***
ลิงค์บทที่นำ..
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2893154/W2893154.html
***
บทที่๑
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W2898668/W2898668.html
บทที่๒
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3021531/W3021531.html
บทที่๓
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W3539375/W3539375.html
****
บทที่๔
เสียงขับมหามโหรี ดุริยางค์กังวานหวานแว่ว คลอเคล้าด้วยเสียงใสหัวเราะระรื่นรี่ของบรรดานางกำนัลน้อย ลอยมาจากกลางตำหนักทอง กลางสระสรงบัวบาน ทำให้สุเมธอุปราชและพระธิดาผู้ทรงโฉมสคราญแจ้งหทัยว่า เพลานี้ องค์มคธราชทรงสราญพระทัยเพียงไร..
ทั้งที่เพลิงแห่งสงครามกำลังจักอุบัติขึ้นในอีกมิช้านี้..โดยยังมิทันที่จักทรงรู้องค์..
จงเร่งไปกราบทูลพระองค์เถิด ว่าข้าและธิดามาขอเข้าเฝ้า
สุเมธอุปราชาตรัสสั่งความสั้นแก่นางกำนัลที่ถวายงานอยู่หลังพระวิสูตร เมื่อทรงย่างพระบาทยังปลายสะพานแก้วที่ทอดข้ามมายังกลางบึงบัว ณ ด้านหน้าพระตำหนักทอง
เพคะ
นางน้อยผู้รับบัญชาเพียงทูลตอบความอย่างสำรวม ก่อนที่จักกระถดกายออกไปกราบทูลองค์มคธราชโดยพลัน
เสด็จพ่อ..เชิญเสด็จเถิด
สุรเสียงใส เฉกกังสดาลแก้ว ตรัสเอ่ยเชิญ เมื่อวิสูตรผืนบางประดับพรายเลื่อมระยับ ถูกรวบทั้งสองด้านหลีกทางให้ทั้งสองพระองค์เสด็จผ่านอย่างนอบน้อม
วรองค์ระหงจึงรั้งพระบาทรอให้องค์พระบิดาเสด็จนำ ก่อนจักย่างพระบาทตามอย่างสง่างาม พลางทิ้งชายอาภรณ์ไหมทรงสีครามนิโลบล..ให้ระเรี่ยไปกับผืนลาดพระบาทนุ่มสีชาดฉาน..
ระเบียงไม้รายทางเสด็จประดับเหนือเสาสลักลงลายทองอันวิจิตร ด้วยระย้าช่อชวาลารูปกลีบอุบล สลับพวงร้อยกังสดาลแก้ว ซึ่งกังวานหวานยามต้องลมรำเพยพริ้ว
เพียงครู่ทั้งสองพระองค์ก็ทรงดำเนินถึง หน้าห้องรโหฐานด้านในซึ่งเป็นที่ประทับยามสำราญแห่งองค์มคธราช..
องค์มคธราชทรงกิจอันใดอยู่หรือไม่
สุเมธอุปราชเอ่ยโอษฐ์ถาม อนงค์น้อยนางหนึ่งที่หมอบกรานอยู่เบื้องพระบาท ด้านหน้ารโหฐานชั้นในสุด
พึ่งจักทรงเสด็จขึ้นจากสระสรงแล้วเมื่อครู่ เพลานี้ทรงประทับรออยู่ด้านในเพคะ
ครั้นทรงสดับความนั้น องค์อนุชาแห่งมคธราชจึงย่างพระบาทผ่านวิสูตรทอทองผืนบางผ่านเข้าไปยังรโหฐานชั้นในพร้อมด้วยพระธิดา..เพื่อเข้าเฝ้าองค์วาสุเทวะมคธราชา องค์ผู้ประทับเอนอิงองค์อยู่เหนืออาสนะไหมเนื้อนุ่ม
บนพระแท่นสีงานวลฉลุลายเครือเถาละเอียด ประดับมุกเม็ดมณีพลอยพราว ซึ่งเบื้องพระบาทของพระองค์คือนางพระกำนัลน้อยรูปงามสองนาง กำลังถวายงานด้วยพัดรำแพนมยุราที่ร้อยถักด้วยไหมทอง..วาลวิชนี
ถวายพระพรองค์ราชะ
ผู้มาเข้าเฝ้าทั้งสองตรัสเอ่ยถวายบังคม..พลางจรดเนินนลาตลงแนบกับพื้นพรม อันแสดงถึงความเคารพอย่างสูงยิ่ง
มีเหตุอันใดจึ่งได้มาหาข้าถึงที่นี่..
