CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    *+*+*เพลิงพระคงคา (บทที่๔)*+*+*(rewrite)

    ***
    ลิงค์บทที่นำ..
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2893154/W2893154.html
    ***
    บทที่๑
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2898668/W2898668.html

    บทที่๒
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3021531/W3021531.html

    บทที่๓
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3539375/W3539375.html

    ****

    บทที่๔

    เสียงขับมหามโหรี ดุริยางค์กังวานหวานแว่ว คลอเคล้าด้วยเสียงใสหัวเราะระรื่นรี่ของบรรดานางกำนัลน้อย ลอยมาจากกลางตำหนักทอง กลางสระสรงบัวบาน ทำให้สุเมธอุปราชและพระธิดาผู้ทรงโฉมสคราญแจ้งหทัยว่า เพลานี้ องค์มคธราชทรงสราญพระทัยเพียงไร..

    ทั้งที่เพลิงแห่งสงครามกำลังจักอุบัติขึ้นในอีกมิช้านี้..โดยยังมิทันที่จักทรงรู้องค์..

    “จงเร่งไปกราบทูลพระองค์เถิด ว่าข้าและธิดามาขอเข้าเฝ้า”

    สุเมธอุปราชาตรัสสั่งความสั้นแก่นางกำนัลที่ถวายงานอยู่หลังพระวิสูตร เมื่อทรงย่างพระบาทยังปลายสะพานแก้วที่ทอดข้ามมายังกลางบึงบัว ณ ด้านหน้าพระตำหนักทอง

    “เพคะ”
    นางน้อยผู้รับบัญชาเพียงทูลตอบความอย่างสำรวม ก่อนที่จักกระถดกายออกไปกราบทูลองค์มคธราชโดยพลัน

    “เสด็จพ่อ..เชิญเสด็จเถิด”

    สุรเสียงใส เฉกกังสดาลแก้ว ตรัสเอ่ยเชิญ เมื่อวิสูตรผืนบางประดับพรายเลื่อมระยับ ถูกรวบทั้งสองด้านหลีกทางให้ทั้งสองพระองค์เสด็จผ่านอย่างนอบน้อม

    วรองค์ระหงจึงรั้งพระบาทรอให้องค์พระบิดาเสด็จนำ ก่อนจักย่างพระบาทตามอย่างสง่างาม พลางทิ้งชายอาภรณ์ไหมทรงสีครามนิโลบล..ให้ระเรี่ยไปกับผืนลาดพระบาทนุ่มสีชาดฉาน..

    ระเบียงไม้รายทางเสด็จประดับเหนือเสาสลักลงลายทองอันวิจิตร ด้วยระย้าช่อชวาลารูปกลีบอุบล สลับพวงร้อยกังสดาลแก้ว ซึ่งกังวานหวานยามต้องลมรำเพยพริ้ว

    เพียงครู่ทั้งสองพระองค์ก็ทรงดำเนินถึง หน้าห้องรโหฐานด้านในซึ่งเป็นที่ประทับยามสำราญแห่งองค์มคธราช..

    “องค์มคธราชทรงกิจอันใดอยู่หรือไม่”

    สุเมธอุปราชเอ่ยโอษฐ์ถาม อนงค์น้อยนางหนึ่งที่หมอบกรานอยู่เบื้องพระบาท ด้านหน้ารโหฐานชั้นในสุด

    “พึ่งจักทรงเสด็จขึ้นจากสระสรงแล้วเมื่อครู่ เพลานี้ทรงประทับรออยู่ด้านในเพคะ”

    ครั้นทรงสดับความนั้น องค์อนุชาแห่งมคธราชจึงย่างพระบาทผ่านวิสูตรทอทองผืนบางผ่านเข้าไปยังรโหฐานชั้นในพร้อมด้วยพระธิดา..เพื่อเข้าเฝ้าองค์วาสุเทวะมคธราชา องค์ผู้ประทับเอนอิงองค์อยู่เหนืออาสนะไหมเนื้อนุ่ม

    บนพระแท่นสีงานวลฉลุลายเครือเถาละเอียด ประดับมุกเม็ดมณีพลอยพราว ซึ่งเบื้องพระบาทของพระองค์คือนางพระกำนัลน้อยรูปงามสองนาง กำลังถวายงานด้วยพัดรำแพนมยุราที่ร้อยถักด้วยไหมทอง..วาลวิชนี

    “ถวายพระพรองค์ราชะ”

    ผู้มาเข้าเฝ้าทั้งสองตรัสเอ่ยถวายบังคม..พลางจรดเนินนลาตลงแนบกับพื้นพรม อันแสดงถึงความเคารพอย่างสูงยิ่ง

    “มีเหตุอันใดจึ่งได้มาหาข้าถึงที่นี่..”

