หิวข้าวจังเลย นุ่นไปกินข้าวกันเถอะ เราไส้จะขาดแล้วล่ะ หญิงสาวไม่ได้พูดอย่างเดียว แต่ลุกอย่างรวดเร็วออกจากโต๊ะทำงานตรงไปลากแขนเพื่อนสาว
รู้แล้วจ้าว่าหิวข้าวแล้ว...อันนี่ทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้ นนทิยาบ่นเพื่อนสาวที่อ้อน อันธิกาที่ถูกบ่นได้แต่ทำหน้างอนแก้มป่องเหมือนเด็กเล็กๆที่ถูกแม่ดุ
ก็เราหิวจริงๆนี่นา ไปกันเถอะ รีบไปก่อนที่เราจะต้องไปหาหมอแทนไปกินข้าวนะ พูดจบก็ลากแขนเพื่อนให้รีบเดินไปที่ลิฟต์เพื่อจะได้ไปนั่งกินข้าวที่ร้านประจำที่สองสาวต้องมาฝากท้องทุกมื้อกลางวัน
พี่คะ ของหนูเอาเหมือนเดิมค่ะ แล้วนุ่นล่ะเหมือนเดิมรึเปล่า พลางหันไปถามเพื่อน หลังจากสั่งของตัวเองแล้ว
ก็ได้จ๊ะ นนทิยาตอบโดยไม่ต้องคิดก่อน
แล้วเธอก็ถามเพื่อนสาวว่า อัน...จะกินน้ำอะไร เอาชาเย็นไหม
อันธิกาที่ยืนรอรับข้าวอยู่หันมาหาเพื่อน ไม่เอาดีกว่า กินทุกวันก็เบื่อแย่สิ อืม...เอาน้ำลำไยดีกว่า
สำหรับอันธิกาอาหารมื้อนี้ก็อร่อยเหมือนทุกมื้อที่ผ่านมา ขณะที่ทานข้าวไปด้วยสองเพื่อนซี้ก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ ทั้งเรื่องละคร เรื่องข่าว รวมไปถึงเรื่องรถติดที่ต้องเผชิญอยู่ทุกเช้าเย็น นั่งคุยกันเพลินจนลืมดูเวลาหันมามองนาฬิกาอีกทีก็ แย่แล้วนุ่น บ่ายโมงสิบแล้วนะ ต้องรีบแล้ว อันธิกาโวยวายเสียงดังจนคนในร้านหันมองแต่ตอนนี้คนที่ถูกมองไม่ได้สนใจอะไรนอกจากจะรีบวิ่งออกจากร้านเพื่อรีบกลับไปที่ทำงานให้เร็วที่สุด
เร็วเข้านุ่น ถ้าเธอขืนช้าอย่างนี้มีหวังเราโดนเชือดแน่ อีตาผู้จัดการหน้ายักษ์นั่นยิ่งระเบียบจัดเรื่องเวลาซะด้วย อันธิการีบผลุนผลันออกจากร้านโดยไม่ทันมองว่ามีชายหนุ่มร่างสูงกำลังเดินเข้ามา
โครม.... โอ๊ย!!!เจ็บจังเลย คนยิ่งรีบอยู่ด้วย ทำไมไม่รู้จักมองทางบ้างเนี่ย หลังจากเสียงบ่นยืดยาวของตัวเอง อันธิกาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดจึงรีบกล่าวออกไป อืม...ขอโทษนะคะ แล้วก็รีบเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ทันมองหน้าชายหนุ่มคนที่เป็นคู่กรณีกับเธอ
ขอโทษด้วยนะคะที่เพื่อนของชั้นชนคุณ เออ...เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะนนทิยาถามคู่กรณีของเพื่อนด้วยความเป็นห่วง จนลืมไปว่าเพื่อนของเธอนั้นเดินลิ่วไปไกลแล้ว
ไม่เป็นไรครับ ผมยังอาการครบสามสิบสองดีครับ เสียงทุ้มของชายหนุ่มตอบมา
เป็นไงบ้างพีช...อย่างแกมันอึดอยู่แล้ว คงไม่ถึงกับเป็นอะไรหรอก คุณไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอกครับมันแข็งแรงจะตายไปไอพีชน่ะ จริงไหมวะเพื่อน ชายหนุ่มพลางคุยกับพีชภัทร์และหันไปบอกกับนนทิยา