คำตรัสถามเข้มกังวานอย่างทรงอำนาจ เคล้าด้วยเสียงสรวลเบาอย่างสำราญพระทัย ในขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรการแสดงนาฏการ ซึ่งท่วงท่าร่ายรำอ่อนช้อยนั้นรับกับทำนองของเครื่องมหาดุริยางค์อันขับลำนำ ทำให้เพลานี้ทรงเพลิดเพลินพระทัยจนแทบจักละลืมซึ่งราชกิจอื่นใด
ข้าและธิดาจักมากราบทูลพระองค์เรื่องที่ทรงบัญชา เมื่อกว่าราตรีที่ล่วงมาแล้ว
ดวงเนตรคู่เรียวรีเงยขึ้น สบสายเนตรที่ทอดมาอย่างฉงนพระทัย พลางแย้มสรวลคลี่เป็นนัยลับรู้เพียงระหว่างสองพระองค์ ก่อนที่จักทรงเอ่ยโอษฐ์ทูลตอบต่อ
เรื่องของนางนฤตยานาฏกร
เพีลงทรงสดับนามอนงค์นางนั้น พลันปรากฏประกายปรีติในสายพระเนตร ก่อนที่จักโบกพระหัตถ์บัญาให้บรรดานางกำนัลน้อยผู้ถวายความสำราญพระทัย ณ กลางเวที และมหามโหรีดุริยางค์ ยุติการร่ายรำขับกล่อมในบัดดล
จงว่ามา...เจ้านำนางมาให้ข้าแล้วหรือไร
หากสุเมธะอุปราชาทรงแสร้งหลบพระพักตร์ก้มต่ำลงอย่างหวาดเกรงในพระอาญา..มิยอมตรัสตอบความใด ชาลินีผู้พระปนัดดาก็ทรงกระทำเฉกกัน..หากแต่แลดูลนลานยิ่งกว่าพระบิดาของนาง
เหตุใด พวกเจ้าไยจึ่งมิตอบความ..
พลันเสียงตรัสถามแปรเปลี่ยนด้วยทรงกราดกริ้วเพราะยังมิได้คำทูลตอบจากผู้หมอบกรานอยู่เบื้องพักตร์ ในพระทัยเริ่มขัดเคือง หรือนางนาฏกรผู้นั้นจักมิยอมให้ทรงเชยชมตามพระบัญชา
..ฤา ว่าสุริยราเชนทร์ผู้ที่ทรงชิงชังจักลักเอาตัวนางนั้นไปเสียก่อนแล้ว..
ครานี้ ดั่งมีเพลิงมาสุมพระหทัยให้รุ่มร้อน จนมหาราชะแห่งมคธราชมิอาจประทับนิ่งอยู่บนพระราชอาสน์อ่อนนุ่ม เร่งเสด็จกระแทกพระบาทลงมายังเบื้องพักตร์ขององค์อนุชา ผ่านแถวนางพระกำนัลน้อยซึ่งต้องพลันขยับกายกระถดหนีเพื่อให้พ้นทางเสด็จ..
จงตอบข้า..มาบัดเดี๋ยวนี้ สุเมธะ
ขอพระราชทานอภัยด้วยเถิดพระเจ้าข้า.. ด้วยตัวข้าและธิดามิสามารถนำนางมาถวายพระองค์ได้..
คำทูลตอบสุรเสียงพร่าด้วยความตระหนกขององค์สุเมธะอุปราช ทำให้พระทัยที่ร้องด้วยความพิโรธยิ่งทวีความกราดกริ้วเพราะมิได้เป็นดั่งที่ทรงตั้งพระทัย..
พระประสงค์แห่งมหาราชา..ผู้ใดหรือจักกล้าขัดขืน..