    คำตรัสถามเข้มกังวานอย่างทรงอำนาจ เคล้าด้วยเสียงสรวลเบาอย่างสำราญพระทัย ในขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรการแสดงนาฏการ ซึ่งท่วงท่าร่ายรำอ่อนช้อยนั้นรับกับทำนองของเครื่องมหาดุริยางค์อันขับลำนำ ทำให้เพลานี้ทรงเพลิดเพลินพระทัยจนแทบจักละลืมซึ่งราชกิจอื่นใด

    “ข้าและธิดาจักมากราบทูลพระองค์เรื่องที่ทรงบัญชา เมื่อกว่าราตรีที่ล่วงมาแล้ว”

    ดวงเนตรคู่เรียวรีเงยขึ้น สบสายเนตรที่ทอดมาอย่างฉงนพระทัย พลางแย้มสรวลคลี่เป็นนัยลับรู้เพียงระหว่างสองพระองค์ ก่อนที่จักทรงเอ่ยโอษฐ์ทูลตอบต่อ

    “เรื่องของนางนฤตยานาฏกร”

    เพีลงทรงสดับนามอนงค์นางนั้น พลันปรากฏประกายปรีติในสายพระเนตร ก่อนที่จักโบกพระหัตถ์บัญาให้บรรดานางกำนัลน้อยผู้ถวายความสำราญพระทัย ณ กลางเวที และมหามโหรีดุริยางค์ ยุติการร่ายรำขับกล่อมในบัดดล

    “จงว่ามา...เจ้านำนางมาให้ข้าแล้วหรือไร”

    หากสุเมธะอุปราชาทรงแสร้งหลบพระพักตร์ก้มต่ำลงอย่างหวาดเกรงในพระอาญา..มิยอมตรัสตอบความใด ชาลินีผู้พระปนัดดาก็ทรงกระทำเฉกกัน..หากแต่แลดูลนลานยิ่งกว่าพระบิดาของนาง

    “เหตุใด พวกเจ้าไยจึ่งมิตอบความ..”

    พลันเสียงตรัสถามแปรเปลี่ยนด้วยทรงกราดกริ้วเพราะยังมิได้คำทูลตอบจากผู้หมอบกรานอยู่เบื้องพักตร์ ในพระทัยเริ่มขัดเคือง หรือนางนาฏกรผู้นั้นจักมิยอมให้ทรงเชยชมตามพระบัญชา

    ..ฤา ว่าสุริยราเชนทร์ผู้ที่ทรงชิงชังจักลักเอาตัวนางนั้นไปเสียก่อนแล้ว..

    ครานี้ ดั่งมีเพลิงมาสุมพระหทัยให้รุ่มร้อน จนมหาราชะแห่งมคธราชมิอาจประทับนิ่งอยู่บนพระราชอาสน์อ่อนนุ่ม เร่งเสด็จกระแทกพระบาทลงมายังเบื้องพักตร์ขององค์อนุชา ผ่านแถวนางพระกำนัลน้อยซึ่งต้องพลันขยับกายกระถดหนีเพื่อให้พ้นทางเสด็จ..

    “จงตอบข้า..มาบัดเดี๋ยวนี้ สุเมธะ”

    “ขอพระราชทานอภัยด้วยเถิดพระเจ้าข้า.. ด้วยตัวข้าและธิดามิสามารถนำนางมาถวายพระองค์ได้..”

    คำทูลตอบสุรเสียงพร่าด้วยความตระหนกขององค์สุเมธะอุปราช ทำให้พระทัยที่ร้องด้วยความพิโรธยิ่งทวีความกราดกริ้วเพราะมิได้เป็นดั่งที่ทรงตั้งพระทัย..

    พระประสงค์แห่งมหาราชา..ผู้ใดหรือจักกล้าขัดขืน..

    “ทูลองค์มคธราช..เพราะตัวข้าไร้ปัญญาที่จักเกลี้ยกล่อม หรือโน้มน้าวใจให้นางนั้นยอมถวายงานใต้เบื้องบาทของพระองค์..มิใช่ความผิดอันใดของเสด็จพ่อเพคะ”

    ชาลินีกัญญาแสร้งกรรแสงสะอื้น สุรเสียงสั่นเครือของสตรีผู้ปนัดดาทำให้องค์มคธราชพระทัยเย็นลง ก่อนที่จักทรงพยายามสะกดกลั้นความกราดกริ้วในหทัย พลางตรัสถามต่อ

    “แล้วเหตุใดนางจึ่งกล้าขัดคำสั่งข้า”
    “ด้วยนางถือตนว่า..นางเป็นสตรีหนึ่งเดียวในพระทัยแห่งองค์สุริยราเชนทร์ จึงมิยอมอยู่ใต้พระบัญชา อีกทั้งยังอหังการ์มิได้กลัวเกรงพระอาญาแม้แต่น้อย เพคะ”

    “ช่างบังอาจนัก”

    องค์มคธราชทรงตรัสได้เพียงนั้น..ด้วยพิษเพลิงพิโรธอันสุมอยู่ในพระทัย เกียรติแห่งกษัตริยวงศ์ หรือควรที่จักให้ศูทรชาติต่ำต้อยได้สบประมาท..หยาบหยามถึงเพียงนี้

    หากกระนั้น..แท้จริงแล้วในหทัย ย่อมทรงมิยอมแพ้แก่ราชโอรสเพียงพระนามที่ทรงชิงชัง..เมื่อทรงมิได้ครอบครองนางแต่พระองค์เดียว

    ก็อย่าหวังเลย ผู้ใดจักได้เชยชม..

    “โปรดทรงลงอาญาแก่นาง..อย่าได้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

    สุเมธอุปราชรีบทูลเสนอให้ทรงคล้อยตามดั่งที่ตนประสงค์..เรียวเนตรภุชงค์ นาคาลอบทอดไปยังพระพักตร์กราดกริ้วอย่างกระหยิ่มหทัย

    “ทัณฑ์ของผู้หาญกล้าขัดพระบัญชา จักต้องสิ้นชีวาในราตรีนี้”

    องค์มคธราชทรงตรัสความ ด้วยสุรเสียงเข้ม เด็ดขาด..ด้วยทรงถือองค์ว่าทรงเป็นมคธราช เจ้าชีวิตแห่งชาวมคธทุกตัวตน จักสั่งให้ผู้ใดอยู่หรือตาย ย่อมสุดแต่พระทัยที่จักทรงปรารถนา

    “ข้ายินดี..จักทำตามที่ทรงประสงค์ พระเจ้าข้า”
    “เฉกนั้น ก็จงอย่าช้า ข้าจักรอฟังความยามรุ่งอรุณ วันพรุ่งนี้”

    สุเมธอุปราชและชาลินีกัญญาผู้บุตรี น้อมเกล้าลงถวายบังคมลา เมื่อองค์มคธราชาทรงเสด็จทอดพระบาทออกไปยังนอกบานพระทวารห้องรโหฐาน

    ครั้นจนลับองค์จึ่งปรากฏรอยพระสรวลซึ่งแย้มอย่างปรีดา บนพระพักตร์องค์อนุชาแห่งมคธราช

    “เสด็จพ่อทรงปรีชายิ่งนัก..ล้วนเป็นดั่งคำตรัสทุกประการ”

    สุรเสียงใสกระชิบของผู้บุตรีเอ่ยขึ้นเมื่อการณ์เป็นดั่งที่ทรงวางไว้

    “อย่าเพิ่งวางใจจนกว่า..แผนการณ์ในราตรีนี้จักสิ้นลง”

    วงพระพักตร์งามเชิดอย่างทะนงองค์บนพระศอระหง.. ราตรีนี้จักตัดสินว่าผู้ใดจักได้ครองพระทัยแห่งสุริยราเชนทราชา..

    เมื่อในหทัยจักมีชาลินี..ย่อมมิควรมีนฤตยา..

    แล้วหนึ่งเดียวคือผู้ใด จักได้แจ้งใจเสียที..

    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    (มีต่อ)

    จากคุณ : อชันฏา - [ 13 ก.ค. 48 13:00:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป