CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ***ลำนำรักของไลลา บทที่๕ ตอน...คำสารภาพจากผู้ชายสารเลว***

    ตอน…คำสารภาพจากผู้ชายสารเลว


    ก๊อก..ๆ..ๆ..
    เสียงเคาะประตูดังรัวเร็ว และถูกเปิดออกในวินาทีต่อมา ตามด้วยร่างสูงของตฤณที่ก้าวเข้ามานั่งแหมะบนเตียงผม พร้อมกับเสื้อผ้าของมันที่หอบติดมือมา 2-3ชุด

    ผมเดาได้ทันทีว่า มันคงหนีออกจากบ้านอีกแล้ว
    ความจริงก็ไม่เชิงเรียกว่าหนีหรอก แค่มันถือเสื้อผ้าของมันเดินมาบ้านผม ซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของมันประมาณ สองร้องเมตรเท่านั้น

    ครับ! บ้านมันต้องเรียกว่าคฤหาสน์น่ะถูกต้องแล้ว เพราะหลังใหญ่มากกกกก….พ่อมันเป็น  นักการเมือง ส่วนแม่ก็เป็นถึงนักธุรกิจข้ามชาติ  เดือนๆมันจะเห็นหน้าพ่อแม่แค่อาทิตย์ละครั้งหรือไม่ก็เดือนละครั้งไปเลย ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ

    ไอ้ตฤณเลยมาขลุกอยู่แต่กับผมตั้งแต่เด็กยันโต วันดีคืนดีก็มาแย่งที่นอนผม…มาแย่งแม่ผมไปกอดเป็นว่าเล่น  เย็นวันอาทิตย์ก็มานั่งโขกหมากรุกกับพ่อผมเป็นประจำ …ส่วนผมซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน…กลายเป็นหมาหัวเน่าไปโดยปริยาย!

    หลายคนจะมองว่าตฤณเป็นบุคคลอันตรายไม่น่าคบหา เพราะมีเรื่องชกต่อยกับชาวบ้านเขาไปทั่ว มีผู้หญิงเข้ามาวนเวียนในชีวิตไม่เคยขาด แถมมีเรื่องยาพ่วงเข้ามาอีก ทำให้หลายคนหลีกหนี…แต่พฤติกรรมเหล่านั้นของตฤณเริ่มเบาบางลงแล้วตามวัย จะเหลือเพียงเรื่องผู้หญิงเท่านั้นที่ยังคงผลัดเปลี่ยนเข้ามาในชีวิตมันเรื่อยๆ และคงแก้ไขอะไรไม่ได้  เหตุเพราะหน้าตาบวกชาติตระกูลของมันเป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี

    แต่สำหรับผมซึ่งเป็นเพื่อนของมันตั้งแต่จำความได้  ผมว่าตฤณไม่ใช่บุคคลอันตรายอะไรเลยมันไม่เคยรังแกเด็กและผู้หญิงหรือคนที่อ่อนแอกว่า และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แถมเป็นคนรักพวกพ้องด้วย ( ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มันคบด้วยความจริงใจ )…เพียงแต่ อย่าไปสะกิดตาปลามันเป็นอันขาด ไม่งั้น…หยึ๋ย!


    “ คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ? ” ผมถามด้วยความอยากรู้ถึงสาเหตุที่มันหอบเสื้อผ้ามาบ้านผม
    “ ทำผู้หญิงท้อง ” มันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมถึงกับอ้าปากหวอเชียวล่ะ
    “ เฮ้ย! แล้วนายทำไงล่ะ ”
    มันยักไหล่ “ จะทำไง ข้าก็บอกให้ไปแจ้งความเอาเอง ข้าไม่รับหรอก…แต่ยัยนั่นกลับไปฟ้องพ่อข้า แถมขู่จะฟ้องพวกนักข่าวอีก ”
    “ แบบนี้มันแบล็กเมล์นี่หว่า  แล้วพ่อนายเชื่อมั๊ย ”
    “ ฮึ! พ่อเชื่อยัยนั่นมากกว่าข้าซะอีก…รีบให้เงินยัยนั่นไปเอาเด็กออกเฉยเลย ”
    “ อึ๋ย!…” ผมหน้าเหย เมื่อนึกถึงการทำแท้ง
    “ บ้าน่า…ข้าไม่ได้ทำยัยนั่นท้องซะหน่อย ” มันทำเสียงดุใส่ผม ก่อนจะอธิบายเพิ่ม ” ข้าเลิกยุ่งกับยัยนั่นตั้งหลายเดือนแล้ว…อีกอย่าง ข้าก็ป้องกันทุกครั้งเวลานอนกับผู้หญิงเว้ย ”
    “ เหรอ…”
    “ เออ…ฮึ! ตอนทับล่ะไม่ร้อง พอท้องขึ้นมาเสือกแหกปากจะให้รับ…มันน่าจับไปขายอิรักซะให้เข็ด ”