ทูลองค์มคธราช..เพราะตัวข้าไร้ปัญญาที่จักเกลี้ยกล่อม หรือโน้มน้าวใจให้นางนั้นยอมถวายงานใต้เบื้องบาทของพระองค์..มิใช่ความผิดอันใดของเสด็จพ่อเพคะ
ชาลินีกัญญาแสร้งกรรแสงสะอื้น สุรเสียงสั่นเครือของสตรีผู้ปนัดดาทำให้องค์มคธราชพระทัยเย็นลง ก่อนที่จักทรงพยายามสะกดกลั้นความกราดกริ้วในหทัย พลางตรัสถามต่อ
แล้วเหตุใดนางจึ่งกล้าขัดคำสั่งข้า
ด้วยนางถือตนว่า..นางเป็นสตรีหนึ่งเดียวในพระทัยแห่งองค์สุริยราเชนทร์ จึงมิยอมอยู่ใต้พระบัญชา อีกทั้งยังอหังการ์มิได้กลัวเกรงพระอาญาแม้แต่น้อย เพคะ
ช่างบังอาจนัก
องค์มคธราชทรงตรัสได้เพียงนั้น..ด้วยพิษเพลิงพิโรธอันสุมอยู่ในพระทัย เกียรติแห่งกษัตริยวงศ์ หรือควรที่จักให้ศูทรชาติต่ำต้อยได้สบประมาท..หยาบหยามถึงเพียงนี้
หากกระนั้น..แท้จริงแล้วในหทัย ย่อมทรงมิยอมแพ้แก่ราชโอรสเพียงพระนามที่ทรงชิงชัง..เมื่อทรงมิได้ครอบครองนางแต่พระองค์เดียว
ก็อย่าหวังเลย ผู้ใดจักได้เชยชม..
โปรดทรงลงอาญาแก่นาง..อย่าได้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
สุเมธอุปราชรีบทูลเสนอให้ทรงคล้อยตามดั่งที่ตนประสงค์..เรียวเนตรภุชงค์ นาคาลอบทอดไปยังพระพักตร์กราดกริ้วอย่างกระหยิ่มหทัย
ทัณฑ์ของผู้หาญกล้าขัดพระบัญชา จักต้องสิ้นชีวาในราตรีนี้
องค์มคธราชทรงตรัสความ ด้วยสุรเสียงเข้ม เด็ดขาด..ด้วยทรงถือองค์ว่าทรงเป็นมคธราช เจ้าชีวิตแห่งชาวมคธทุกตัวตน จักสั่งให้ผู้ใดอยู่หรือตาย ย่อมสุดแต่พระทัยที่จักทรงปรารถนา
ข้ายินดี..จักทำตามที่ทรงประสงค์ พระเจ้าข้า
เฉกนั้น ก็จงอย่าช้า ข้าจักรอฟังความยามรุ่งอรุณ วันพรุ่งนี้
สุเมธอุปราชและชาลินีกัญญาผู้บุตรี น้อมเกล้าลงถวายบังคมลา เมื่อองค์มคธราชาทรงเสด็จทอดพระบาทออกไปยังนอกบานพระทวารห้องรโหฐาน
ครั้นจนลับองค์จึ่งปรากฏรอยพระสรวลซึ่งแย้มอย่างปรีดา บนพระพักตร์องค์อนุชาแห่งมคธราช
เสด็จพ่อทรงปรีชายิ่งนัก..ล้วนเป็นดั่งคำตรัสทุกประการ
สุรเสียงใสกระชิบของผู้บุตรีเอ่ยขึ้นเมื่อการณ์เป็นดั่งที่ทรงวางไว้
อย่าเพิ่งวางใจจนกว่า..แผนการณ์ในราตรีนี้จักสิ้นลง
วงพระพักตร์งามเชิดอย่างทะนงองค์บนพระศอระหง.. ราตรีนี้จักตัดสินว่าผู้ใดจักได้ครองพระทัยแห่งสุริยราเชนทราชา..
เมื่อในหทัยจักมีชาลินี..ย่อมมิควรมีนฤตยา..
แล้วหนึ่งเดียวคือผู้ใด จักได้แจ้งใจเสียที..
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
(มีต่อ)
จากคุณ :
อชันฏา
- [
13 ก.ค. 48 13:00:39
]