ยังไงชั้นขอตัวก่อนนะคะ ต้องรีบไปแล้วค่ะ นนทิยาออกตัวเมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาแล้วเห็นว่าตอนนี้บ่ายโมงสิบห้าแล้ว
ครับ สองหนุ่มตอบจนเกือบจะประสานเสียงกัน
หลังจากเหตุการณ์วุ่นๆ สองหนุ่มก็เดินไปสั่งอาหารมานั่งทานกัน ตอนนี้ในร้านเหลือคนน้อยเต็มทีเพราะเวลานี้เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่กำลังเข้าทำงานในรอบบ่ายกัน
เฮ้ย....พีชแกว่าคุณคนเมื่อกี้เป็นไงบ้างวะชายหนุ่มที่เมื่อมองหน้าก็รู้ว่าเค้าคนนี้มีเชื้อสายจีนโดยแท้ ซึ่งผิดกับเพื่อนที่นั่งข้างเค้าเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ถึงจะผิวขาวเหมือนกันแต่พอมองรูปร่างหน้าตาแล้วก็รู้โดยทันทีว่าเป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์
แล้วแกคิดว่าไงล่ะ ...ปอนด์ ชายหนุ่มพลางถามกลับเพื่อน
ปรมินทร์นิ่งคิดก่อนตอบด้วยใบหน้าที่เจือยิ้มว่า เค้าน่ารักดี แต่น่าเสียดายเราลืมถามชื่อเค้าว่ะ แล้วไม่รู้จะได้เจอกันอีกรึเปล่า
คิดมากทำไมเพื่อนเอาอย่างนี้ไหมล่ะ เรามีแผนให้นายจะได้เจอกับเค้าอีก ขณะที่พีชภัทร์บอกกับเพื่อนในใจเขาก็กำลังคิดถึงใครบางคนซึ่งรู้สึกถูกชะตาขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เจอกันก็ตาม
อันธิการู้สึกโล่งใจเมื่อมองเข้าไปยังห้องที่มีป้ายแขวนข้างหน้าว่าผู้จัดการแล้วไม่เห็นเงาของคนที่เธอนึกกลัว
เฮ้อ...โล่งอกไปทีนึกว่าจะโดนเล่นงานแล้ว พอดีกับที่นนทิยาวิ่งหอบเข้ามาแตะตัว อันธิกาถึงกับสะดุ้งตกใจ
โธ่...นุ่นเองเหรอ อันตกใจแทบแย่ นึกว่า...ตายแล้ว!!!มาโน่นแน่ะ รีบไปกันเถอะ อันธิกาพลางชี้ให้นนทิยามองนายยงกิตต์ที่กำลังเดินออกจากลิฟต์
เย้...เลิกงานสักที ไป...นุ่นกลับบ้านกัน อันธิกาเข้ามาลากแขนเพื่อน นนทิยารู้สึกอดขำไม่ได้กับท่าทางของเพื่อน
อันธิกาหันมาทำหน้างง นุ่นขำไรเหรอ...บอกเราบ้างสิ
ความลับจ๊ะ บอกไม่ได้
อันธิกาไม่ยอมจึงเซ้าซี้ต่อ บอกหน่อยนะ อันอยากรู้จริงๆนะ...นะ ท่าทางตอนนี้ของอันธิกาไม่ผิดอะไรกับเด็กที่กำลังอ้อนพ่อแม่
นนทิยาทนลูกอ้อนไม่ไหวเลยยอมบอก แต่ก็อดกวนไม่ได้ แค่เราเห็นว่าอัน หน้าตาน่ารักดี นนทิยาพูดจบก็หัวเราะต่อ
แค่นี้มันน่าขำตรงไหน เราไม่เชื่อหรอก บอกความจริงมาซะดี...ดี อันธิกาไม่พูดเปล่า แต่กำลังเดินเข้าไปจี้เอวเพื่อน ทำเอานนทิยาถึงกับหัวเราะไม่หยุด ก็ได้...ก็ได้ นนทิยาพูดไปหัวเราะไป ความจริงก็คือ อันน่ะชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ ก็ดูสิมีใครเค้าชอบทำตัวหยุกหยิกเหมือนลิงอย่างอันบ้างรึเปล่า
นี่นุ่นว่าอันเหมือนลิงเหรอ ดีล่ะถ้างั้นอันจะ... พูดไม่ทันจบอันธิกาก็เอามือเกาตามตัวและร้องเจี๊ยกๆๆ
จากคุณ :
อักกิศา
- [
13 ก.ค. 48 20:50:58
A:210.246.71.5 X:
]