    มันบ่นและลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตออกอย่างฉุนๆ ตามด้วยวัตถุสีดำมะเลื่อมโยนบนเตียง ก่อนจะเดินมายืนกอดอกพิงกรอบหน้าต่างที่เปิดอ้ารับสายลมเย็น…สายตาทั้งคู่มองเลยไปยังบ้านข้างๆที่เป็นหน้าต่างกระจก ผ้าม่านสีขาวถูกเปิดกว้าง ทำให้เห็นการสนทนาและกิจกรรมที่เจ้าของห้องกำลังเฮฮากับเพื่อนชายหญิงในวัยเดียวกันได้ชัดเจน

    แต่สายตาของผมกำลังจับจ้องกับเจ้าวัตถุสีดำที่สงบนิ่งอยู่บนเตียงอย่างขลาดๆ
    ครับ…มันคือปืน
    อ้อ! ผมลืมบอกไปว่า ตอนนี้ไอ้ตฤณเป็นตำรวจครับ ซึ่งดูจากนิสัยของมันแล้ว ไม่น่าเป็นตำรวจได้เลย…ผมเคยถามมันอยู่เหมือนกันถึงสาเหตุที่มันเลือกเป็นตำรวจ
    “ จะได้ยิงไอ้พวกกวนโอ้ย  โดยไม่ผิดกฎหมายไง ”
    นั่นละครับ! คือคำตอบของตำรวจไทย…ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าตำรวจคิดอย่างไอ้ตฤณหมด อนาคตประเทศชาติจะเป็นยังไงเนี่ย!


    และความคิดทั้งหมดของผมเป็นอันต้องยุติ เมื่อเห็นไอ้ตฤณหันกลับมาและคว้ายางลบที่ทับบนกระดาษพิมพ์เขียวบนโต๊ะทำงานผมขว้างไปที่กระจกบ้านข้างๆเต็มแรง…ซึ่งเป็นห้องของน้องแอ้ เด็กสาวผู้ไว้ผมเปียตั้งแต่เด็กยันโต


    ครู่เดียว…น้องแอ้ก็เลื่อนกระจกหน้าต่างออกมาโวยใส่ไอ้ตฤณเป็นชุด โดยมีเพื่อนๆชูคอมองกันหน้าสลอนอยู่ข้างหลัง
    “ เรื่องอะไรมาปากระจกบ้านเค้า…ถือว่าเป็นตำรวจแล้วจะมาทำกร่างกับประชาชนเร๊อะ ”
    “ ก็เธอส่งเสียงดังรบกวนฉันนี่นา ”
    ไอ้ตฤณกอดอกพูดหน้าตาเฉย ส่วนผมได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก…เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรดังเล็ดลอดมาจากห้องน้องแอ้ซัก เดซิเบล เดียว
    “ พี่ตฤณน่ะหาเรื่อง  พี่โยนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วไม่เห็นจะว่าอะไรซักคำ ”
    “ ใครหาเรื่อง…พูดให้ดีๆนะ ยัยลิงหางเปีย! ”
    น้องแอ้กำหมัดทั้งสองข้างแน่น ก่อนจะชี้หน้าอาฆาต
    “ อี๋…ไอ้พี่ตฤณบ้า! อยู่ตรงนั้นก่อนนะ…ฮึ่ม! ”
    แล้วก็เดินออกจากห้องจ้ำพรวดๆตรงมาบ้านผมทันที


    ครู่เดียว…เสียงแจ๋วๆของน้องแอ้ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
    “ คุณน้าขา…ขอหนูขึ้นไปบนห้องพี่โยหน่อยนะคะ ”
    ผมไม่ได้ยินว่าแม่ตอบว่าอะไร…แต่ที่แน่ๆตอนนี้มีเสียงเคาะประตูดังรัวอยู่หน้าห้องผมตามด้วยเสียงน้องแอ้
    “ พี่โย…แอ้เข้าไปนะ ” แล้วก็เปิดผัวะ โดยที่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยอนุญาติ

    น้องแอ้พาร่างอวบอิ่มตรงรี่เข้ามาประจันหน้ากับตฤณทันที
    “ เมื่อกี้หมายความว่าไง ใครเป็นยัยลิงหางเปีย ”
    “ อ้าว ก็เธอไง…เห็นเต้นแร้งเต้นกากันอยู่ไม่ใช่เรอะ ”
    “ คนบ้า! เค้าเรียกว่าเต้นว๊อลซ์ต่างหากเล่า ไม่ได้เต้นแร้งเต้นกาซักหน่อย ” แล้วก็หันมากะเง้ากะงอดใส่ผม  “ ทำไมพี่โยถึงคบเพื่อนนิสัยเสียแบบนี้อยู่อีกล่ะ เป็นแอ้นะ  แอ้เลิกคบไปนานแล้ว ”
    “ เอ๋า! ไหงมาลงที่พี่ล่ะ…เอ้! แล้วใครกันนะที่อ้อนขี่หลังไอ้ตฤณเป็นประจำน่ะ ”
    น้องแอ้หน้าแดงง้ำขึ้นทันตา แล้วก็ตีแขนผมด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้
    “ พี่โยน่ะ! นั่นมันตอนเด็กๆหรอกนะ…ไปกินขนมกับคุณน้าดีกว่า ” พูดจบก็สะบัดก้นไปเลย
    “ อะไรวะ!? ”  ผมส่ายหน้าแล้วก็ชำเลืองมองเพื่อนที่ยังคงยืนยิ้มไม่หาย
    “ หมู่นี่น้องแอ้สวยขึ้นนะ…นายว่ามั๊ย ” ผมพูดคล้ายขอความเห็น มันหุบยิ้มฉับ เบ้ปากทันที
    “ ยัยนี่นะสวย…หน้าจืดยังกะเส้นหมี่ตากแห้งยังไงยังงั้น ”
    เนี่ย!…เพราะไอ้ปากแบบนี้ของมัน ชาตินี้คงไม่มีทางได้ลงเอยกับน้องแอ้หรอก
    ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วก็หันมาสนใจกับแปลนบ้านของลูกค้าต่อ




    ชีวิตผมคงจะสุขสงบ หากว่าไม่ได้ยินประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากของแม่บังเกิดเกล้าในวันหนึ่งซะก่อน
    “ โย…แม่ปรึกษากับพ่อแล้วนะว่าจะขอหนูแอ้มาเป็นลูกสะใภ้ แต่ตอนนี้จะหมั้นกันไว้ก่อน   แล้วจะให้แต่งทันทีที่หนูแอ้เรียนจบ…แหม! สถาปนิกหนุ่มกับคุณหมอสาว มันช่างเหมาะสมกันจริง…จริ๊ง”
    แม่ทำท่าดีใจสุดฤทธิ์แล้วก็กระดี๊กระด๊าเดินเข้าครัว ทิ้งให้ลูกชายอย่างผมยืนเหวอเพียงลำพัง
    พ่อกับแม่ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!


    อย่างว่าล่ะครับ จะโทษพวกท่านทั้งสองก็ไม่ได้ ในเมื่อผมอายุเกือบจะสามสิบแล้ว แต่ยังไม่มี  แฟน มันอาจทำให้พวกท่านไขว้เขวคิดว่าลูกชายไม่มีปัญญาจีบหญิง หรือ ติดพฤติกรรมยอดฮิตที่ผู้ชายยุคนี้ชอบเป็นกัน คือพวกเบี่ยงเบนทางเพศ หรือเรียกง่ายๆว่า “ เกย์ ” นั่นล่ะครับ

    แต่ความจริง ผมมีคนรักอยู่แล้ว และมีโครงการณ์จะแต่งงานกันแน่นอน หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาโทกลับมาจากอเมริกา เพียงแต่ผมไม่เคยบอกพ่อกับแม่เท่านั้น…เพราะเขินครับ ผมจึงปิดเงียบมาตลอด
    แล้วคนรักผมก็เป็นประเภทหญิงไทยที่ถือคติประจำใจว่า “ เสียทองท่วมหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ” ซะด้วย หากผมไปหมั้นน้องแอ้ แล้วเธอเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะก้อ  มีหวังผมกลายเป็นขันทีแน่ๆ
    ผมจึงรีบแจ้นไปบอกแม่ทันที ว่าผมมีคนรักแล้ว…



    “ ตอแหล! ”
    นั่นล่ะครับ…คือคำพูดของแม่ที่กระแทกใส่หน้าผมเต็มๆ แล้วก็ไล่ผมออกไปให้พ้นครัว ซึ่งเป็นอาณาเขตอันศักดิ์สิทธิ์ของแม่แต่เพียงผู้เดียว
    ผมจึงเดินคอตกออกจากบ้านไปหาไอ้ตฤณแทน หวังพึ่งมันเต็มที่
    “ แล้วนายมาบอกข้าทำไม ”
    มันพูดเหมือนตัดเยื่อใยยังไงยังงั้น สร้างความผิดหวังให้ผมไม่น้อย
    “ ก็นายชอบน้องแอ้นี่… ”
    “ ข้าพูดหลายครั้งแล้วนะ  ว่าไม่เคยชอบยัยนั่น ” ไอ้ตฤณยังคงยืนยันหนักแน่น
    บอกตรงๆ ตอนนี้ผมอยากชกหน้ามันชะมัด ไม่รู้จะปากแข็งไปถึงไหน ( แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลัวมันสวนเอา ) จึงได้แต่เก็บความหงุดหงิด งุ่นง่านเดินออกจากบ้านมันกลับบ้านผมในที่สุด…แต่ระหว่างทางผมแวะซื้อยาแก้ปวดหัวกับยาอย่างอื่นติดมือมาด้วย

    จากคุณ : มาดาม เค - [ 8 ก.ค. 48 17:33:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป