CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เพียงแค่ใจ...ไม่แตกต่าง (3)

    เพียงแค่ใจ…ไม่แตกต่าง

    3

    กระทั่งทั้งคู่มาหยุดอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะใกล้ร้าน กรวีร์ถึงได้หันกลับมาประจันหน้ากับหญิงสาว ที่ตอนนี้ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยประโยคคำถาม

    “ผมไม่เคยคิดว่าคุณน่ารังเกียจตรงไหนเลยนะจ้า…คุณคิดว่าที่ผมตามมาตอแยคุณอยู่เนี่ย เพราะอะไรเหรอ” ชายหนุ่มเริ่มต้น

    “ไม่…ไม่รู้สิคะ” จารุภาตะกุกตะกักพลางหลบสายตาคมกริบทันที

    “ไม่…คุณรู้อยู่เต็มอกนะจ้า เงยหน้าขึ้น มองผมสิ” ชายหนุ่มไม่รอให้หญิงสาวปฏิเสธเขาละมือที่กำลังกุมต้นแขน เปลี่ยนมาเชยคางมนขึ้นเชิงบังคับให้หญิงสาวมองหน้าเขา จารุภาต้องทำตามอย่างขัดไม่ได้

    “คุณเห็นอะไรมั้ย” ชายหนุ่มถามอย่างคาดคั้น

    “ฉัน…เห็น…ตาคุณกำลังกลายเป็นมีดโกน และกำลังกรีดเข้าไปในใจฉัน” จารุภาบอกติดตลก

    “ผมไม่ได้พูดเล่น!” กรวีร์เสียงเข้ม ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวก้มหน้างุดอีกครั้ง

    “ฉันไม่กล้าคิดหรอกค่ะ…เพราะให้ตายยังไง เรื่องที่คุณต้องการมันก็เกิดขึ้นไม่ได้หรอก” หญิงสาวบอกในสิ่งที่อยู่ในใจ

    “คุณรู้ได้ยังไงล่ะจ้า ว่าเรื่องที่ผมต้องการมันจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้…ลืมทฤษฎีที่ว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนไปแล้วหรือไง” ชายหนุ่มเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าหงอย ๆ

    “คุณวีร์คะ…ระหว่างคุณกับจ้า…ทฤษฎีนั้นมันไม่สปาร์คหรอกค่ะ” จารุภาว่าด้วยเสียงจริงจัง “เราอาจจะคบกันเป็นเพื่อนได้ เป็นคนรู้จักกันได้…แต่มากกว่านั้น จ้าว่า…คงไม่สามารถ”

    “อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณไม่สามารถล่ะ” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเข้ม

    “คุณเป็นใครคะ แล้วจ้าเป็นใคร คนที่ตอบคำถามนี้ได้คือสังคมค่ะ” หญิงสาวบอกเรียบ ๆ “จ้าเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ การศึกษาก็งั้น ๆ เรื่องฐานะคงไม่ต้องพูดถึง ถ้าจ้าเป็นนางเอกนิยายน้ำเน่าที่ร่ำรวยล้นฟ้าแล้วมาทำงานเสิร์ฟเพียงเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตก็ว่าไปอย่าง…แต่นี่คือเรื่องจริง เรื่องจริงที่คุณเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จ้าเป็นเพียงผู้หญิงจน ๆ ไร้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่งที่บังเอิญจับพลัดจับผลูได้รู้จักกับคุณ ซึ่งเป็นถึงเจ้าของธุรกิจร้อยล้านพันล้าน ฐานะ หน้าที่การงาน ต่างกันราวฟ้ากับเหว ถ้าเกิดว่าคุณคบกับจ้าเกินกว่าที่เป็นอยู่ คุณรับได้เหรอคะที่จะบอกใคร ๆ ในสังคมของคุณว่า คนที่คุณคบอยู่เป็นเพียงลูกจ้างร้านอาหารกระจอก ๆ ที่บางทีเงินเดือนไม่ได้มากกว่าเงินเดือนของยามบริษัทคุณด้วยซ้ำ” หญิงสาวอธิบายยืดยาว

    “ผมไม่แคร์ !” ชายหนุ่มตะโกนก้องสวน “ผมไม่รับฟังคำอธิบายของคุณหรอกจ้า…สังคมบ้าบอที่มีแต่หน้ากาก สมควรแคร์นักหรือที่ผมจะแคร์ ระหว่างสังคมน้ำเน่านั่น กับหัวใจผมเอง ผมเลือกอย่างหลัง เพราะผมคงไม่สามารถอยู่ในสังคมนั้นได้ ถ้าไม่มีหัวใจ” กรวีร์บอกอย่างดื้อดึง หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา

    “คุณวีร์คะ…จ้าเป็นเพียงแค่ ผู้หญิงธรรมดาที่ผ่านเข้ามาในช่วงเบื่อโลกหน้ากากของคุณเท่านั้นเอง…วันหนึ่งข้างหน้าคุณอาจจะนึกดีใจด้วยซ้ำ ที่ไม่ได้สานต่อความรู้สึกมากกว่าที่เป็นอยู่” หญิงสาวบอกยิ้ม ๆ

    “คุณตัดรอนผมทุกทางเลยนะจ้า…หรือว่าที่คุณพล่ามมาทั้งหมดเป็นเพราะคุณมีใครอยู่แล้ว” ชายหนุ่มถามกลับเสียงแผ่ว จารุภาหัวเราะเฝื่อน ๆ

    “จ้าไม่ได้ตัดรอนคุณนะคะ จ้าแค่อธิบายเหตุผล …เหตุผลที่คุณเองปฏิเสธไม่ได้ซะด้วยสิ…” หญิงสาวบอกเรียบ ๆ

    “ไม่จริงหรอก ที่คุณตัดรอนผม เพราะคุณมีใครอยู่แล้วใช่มั้ยจ้า…คุณแค่อยากมาคบกับผมเพียงเพราะผมหล่อ ผมรวยใช่มั้ย” ชายหนุ่มเริ่มเสียงเครียด จารุภามองอาการปักใจเชื่อของอีกฝ่ายแล้วได้แต่ถอนใจ ความคิดบางอย่างวาบเข้ามา…ลองใช้กลยุทธ์ที่เคยเห็นในนิยายน้ำเน่าสักตั้งสิ

    “ก็…ถ้าคุณเข้าใจทุกอย่างดีแล้วนี่คะ แล้วจะมาเซ้าซี้จ้าทำไม” หญิงสาวตีขลุม แสร้งทำสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะรู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้า

    กรวีร์มีสีหน้าผิดหวังอย่างรุนแรง ดวงตาแสดงความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด มือที่จับแขนหล่อนตกลงข้างตัวเหมือนหมดแรง ไหล่ลู่ตกตามแรงโน้มถ่วงของแขนที่ทิ้งลง

    “มิน่า…มิน่า…” ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว จารุภาขยับเข้าไปหมายจะปลอบ แต่ชายหนุ่มกระถดร่างหนีทันที

    “อย่า…อย่าเข้ามา ผมรู้แล้วจ้า มิน่า…คุณถึงไม่ยอมให้ผมเข้าไปส่งถึงห้อง ไม่ยอมให้ผมไปส่งเข้าซอย เพราะเขาใช่ไหม คุณมีเขาอยู่แล้ว ทำไมละจ้า…คุณหลอกผม ทำเหมือนกับว่าคุณว่าง ไม่ได้คบใครอยู่เพราะอะไร…คุณเห็นว่าผมแค่คิดกับคุณเล่น ๆ ใช่ไหม…ขอโทษนะ ที่ผมจะบอกว่าผมจริงจัง…จริงจังทุกการกระทำ” ชายหนุ่มเน้นเสียง

    “แต่มันคงไร้ค่าสิใช่ไหม…เอาล่ะ…อย่างน้อยก็ขอบคุณนะที่อุตส่าห์บอกให้ผมได้รู้ก่อนจะถลำลึกกว่านี้…ผมจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคุณอีก…สำหรับที่ผ่านมา ถือแค่ว่าเราแค่คนเคยเดินสวนกันก็แล้วกัน” ชายหนุ่มว่า ก่อนจะเดินจากไปด้วยความเร็วที่หญิงสาวเองก็ห้ามไม่ทัน

    จารุภาได้แต่ยกมือค้าง เสียงร้องที่เตรียมเรียกชายหนุ่มไว้ติดค้างอยู่เพียงปลายลิ้นเมื่อชายหนุ่มลับตาไปแล้ว…หญิงสาวลดมือลงก่อนที่หยดน้ำตาจะรินไหลให้กับความจริงที่แสนจะเจ็บปวด หัวใจหล่อนปวดแปลบ …ด้วยคมมีดที่หล่อนลงมือกรีดด้วยตัวเอง !

    -_-,

    บริเวณสวนหย่อมของมหาวิทยาลัยในช่วงพักเที่ยง มักจะมีนักศึกษาจับกลุ่มกันนั่งตามม้าหินอ่อนที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้เสมอ และม้านั่งมุมอับสายตามักจะเป็นที่นั่งประจำของนาราซึ่งหล่อนใช้เป็นมุมโปรด กับหนังสือเล่มหนาในมือประจำ

    เสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังเคลื่อนมา เรียกความสนใจให้นาราเงยหน้าจากตำราเศรษฐศาสตร์เล่มหนาขึ้นมองอย่างสนใจ…และเป็นอย่างที่หล่อนคาดไว้ไม่มีผิด ที่มาของเสียงกรี๊ดจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่รุ่นพี่สุดหล่อ เดือนมหาลัยอย่าง ชเล กิตกร ผู้ชายที่เป็นที่ใฝ่ฝันของหญิงทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงธรรมดาไปทุกจุดอย่างนาราก็เถอะนะ…

