามีคนอยู่ จารุภาวิ่งเข้าไปหา ก่อนจะลากร่างอวบ ๆ ออกมาจากซอกตู้หนังสือประจำห้อง ซึ่งเป็นที่สิงสถิตย์ประจำของเพื่อนร่วมห้อง
สนุก
แต่สนุกแบบเจ็บตัว นี่ไง หญิงสาวว่าพลางชูแขนข้างที่เจ็บให้เพื่อนร่วมห้องดู นาราตาโตทันที
อ๊ะ
ไม่ต้องตกใจแล้วก็ไม่ต้องถาม เพราะจ้าจะเล่าให้ฟัง ณ บัดนี้
จารุภาว่าเสียงใส ก่อนที่หล่อนจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้กับนารา เพื่อนร่วมห้องที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมฟัง ความที่สนิทสนมจนแทบจะรู้จักกันละเอียดทุกรูขุมขน ทำให้หญิงสาวเล่าทุกเรื่องแม้แต่ความรู้สึกลึก ๆ ว่า สนใจ หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวคนนั้นบ้างเหมือนกัน นารารับฟังเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นของเพื่อนสาวตาใส
ดีจังเลยเนอะ จ้ามีเรื่องตื่นเต้นแทบทุกวันเลยเนอะ นาราพึมพำหลังจากฟังเรื่องราวของเพื่อนจบ หล่อนมองท่าทางชวนฝันของจารุภาแล้วก็ได้แต่อิจฉาหน่อย ๆ ชีวิตของเพื่อนร่วมห้อง ดูจะสนุกสนานสดใสอยู่ได้ทุกวัน แม้นาราจะรู้ว่าชีวิตจริงของจารุภาไม่ได้สดใสร่าเริงเหมือนกับที่หล่อนแสดงออกก็เถอะ
ความเป็นคนเรียบ ๆ ง่าย ๆ หน้าตาหรือบุคลิกไม่ได้โดดเด่นเป็นที่สนใจของใคร ทำให้นาราอดที่จะน้อยใจในวาสนาของตัวเองไม่ได้ หล่อนมีดีกว่าคนอื่นตรงไหนหนอ ชาตินี้จะพอหาเจอบ้างมั้ยน้อ
คิดมากอีกแล้วละสิหนูนา จารุภาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมห้องเงียบ ๆ ไป
ก็นิดหน่อย นาราบอกตามจริง หล่อนรู้ดีว่า ถึงโกหกให้ตาย จารุภาก็จับความรู้สึกหล่อนได้อยู่ดี
โธ่
หนูนาก็ บอกแล้วไงว่า หนูนาก็มีดีอยู่ในตัวชนิดที่ใครก็ไม่เหมือนไง
เพียงแต่ตอนนี้หนูนายังหาไม่เจอใช่มะ หล่อนต่อเศร้า ๆ
โอ้ย
ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า เล่ามาดีกว่าว่าวันนี้ชีวิตนอกบ้านของหนูนาเป็นไงบ้าง จารุภาตัดบท พลางตั้งหน้าตั้งตารอฟังเรื่องของเพื่อนอย่างใจจดจ่อ นารายิ้มให้ก่อนจะเริ่มเล่า
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก
เรียนเช้าเหมือนเดิม กินข้าวก็เหมือนเดิม กลับบ้านรถเมล์สายเดิม จบ หล่อนบอกเนือย ๆ
ว้า
ทำไมมันเหมือนเมื่อวานเลยล่ะหนูนา ไม่มีอะไรพิเศษบ้างเหรอ อย่างหนุ่มที่หนูนาแอบมองคนนั้นไง จารุภาซักต่อ ถึงเรื่องราวเมื่อเปิดเทอมใหม่ ๆ ที่นารามานั่งทำตาลอยชวนฝัน พอหล่อนซักไปซักมาถึงได้รู้ว่า เพื่อนสาวเจอหนุ่มหล่อรุ่นพี่ข้างคณะ
เค้าไม่มองคนอย่างหนูนาหรอก จ้า อย่างเค้านะ เริ่ดหรูเฟอร์เฟคออกอย่างนั้น ดูแค่เพื่อนผู้หญิงที่ล้อมหน้าล้อมหลังพี่เค้าก็
เฮ้อ
. นาราถอนหายใจหนักหน่วง จารุภาหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด
คิดไปเองหรือเปล่าหนูนา ก็ไหนบอกว่าพี่เค้าเคยมาเทคแคร์หนูนาไง จารุภาแย้ง
นั่นมันแค่อุบัติเหตุนิดหน่อย
แหม
หนูนาจะตกบันไดพี่เค้าก็แค่ช่วยไม่ให้กลายเป็น หมูกลิ้ง
แล้วอย่างหนูนาเนี่ย ต่อให้ผู้ชายขี้เหร่ก็ยังไม่มองเล้ย
นาราบอกเบา ๆ พร้อมกับหัวเราะแค่น ๆ จารุภามองรูปร่างที่ค่อนข้างอวบของเพื่อนอย่างเข้าใจ ความจริงแล้ว นาราไม่ใช่คนอ้วนอะไรมากมาย เพียงแค่มีพื้นที่ส่วนเกินในสายตาคนอื่น นิด ๆ หน่อย ๆ ถ้าเกิดว่านารารู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วละก็
จารุภาคิด ต่อให้นายรุ่นพี่ที่ว่าเฟอร์เฟคก็เหอะ ไม่หันมามองนาราก็ให้มันรู้ไป
^_^
หลังจากวันที่กรวีร์ได้รู้ว่า จารุภาทำงานที่ร้าน มนทรีแล้ว ชายหนุ่มก็ผันตัวเองจากขาจร มาเป็นขาประจำแทบจะทุกเที่ยง ชายหนุ่มมักจะจองที่นั่งตัวที่สามารถมองเห็นพนักงานเสิร์ฟหน้าใสยิ้มสวยที่ชื่อจารุภาอยู่เสมอ เขามาประจำจนกลายเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าของร้านไปโดยปริยาย เพราะชายหนุ่มมักจะนั่งแช่อยู่นาน ๆ กว่าที่จะเช็คบิล
วัตถุประสงค์การนั่งของเขา ก็เพียงเพื่อจะได้มีโอกาสทักทายกับพนักงานเก็บเงินที่ถูกรุนหลังให้มาเก็บที่โต๊ะเขาทุกครั้งอย่างที่รู้กัน
ทั้งหมด 350 บาทค่ะ จารุภาบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับวางบิลให้ชายหนุ่มตรวจสอบ กรวีร์หยิบแบงค์ห้าร้อยวางลงในถาด พร้อมกับคำพูดเหมือนทุกครั้ง
ไม่ต้องทอนครับ เขาบอกยิ้ม ๆ
ไม่ได้หรอกค่ะ ถึงจะรวยแค่ไหนก็ไม่ควรควักให้มันมากเกินไปนะคะ หญิงสาวบอกอย่างเกรงใจ แถมด้วยฝังเขี้ยวเล็กๆ พองาม ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะบอกว่า
ไม่มากเท่ากับว่า
. ชายหนุ่มทิ้งค้าง จารุภามองด้วยความสงสัยก่อนจะถามว่า
เท่ากับอะไรคะ?
ไม่มากเท่ากับว่า
เย็นนี้ผมขออนุญาติเข้าไปส่งคุณจนถึงห้องได้มั้ยครับ
สิ้นคำถามจารุภาหน้าเจื่อนอย่างเห็นได้ชัด ความเกรงใจน่ะ เป็นอันดับแรกที่หล่อนรู้สึกเลยล่ะ ก็จะไม่ให้เกรงใจอย่างไรไหว ชายหนุ่มเล่นมารอรับรอส่งหล่อนแทบจะทุกวันก็ว่าได้
ในตอนแรกหล่อนอุตสาห์ปฏิเสธเพราะเห็นว่ายังไม่สนิทสนมขนาดนั้น แต่แล้วหล่อนก็ต้องยอมแพ้ เมื่อชายหนุ่มขับรถตามหล่อนชนิดแทบทุกฝีก้าวตั้งแต่ก้าวออกจากร้านจนถึงป้ายรถเมล์
แม้หญิงสาวจะยอมให้ชายหนุ่มขับรถมาส่งแต่ก็อนุมัติแค่เพียงหน้าปากซอยเท่านั้น โดยหล่อนให้เหตุผลว่าซอยแคบ ไม่สะดวกในการกลับรถ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ชายหนุ่มยอมรับฟังมาตลอด
แต่คงไม่ใช่วันนี้
อย่าดีกว่าค่ะ
แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ ความจริงคุณไม่ต้องเทียวรับเทียวส่งฉันก็ได้นะ จารุภาบอกด้วยใจจริง หล่อนไม่อยากรบกวนเขาแม้หล่อนจะรู้สึกปลื้มเปรมว่า มีชายหนุ่มหล่อลากดิน ร่ำรวยล้นฟ้ามาติดใจ แต่ความจริงที่ว่า หล่อนกับเขาอยู่กันคนละตำแหน่งในสังคม ก็ยังคงย้ำเตือนอยู่เสมอ
โธ่
คุณก็ เรารู้จักกันมาตั้งนานแล้วนะ ยังจะมัวเกรงใจอยู่ ผมเต็มใจนะครับขอบอก กรวีร์บอกพร้อมกับแสดงสีหน้าเต็มใจสุดฤทธิ์ จารุภาอดคิดอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
ไอ้รู้จักกันมานานของเขา กินเวลาแค่เกือบสองเดือนเองนะ
นี่คุณ ขนาดคนเค้ารู้จักกันนานเป็นชาติ บางคนเค้ายังไม่เคยไปรับไปส่งกันเสียด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างที่คุณมัวเทียวรับเทียวส่งฉันอยู่เนี่ย ก็เปลืองน้ำมันจะตาย
ไหนคุณบอกว่าจะช่วยรัฐประหยัดพลังงานไง หล่อนว่ารวน ๆ
อ้าวก็นี่แหละช่วยรัฐประหยัดแหละ นี่คุณคิดดูนะจ้าว่าระหว่างที่ผมกลับบ้านคนเดียว กับการที่ผมมีคุณกลับบ้านไปด้วยเนี่ย อย่างไหนจะประหยัดมากกว่ากัน เขาตีขลุม
คุณไปคนเดียวคุณก็ตรงดิ่งกลับบ้านเลย แต่คุณไปส่งฉันคุณก็ต้องวกกลับอีก นั่นแหละตัวเปลืองน้ำมันแหละ จารุภาว่าอย่างไม่ยอมแพ้
คุณรู้ได้ไงว่าถ้าผมไปคนเดียวแล้วจะตรงดิ่งกลับบ้าน ถ้าผมไปคนเดียวบางทีผมอาจจะแวะเถลไถลที่ไหนต่อก็ได้ นั่นยิ่งทำให้เปลืองกว่าอีกนา ชายหนุ่มชักแม่น้ำมาอ้าง จารุภาถอนหายใจเฮือกกับข้ออ้างข้าง ๆ คู ๆ ของเขา
ความรู้สึกบางอย่างในใจทำให้หล่อนตัดสินใจบางอย่าง
ถึงงั้นก็เถอะค่ะ
จ้าว่าถ้าจะให้ดี คุณวีร์ไม่ต้องไปรับไปส่งจ้าอีกแล้วดีกว่า หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจังในที่สุด กรวีร์ลุกพรวดขึ้นทันทีเมื่อฟังจบ พร้อมกับจับแขนหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ กำลังจะต่อว่าที่เขาละลาบละล้วง แต่เมื่อเห็นแววตาตระหนกของชายหนุ่ม หญิงสาวก็กลืนคำพูดกลับลงคออย่างยากเย็น
ทำไมละ คุณรังเกียจผมมากหรือจ้า ชายหนุ่มถามเสียงขื่น หญิงสาวถึงกับตะลึงกับแววตานั้น
มันดูจริงจังเสียจนหล่อนคิดว่าฝันไป
มันจะเป็นไปได้หรือที่ผู้ชายระดับเขา จะมาจริงใจกับหล่อนมากมายขนาดนั้น
เปล่า
เปล่าค่ะ จ้าไม่ได้รังเกียจคุณ ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ จ้าต่างหากที่น่ารังเกียจสำหรับคุณ
หญิงสาวละล่ำละลัก หล่อนไม่ได้โกเจ็ด เอ้ย โกหกเลยสักนิด เพราะ
ยิ่งนานวันที่เริ่มผูกพัน ความแปลกแยกก็ก่อตัวขึ้นในใจหล่อนเงียบ ๆ จารุภารู้ดีเป็นที่สุดว่ามันคืออะไร
ความแปลกของความแตกต่างระหว่างเขากับหล่อนนั่นไงที่เริ่มชัดเจนขึ้นทุกที ๆ
ก่อนที่จะได้คุยอะไรต่อ กรวีร์ก็ตัดบทด้วยการหันไปบอกกับมัทรีที่มายืนอยู่ใกล้ ๆ เพราะเห็นว่าพนักงาน(ดูเหมือน)กำลังจะมีเรื่องกับลูกค้า
คุณซีครับ ผมขอยืมตัวจ้าสักครู่นะครับ ไม่นานหรอก ไม่ใช่เรื่องเสียหายด้วย พูดจบชายหนุ่มก็คว้าแขนจารุภาลากปราด ๆ ไปโดยไม่ฟังคำตอบท่ามกลางความงุนงงของมัทรี และคนในร้าน
^_^
โปรดติดตามตอนต่อไป
รักคนอ่านทุกวั้น ทุกวันเลยคร้า
จากคุณ :
แก้วชิงดวง
- [
7 ก.ค. 48 08:55:34
]