ตอน
คำสารภาพจากผู้ชายสารเลว
ก๊อก..ๆ..ๆ..
เสียงเคาะประตูดังรัวเร็ว และถูกเปิดออกในวินาทีต่อมา ตามด้วยร่างสูงของตฤณที่ก้าวเข้ามานั่งแหมะบนเตียงผม พร้อมกับเสื้อผ้าของมันที่หอบติดมือมา 2-3ชุด
ผมเดาได้ทันทีว่า มันคงหนีออกจากบ้านอีกแล้ว
ความจริงก็ไม่เชิงเรียกว่าหนีหรอก แค่มันถือเสื้อผ้าของมันเดินมาบ้านผม ซึ่งอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของมันประมาณ สองร้องเมตรเท่านั้น
ครับ! บ้านมันต้องเรียกว่าคฤหาสน์น่ะถูกต้องแล้ว เพราะหลังใหญ่มากกกกก
.พ่อมันเป็น นักการเมือง ส่วนแม่ก็เป็นถึงนักธุรกิจข้ามชาติ เดือนๆมันจะเห็นหน้าพ่อแม่แค่อาทิตย์ละครั้งหรือไม่ก็เดือนละครั้งไปเลย ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ
ไอ้ตฤณเลยมาขลุกอยู่แต่กับผมตั้งแต่เด็กยันโต วันดีคืนดีก็มาแย่งที่นอนผม
มาแย่งแม่ผมไปกอดเป็นว่าเล่น เย็นวันอาทิตย์ก็มานั่งโขกหมากรุกกับพ่อผมเป็นประจำ
ส่วนผมซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน
กลายเป็นหมาหัวเน่าไปโดยปริยาย!
หลายคนจะมองว่าตฤณเป็นบุคคลอันตรายไม่น่าคบหา เพราะมีเรื่องชกต่อยกับชาวบ้านเขาไปทั่ว มีผู้หญิงเข้ามาวนเวียนในชีวิตไม่เคยขาด แถมมีเรื่องยาพ่วงเข้ามาอีก ทำให้หลายคนหลีกหนี
แต่พฤติกรรมเหล่านั้นของตฤณเริ่มเบาบางลงแล้วตามวัย จะเหลือเพียงเรื่องผู้หญิงเท่านั้นที่ยังคงผลัดเปลี่ยนเข้ามาในชีวิตมันเรื่อยๆ และคงแก้ไขอะไรไม่ได้ เหตุเพราะหน้าตาบวกชาติตระกูลของมันเป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
แต่สำหรับผมซึ่งเป็นเพื่อนของมันตั้งแต่จำความได้ ผมว่าตฤณไม่ใช่บุคคลอันตรายอะไรเลยมันไม่เคยรังแกเด็กและผู้หญิงหรือคนที่อ่อนแอกว่า และไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แถมเป็นคนรักพวกพ้องด้วย ( ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มันคบด้วยความจริงใจ )
เพียงแต่ อย่าไปสะกิดตาปลามันเป็นอันขาด ไม่งั้น
หยึ๋ย!
คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ? ผมถามด้วยความอยากรู้ถึงสาเหตุที่มันหอบเสื้อผ้ามาบ้านผม
ทำผู้หญิงท้อง มันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ผมถึงกับอ้าปากหวอเชียวล่ะ
เฮ้ย! แล้วนายทำไงล่ะ
มันยักไหล่ จะทำไง ข้าก็บอกให้ไปแจ้งความเอาเอง ข้าไม่รับหรอก
แต่ยัยนั่นกลับไปฟ้องพ่อข้า แถมขู่จะฟ้องพวกนักข่าวอีก
แบบนี้มันแบล็กเมล์นี่หว่า แล้วพ่อนายเชื่อมั๊ย
ฮึ! พ่อเชื่อยัยนั่นมากกว่าข้าซะอีก
รีบให้เงินยัยนั่นไปเอาเด็กออกเฉยเลย
อึ๋ย!
ผมหน้าเหย เมื่อนึกถึงการทำแท้ง
บ้าน่า
ข้าไม่ได้ทำยัยนั่นท้องซะหน่อย มันทำเสียงดุใส่ผม ก่อนจะอธิบายเพิ่ม ข้าเลิกยุ่งกับยัยนั่นตั้งหลายเดือนแล้ว
อีกอย่าง ข้าก็ป้องกันทุกครั้งเวลานอนกับผู้หญิงเว้ย
เหรอ
เออ
ฮึ! ตอนทับล่ะไม่ร้อง พอท้องขึ้นมาเสือกแหกปากจะให้รับ
มันน่าจับไปขายอิรักซะให้เข็ด
มันบ่นและลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตออกอย่างฉุนๆ ตามด้วยวัตถุสีดำมะเลื่อมโยนบนเตียง ก่อนจะเดินมายืนกอดอกพิงกรอบหน้าต่างที่เปิดอ้ารับสายลมเย็น
สายตาทั้งคู่มองเลยไปยังบ้านข้างๆที่เป็นหน้าต่างกระจก ผ้าม่านสีขาวถูกเปิดกว้าง ทำให้เห็นการสนทนาและกิจกรรมที่เจ้าของห้องกำลังเฮฮากับเพื่อนชายหญิงในวัยเดียวกันได้ชัดเจน
แต่สายตาของผมกำลังจับจ้องกับเจ้าวัตถุสีดำที่สงบนิ่งอยู่บนเตียงอย่างขลาดๆ
ครับ
มันคือปืน
อ้อ! ผมลืมบอกไปว่า ตอนนี้ไอ้ตฤณเป็นตำรวจครับ ซึ่งดูจากนิสัยของมันแล้ว ไม่น่าเป็นตำรวจได้เลย
ผมเคยถามมันอยู่เหมือนกันถึงสาเหตุที่มันเลือกเป็นตำรวจ
จะได้ยิงไอ้พวกกวนโอ้ย โดยไม่ผิดกฎหมายไง
นั่นละครับ! คือคำตอบของตำรวจไทย
ผมไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าตำรวจคิดอย่างไอ้ตฤณหมด อนาคตประเทศชาติจะเป็นยังไงเนี่ย!
และความคิดทั้งหมดของผมเป็นอันต้องยุติ เมื่อเห็นไอ้ตฤณหันกลับมาและคว้ายางลบที่ทับบนกระดาษพิมพ์เขียวบนโต๊ะทำงานผมขว้างไปที่กระจกบ้านข้างๆเต็มแรง
ซึ่งเป็นห้องของน้องแอ้ เด็กสาวผู้ไว้ผมเปียตั้งแต่เด็กยันโต
ครู่เดียว
น้องแอ้ก็เลื่อนกระจกหน้าต่างออกมาโวยใส่ไอ้ตฤณเป็นชุด โดยมีเพื่อนๆชูคอมองกันหน้าสลอนอยู่ข้างหลัง
เรื่องอะไรมาปากระจกบ้านเค้า
ถือว่าเป็นตำรวจแล้วจะมาทำกร่างกับประชาชนเร๊อะ
ก็เธอส่งเสียงดังรบกวนฉันนี่นา
ไอ้ตฤณกอดอกพูดหน้าตาเฉย ส่วนผมได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก
เพราะไม่ได้ยินเสียงอะไรดังเล็ดลอดมาจากห้องน้องแอ้ซัก เดซิเบล เดียว
พี่ตฤณน่ะหาเรื่อง พี่โยนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วไม่เห็นจะว่าอะไรซักคำ
ใครหาเรื่อง
พูดให้ดีๆนะ ยัยลิงหางเปีย!
น้องแอ้กำหมัดทั้งสองข้างแน่น ก่อนจะชี้หน้าอาฆาต
อี๋
ไอ้พี่ตฤณบ้า! อยู่ตรงนั้นก่อนนะ
ฮึ่ม!
แล้วก็เดินออกจากห้องจ้ำพรวดๆตรงมาบ้านผมทันที
ครู่เดียว
เสียงแจ๋วๆของน้องแอ้ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
คุณน้าขา
ขอหนูขึ้นไปบนห้องพี่โยหน่อยนะคะ
ผมไม่ได้ยินว่าแม่ตอบว่าอะไร
แต่ที่แน่ๆตอนนี้มีเสียงเคาะประตูดังรัวอยู่หน้าห้องผมตามด้วยเสียงน้องแอ้
พี่โย
แอ้เข้าไปนะ แล้วก็เปิดผัวะ โดยที่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยอนุญาติ
น้องแอ้พาร่างอวบอิ่มตรงรี่เข้ามาประจันหน้ากับตฤณทันที
เมื่อกี้หมายความว่าไง ใครเป็นยัยลิงหางเปีย
อ้าว ก็เธอไง
เห็นเต้นแร้งเต้นกากันอยู่ไม่ใช่เรอะ
คนบ้า! เค้าเรียกว่าเต้นว๊อลซ์ต่างหากเล่า ไม่ได้เต้นแร้งเต้นกาซักหน่อย แล้วก็หันมากะเง้ากะงอดใส่ผม ทำไมพี่โยถึงคบเพื่อนนิสัยเสียแบบนี้อยู่อีกล่ะ เป็นแอ้นะ แอ้เลิกคบไปนานแล้ว
เอ๋า! ไหงมาลงที่พี่ล่ะ
เอ้! แล้วใครกันนะที่อ้อนขี่หลังไอ้ตฤณเป็นประจำน่ะ
น้องแอ้หน้าแดงง้ำขึ้นทันตา แล้วก็ตีแขนผมด้วยสาเหตุใดก็ไม่ทราบได้
พี่โยน่ะ! นั่นมันตอนเด็กๆหรอกนะ
ไปกินขนมกับคุณน้าดีกว่า พูดจบก็สะบัดก้นไปเลย
อะไรวะ!? ผมส่ายหน้าแล้วก็ชำเลืองมองเพื่อนที่ยังคงยืนยิ้มไม่หาย
หมู่นี่น้องแอ้สวยขึ้นนะ
นายว่ามั๊ย ผมพูดคล้ายขอความเห็น มันหุบยิ้มฉับ เบ้ปากทันที
ยัยนี่นะสวย
หน้าจืดยังกะเส้นหมี่ตากแห้งยังไงยังงั้น
เนี่ย!
เพราะไอ้ปากแบบนี้ของมัน ชาตินี้คงไม่มีทางได้ลงเอยกับน้องแอ้หรอก
ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา แล้วก็หันมาสนใจกับแปลนบ้านของลูกค้าต่อ
ชีวิตผมคงจะสุขสงบ หากว่าไม่ได้ยินประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากของแม่บังเกิดเกล้าในวันหนึ่งซะก่อน
โย
แม่ปรึกษากับพ่อแล้วนะว่าจะขอหนูแอ้มาเป็นลูกสะใภ้ แต่ตอนนี้จะหมั้นกันไว้ก่อน แล้วจะให้แต่งทันทีที่หนูแอ้เรียนจบ
แหม! สถาปนิกหนุ่มกับคุณหมอสาว มันช่างเหมาะสมกันจริง
จริ๊ง
แม่ทำท่าดีใจสุดฤทธิ์แล้วก็กระดี๊กระด๊าเดินเข้าครัว ทิ้งให้ลูกชายอย่างผมยืนเหวอเพียงลำพัง
พ่อกับแม่ทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง!
อย่างว่าล่ะครับ จะโทษพวกท่านทั้งสองก็ไม่ได้ ในเมื่อผมอายุเกือบจะสามสิบแล้ว แต่ยังไม่มี แฟน มันอาจทำให้พวกท่านไขว้เขวคิดว่าลูกชายไม่มีปัญญาจีบหญิง หรือ ติดพฤติกรรมยอดฮิตที่ผู้ชายยุคนี้ชอบเป็นกัน คือพวกเบี่ยงเบนทางเพศ หรือเรียกง่ายๆว่า เกย์ นั่นล่ะครับ
แต่ความจริง ผมมีคนรักอยู่แล้ว และมีโครงการณ์จะแต่งงานกันแน่นอน หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาโทกลับมาจากอเมริกา เพียงแต่ผมไม่เคยบอกพ่อกับแม่เท่านั้น
เพราะเขินครับ ผมจึงปิดเงียบมาตลอด
แล้วคนรักผมก็เป็นประเภทหญิงไทยที่ถือคติประจำใจว่า เสียทองท่วมหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ซะด้วย หากผมไปหมั้นน้องแอ้ แล้วเธอเกิดรู้เรื่องนี้ขึ้นมาล่ะก้อ มีหวังผมกลายเป็นขันทีแน่ๆ
ผมจึงรีบแจ้นไปบอกแม่ทันที ว่าผมมีคนรักแล้ว
ตอแหล!
นั่นล่ะครับ
คือคำพูดของแม่ที่กระแทกใส่หน้าผมเต็มๆ แล้วก็ไล่ผมออกไปให้พ้นครัว ซึ่งเป็นอาณาเขตอันศักดิ์สิทธิ์ของแม่แต่เพียงผู้เดียว
ผมจึงเดินคอตกออกจากบ้านไปหาไอ้ตฤณแทน หวังพึ่งมันเต็มที่
แล้วนายมาบอกข้าทำไม
มันพูดเหมือนตัดเยื่อใยยังไงยังงั้น สร้างความผิดหวังให้ผมไม่น้อย
ก็นายชอบน้องแอ้นี่
ข้าพูดหลายครั้งแล้วนะ ว่าไม่เคยชอบยัยนั่น ไอ้ตฤณยังคงยืนยันหนักแน่น
บอกตรงๆ ตอนนี้ผมอยากชกหน้ามันชะมัด ไม่รู้จะปากแข็งไปถึงไหน ( แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กลัวมันสวนเอา ) จึงได้แต่เก็บความหงุดหงิด งุ่นง่านเดินออกจากบ้านมันกลับบ้านผมในที่สุด
แต่ระหว่างทางผมแวะซื้อยาแก้ปวดหัวกับยาอย่างอื่นติดมือมาด้วย
จากคุณ :
มาดาม เค
- [
8 ก.ค. 48 17:33:16
]