    ก็จะไม่ให้หล่อนปลื้มยังไงไหว ยังจำได้หรอกนะว่า วันแรกที่หล่อนกับเขาพบกันเกิดขึ้นได้ยังไง วันนั้นนาราออกจากห้องสมุดด้วยความปลื้มเปรม เพราะได้หนังสือที่เฝ้าจองไว้นั่นคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 5 หล่อนกะว่าจะรีบกลับไปอ่านให้หนำใจสมกับที่รอคอยมานาน ความดีใจทำให้เท้าที่หล่อนซอยยิก ๆ ลงบันไดพลาดในขั้นสุดท้าย

    มีเสียงวี้ดว้ายของนักศึกษาหญิงหลายคนที่มองมาเห็นตอนที่นารากำลังกางปีก กลายร่างเป็นหมูบิน แม้แต่นาราเองก็เถอะ หล่อนหลับตาปี๋เพราะมั่นใจว่าหน้าหมู ๆ ของหล่อนจะต้องหล่นกระแทกพื้นเป็นแน่แท้…แต่ผ่านไปหลายวินาที หน้าหล่อนก็ไม่ได้สัมผัสกับปูนกระด้างสักที ด้วยความสงสัย นาราค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมองทีละน้อย ก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ในท่าโน้มตัวผิดธรรมชาติอย่างที่นักมายากลทำ…เอ…หรือว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์มาช่วยหว่า

    “นี่น้อง…พี่หนักนะครับขอบอก” เสียงห้าว ๆ ไม่คุ้นหูดังขึ้นจากเบื้องหลังนั่นแหละ นาราถึงได้รู้ว่า หล่อนอยู่ในท่าประหลาดนั้นได้ยังไง

    ผู้ชายตัวสูง หน้าตาคมคายผมยาวระต้นคอที่ยุ่งเหยิง บวกกับผิวขาวจัดที่กำลังใช้สองมือดึงเสื้อนักศึกษาของนาราอย่างเต็มแรงนั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคผู้ใหญ่กระโดดออกมาจากหนังสือยังไงยังงั้น หล่อนรีบเด้งตัวขึ้นให้อยู่ในท่าปกติทันที ก่อนจะหันสีหน้าตื่นตระหนกไปทางแฮร์รี่ พอตเตอร์ตัวโต

    “เอ่อ…ขอบคุณค่ะพี่” นาราบอกเบา ๆ หลังจากหายตกใจ มองชายหนุ่มตัวสูงที่กำลังปาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่กำลังผุดพรายอยู่บนหน้าผากอย่างเกรงใจ

    “ไม่เป็นไรน้อง…ยังดีนะเนี่ยที่ไม่ดึงพี่ให้ตกลงไปด้วย” เขาว่าติดตลก “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว งั้นพี่ไปก่อนนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างเป็นกันเองพร้อมกับส่งยิ้มน้อย ๆ มาเป็นของกำนัล นาราตาพร่าด้วยรอยยิ้มนั้น…ให้ตายเหอะ…ทำไมยิ้มของเขาช่างดูมีเสน่ห์ เหมือนกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตเลยนะ ก่อนที่นาราจะทันขอบคุณเขาอีกรอบหลังจากตาพร่าเพราะรอยยิ้มสวย ๆ นั้น หล่อนก็มองไม่เห็นชายหนุ่มคนนั้นเสียแล้ว…หญิงสาวได้แต่ถอนใจอย่างเสียดาย ก่อนจะก้มลงเก็บหนังสือหงอย ๆ

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นารามักจะเดินสอดส่ายสายตาอยู่เป็นนิจเพื่อมองหาร่างสูง ๆ ขาว ๆ หน้าตาหล่อบาดจิตของรุ่นพี่ที่หน้าเหมือนแฮร์รี่ แต่ยิ้มเหมือนกิลเดอรอยคนนั้น …และหล่อนก็หาไม่ยากเสียด้วย

    ชเล กิตกร คือชื่อของเขา เดือนคณะที่สมบูรณ์พร้อม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา(ของแหง) ฐานะที่ร่ำรวยล้นหัว(ของนารา) และนิสัยใจคอซึ่งดูได้จากการไม่ขาดเพื่อนข้างกายไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงเลยสักขณะจิต นาราได้แต่เฝ้ามองดูเขาอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเดินผ่าน …สุดท้ายหล่อนก็ค้นพบมุมสงบที่สามารถมองเป้าหมายได้ โดยไม่ถูกสงสัย แถมเป็นมุมที่ใคร ๆ ต่างก็ไม่ชอบนั่งเสียด้วย…เข้าล้อก(คนโรคจิต)เป๊ะ….

    จากคุณ : แก้วชิงดวง - [ 8 ก.ค. 48 16:06:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป