CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    กรรมตามเข็มนาฬิกา

    ช่วงกลางเดือนเมษา เป็นที่รู้ๆกันดีว่าช่วงนี้อากาศร้อนมากที่สุด ร้อนเหมือนไฟนรกที่แผดเผาทุกสิ่งที่ขวางหน้า พื้นดินแตกระแหง ใบหญ้าเหี่ยวแห้ง ไม่มีเม็ดฝนโปรยปรายเลยนอกจากหยดเหงื่อของคนที่ผ่านไปมา ถึงแม้จะรู้ว่าหยดเหงื่อนั้นแสนเค็ม ดินก็ไม่รังเกียจน้ำหยดนั้นรีบดื่มทันทีอย่างสุดกระหาย หยดเหงื่อนั้นซึมผ่านผิวดินอย่างรวดเร็ว เหมือนน้ำที่หยดผ่านเม็ดทราย

    อากาศแสนร้อน ทุกคนต่างก็รีบกลับบ้าน ไปหาร่มเงาของชายคาที่อยู่ไม่ไกลนัก

    แต่ในระหว่างทาง ก็พบกลุ่มชาวบ้านเบียดดูพงหญ้ารกข้างทาง เหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติในนั้น ใครเห็นต่างก็หยุดเดินแล้วก็เข้าร่วมกลุ่มมุงดูด้วยความสนใจ ลืมร้อนกันไปชั่วขณะ สุดท้ายความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความร้อนจนได้  ใครๆ ต่างก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในพงหญ้ารกนั่น

    จากกลุ่มเล็กๆ ก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่ จนกลายเป็นกลุ่มสมัชชาไทยมุงขึ้น

    สายตาของพวกเขาเพ่งมองไปยังพงหญ้ารกชันที่ตำรวจกำลังสำรวจอยู่ มันเป็นภาพที่ชวนขนลุกทีเดียว ในพงหญ้านั้นมีศพสองศพนอนอยู่ ศพนั้นส่งกลิ่นเหม็นโชยตามสายลมอ่อนๆ บางคนทนไม่ไหว ปล่อยของที่เพิ่งใส่ท้องจนเกลี้ยง แต่คนส่วนใหญ่ยังคงยืนสู้กลิ่นสู้แดด เพียงเพื่อเห็นภาพของสังขารที่เสื่อมสลายไปตามกาล

    ร่างของหญิงสาวนอนตะแคงบนใบหญ้าที่ลู่ลงตามกายเธอ หญิงสาวคนนั้นสวมเสื้อยืดสีขาวปักลายลูกหมีตรงอกข้างขวา ส่วนท่อนล่างสวมกางเกงยีนขาสั้น แต่มีร่องรอยการฉุดคร่าพรหมจรรย์ เพราะกางเกงนั้นเลื่อนต่ำลงมามากกว่าที่ควร และในเรือนร่างหญิงสาวที่เคยอรชรนั้น กลับมีรอยฟกช้ำกระจายไปทั่ว แต่ที่เด่นชัดที่สุด คือบนลำคอของเธอมีรอยฟกช้ำเป็นสีคล้ำเหมือนถูกกดอย่างรุนแรง ถ้าร่างนั้นไม่เริ่มอืด คงเห็นภาพหญิงสาวที่สวยสะพรั่งระดับนางเอกเลยทีเดียว

    แต่สิ่งที่ชาวไทยมุงสนใจมากที่สุด กลับเป็นศพที่อยู่ข้างซ้ายของหญิงสาว ศพของชายวัยกลางคน ผมหยิกผิวดำ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเลือดหมู กางเกงขายาวสีดำ ร่างนั้นนอนหงาย มือหงิกเกร็ง ตาเบิกโพลง แต่ศพไม่เน่าสลายต่างจากศพหญิงสาว เหมือนเขาเพิ่งตายได้ไม่นาน มันน่าแปลกจริงๆ  

    และที่น่าแปลกไปมากกว่านั้น ก็อยู่ที่มือของศพหญิงสาว มือนั้นกำลงบนคอของศพชาย เหมือนกับศพหญิงสาวพยายามจะฆ่าฝ่ายชายให้ตายตามกันไป ทุกคนต่างก็สงสัย ถ้าฝ่ายหญิงตายก่อนฝ่ายชาย แล้วมือนั่นไปกำบนคอของฝ่ายชายได้อย่างไร
    และเพราะข้อสงสัยนี้เอง ทุกคนเลยมองข้ามสิ่งผิดปกติเล็กน้อยที่อยู่บนมือซ้ายของศพชาย บนข้อมือของเขามีนาฬิกายี่ห้อหรูคาดอยู่ สายคาดของนาฬิกานั้นเป็นสีน้ำตาล ขอบหน้าปัดสีทองสะท้อนแสงแวบวับเมื่อต้องแดด นาฬิกานั้นเข็มไม่ได้เดินตามปกติราวกับตายไปพร้อมกับเจ้าของไป

    บนพื้นหน้าปัดสีขาว เข็มสีทองซึ่งเป็นเข็มสั้นนั้นชี้ตำแหน่งเลข 12 ส่วนเข็มยาวชี้ตรงตำแหน่ง 13 นาที นั่นคือเวลาตายของเขา

    ในเวลานั้นมันเกิดอะไรขึ้น...

    คำถามนั้นค้างคาใจลุงแม่น ชายวัยใกล้ชรา 57 ปี เขามองดูศพทั้งสองอย่างปลดปลงต่อสังขาร ไอร้อนของแดดกลางเมษาระอุบนกลางกระหม่อมที่เริ่มล้านเลี่ยน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมัน เพียงส่งสายตาจดจ่ออยู่ที่นาฬิกาเรือนหรู มองดูหน้าปัดของมัน

    เข็มนาฬิกาจากที่มันหยุดหมุนนั้นเริ่มเคลื่อนไหว แต่มันเคลื่อนที่ไปทางซ้าย ลุงแม่นจ้องมองมันอย่างสงสัย เข็มยาววนซ้ายไปเรื่อยเหมือนกับกำลังย้อนเวลาหาอดีต เข็มนาฬิกามันเดินย้อนไปได้อย่างไรในเมื่อไม่มีใครไปปรับมัน แต่มันกำลังเดินจริงๆ เดินถอยหลังเสียด้วย

    เข็มยาวนั้นเริ่มหมุนเร็วขึ้น...เร็วขึ้น เข็มสั้นเริ่มมีปฏิกิริยาเมื่อเข็มยาวเดินย้อนครบ 1 ชั่วโมง มันเดินตามเข็มยาวเหมือนน้องเดินตามพี่ เข็มยาวเริ่มวิ่งเวียนซ้ายเร็วขึ้น เข็มสั้นวิ่งหอบตาม จนเมื่อกระทั้งเครื่องได้ที่ทีนี้มันก็สปีดเร็วขึ้น...เร็วขึ้น ย้อนถอยหลังไป 3 ชั่วโมงภายใน 10 วินาที ... 5 ชั่วโมงภายใน 7 วินาที เข็มยาวหมุนติ้วทิ้งห่างออกไป เข็มสั้นก็วิ่งตามเป็นลูกคู่ เร็วอีก... เร็วขั้นอีก เร็วจนสายตามองไม่ทันเห็นเพียงหน้าปัดสีขาว

    กระแสลมเริ่มหมุนวนในหน้าปัดนาฬิกา มันค่อยๆ ขยายตัวใหญ่ขึ้น ๆ จนกลายเป็นพายุขนาดย่อม ชายชราเริ่มเสียการทรงตัว ภาพในตามันหมุนติ้วตามเข็มนาฬิกา แสงสีขาวกระจายเป็นวงกว้างกลางพายุ เขารู้สึกตัวเบาหวิว เหมือนลอยล่องอยู่ในอวกาศ ปล่อยตัวเบาปลิว ทิ้งตัวลงตรงกลางกระแสลม หัวเลี่ยนล้านค่อยๆปักดิ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกย่อส่วน หรือไม่พายุนั้นมันค่อยๆ ใหญ่ตัวขึ้นจนกลืนร่างของเขาไป

    ตัวของเขาพุ่งดิ่งไปสู่หน้าปัดนาฬิกาสีขาวขนาดยักษ์ แสงสีขาวเจิดจ้าจนตาพร่ามัว เขาหลับตาลง แสงนั้นยังส่องแสงสลัวในตายามที่มันปิดลง เสียงลมพัดผ่านเข้ามาในช่องหูส่งเสียงดัง หวืดๆ นี่เขากำลังถูกสูบลงไปไหน

    พลั่ก!
    เสียงของหนักตกลงจากที่สูงไปสู่พื้นราบเบื้องล่างเหมือนถุงกระสอบถูกโยนจากที่สูง แต่ถุงกระสอบนั่นคือตัวเขาเอง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้าไปถึงกระดูก ชายชราได้แต่บ่นโอดโอย

    “คนก็แก่แล้วทำไมต้องทำแบบนี้กันด้วยวะ” ลุงแม่นบ่นอย่างหงุดหงิดขณะที่เอามือถูก้นที่ปวดระบม แล้วก็ ค่อยๆลุกขึ้นยืน ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แสงเจิดจ้าสีขาวนั่นหายไปแล้ว เหลือเพียงแสงสีขาวสลัวๆ ของไฟนีออนบนกลางกระหม่อม

    นี่เขาถูกส่งไปที่ไหน…

    ลุงแม่นถามตัวเองอย่างงุนงง ในขณะที่พยายามเพ่งสายตามอง

    จากคุณ : รัตน์ดา - [ 8 ก.ค. 48 10:27:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป