CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    *********** เธอ *************

    ทำไมผมถึงหันหลังเดินกลับไปอย่างนั้นเหรอ? คุณคิดว่าผมเองที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางความมืดโดยมีเพียงแสงไฟถนนเป็นเครื่องนำทางให้ผมกลับบ้านนั้น ควรจะหันกลับไปหาเธอ หรือว่าหันกลับไปหาพวกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมอย่างนั้นหรือ ใช่...มันอาจควรเป็นอย่างนั้นในทางทฤษฎี แต่ถ้าคุณมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมแล้ว คุณอาจคิดเหมือนผมก็ได้

    ความจริง ผมไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้คุณหรือใครๆ ได้ฟังหรอก เพราะมันเจ็บปวดจนผมอยากจะลืมมันออกไปให้พ้นจากจิตใจซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเรื่องที่ผมจะเล่ามันจะช่วยทำให้ใครหลายๆ คนที่กำลังเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงที่ตนรักอยู่ในตอนนี้ได้รู้ว่าเขายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างผมอยู่อีกคนหนึ่ง

    เธอเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่ของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอยังเด็ก มีเพียงลุงผู้ชราคนเดียวที่เท่านั้นคอยดูแล ชุบเลี้ยงเธอมาตลอด จนกระทั่งเธอได้พบกับผม

    เราแต่งงานกัน มันเป็นช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขมาก ผมสัญญากับลุงของเธอว่าผมจะเป็นผู้ดูแลหลานของท่านให้ดีที่สุด จนถึงตอนนี้ผมเองยังเชื่อว่าคุณลุงที่คอยมองเราทั้งคู่อยู่ข้างบนนั้นจะไม่ผิดหวังที่ท่านตัดสินใจยกหลานสาวสุดที่รักของท่านให้ผมมา

    เธอยังเป็นคนที่สวยที่สุดของผมมาโดยตลอด ใบหน้าใสๆ ของเธอเหมือนจะปรากฏขึ้นต่อหน้าให้ผมเห็นได้ตลอดเวลาที่ต้องการ คำสัญญาที่ผมให้ไว้กับลุงของเธอ ยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันหนึ่ง
    ก๊อก...ก๊อก...ก็อก! “คุณวินทร์” เสียงเคาะประตูตามด้วยชื่อผมดังมาจากหน้าบ้าน

    ผมลุกจากโต๊ะทำงานเดินลงมาชั้นล่าง แล้วตรงไปที่ประตูพลางมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่หัวเสาซึ่งบอกเวลา 21.00 น.

    “คุณ...” ผมเอ่ยได้แค่นั้นเมื่อเห็นผู้มาเยือน

    “ดิฉันเป็นตำรวจคะ เรามีเรื่องที่จะแจ้งให้คุณได้ทราบ” ตำรวจหญิงอายุราว 30 กว่าๆ เอ่ยตอบ

    “มีอะไรหรือครับ”

    “คุณเป็นสามีคุณรินทร์ใช่มั้ยคะ”

    “ครับ มีอะไรรึเปล่า เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวใจผมเริ่มเต้นแรงด้วยความตกใจ

    “ภรรยาของคุณอยากจะพบคุณ...”

    “เกิดอะไรขึ้น”

    *****************************************************

    ผมถูกพาตัวขึ้นรถตำรวจที่จอดรออยู่หน้าบ้านเพื่อไปหาภรรยา โดยระหว่างที่รถแล่นไป ตำรวจหญิงคนเดิมเล่าให้ผมฟังว่า

    “ภรรยาคุณถูกรถชน แต่เรายังทำอะไรไม่ได้มากนัก เราอยากให้คุณไปพบเธอก่อน”

    “หมายความว่าอย่างไร ทำไมคุณถึงไม่พาเธอไปโรงพยาบาล” ผมเอ่ยถามอย่างเริ่มมีอารมณ์ขณะความกลัวเริ่มเข้าครอบงำหัวใจ

    ตำรวจหญิงคนนั้นหันหน้ามามองผม ด้วยสายตาแปลกๆ ซึ่งตอนแรกผมไม่เข้าใจความหมาย จนกระทั่งเธอเล่าความจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่างให้ผมได้รับรู้

    ไม่นานก็มาถึงจุดเกิดเหตุ ผมก้าวลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ แสงไซเรนต์ที่หมุนอยู่เหนือหลังคารถหลายคัน ส่องแสงสีแดงวาบๆ เข้าตาผมเป็นระยะ เจ้าหน้าหลายคนทั้งตำรวจ พยาบาล เกือบ 10 คนต่างยืนออกันอยู่ตรงจุดเกิดเหตุนั้น โดยมิได้มีท่าทีรีบร้อน วิ่งไปมา หรือส่งเสียงโหวกเหวกดั่งที่ผมเคยเห็นในข่าวทีวีเลย แต่ทุกคนเหมือนจะยืนกันนิ่ง มีเพียงพูดคุยกันเบาๆ เท่านั้นที่มากระทบโสตประสาทผม

    ตำรวจหญิงคนเดิมแหวกทางผู้คนที่ยืนออกันอยู่นั้นเพื่อให้ผมได้เข้าไปตรงจุดที่เธอบอกว่าภรรยาผมอยู่ ผมเดินนำเข้าไปแต่ผู้เดียว เสียงพูดคุยกันเมื่อครู่ดูเหมือนจะเงียบลงเมื่อทุกคนเห็นผมเดินเข้าไปใกล้รถบีเอ็มดับบิวคันหรูป้ายแดงที่กระโปรงหน้ายับยู่เข้ามาเกือบครึ่ง

    ผมมองเข้าไปในตัวรถ ซึ่งปราศจากคนขับ ผมเดาเอาเองว่าเจ้าหน้าที่คงนำตัวเขาหรือเธอคนนั้นส่งโรงพยาบาลไปแล้ว แต่คนยังไม่ไปถึงมือหมอและอาจไม่มีโอกาสได้ไปนั้นคือภรรยาผมผู้ที่ตอนนี้ถูกรถบีเอ็มฯ คันงามนั้นชนร่างเธอจนไปอัดติดกับต้นไม้ใหญ่ริมทาง

    ผมมองดูเธอซึ่งตอนนี้จ้องมาที่ผมเช่นกัน เธอยิ้มให้ผมขณะที่ผมเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ด้วยอาการไร้ความคิดและความรู้สึก ผมเห็นเพียงร่างกายส่วนบนตั้งแต่เอวขึ้นมาเท่านั้น เพราะส่วนล่างลงไปมันแหลกละเอียดไปหมดด้วยแรงปะทะจากรถคันหรูที่จอดนิ่งอยู่เบื้องหน้าเธอจนยากที่จะเยียวยา

    นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครกล้าขยับรถเพื่อนำเธอออกมาเพราะนั่นมันอาจทำให้เธอหมดลมหายใจก่อนที่ผมจะมาถึง

    เธอยังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งผมจำได้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่เมื่อเช้าเธอใส่ออกจากบ้าน มีเพียงเลือดแดงๆ เป็นหยดเล็กๆ เปรอะอยู่ตามเสื้อขาวนั้นเล็กน้อย อาจเพราะส่วนใหญ่มันหลั่งรินไปตามสะโพกที่แทบจะแหลกละเอียดลงไปตามขาซึ่งไม่อาจรับน้ำนักตัวเธอไว้ได้อีกกระทั่งถึงพื้นนองอยู่ตามพื้นแล้วก็ได้

    ผมเดินเข้าไปใกล้เธอ ยกมือไปจับที่แก้มของเธอ แก้มที่มันยังนุ่มนวลอยู่เสมอไม่ต่างกับวันแรกที่ผมได้เคยสัมผัส

    “อดทนไว้นะรินทร์” ผมกล่าวทั้งๆ ที่ทราบดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป

    “พี่วินทร์” เสียงแผ่วเบาของเธอเรียกชื่อผม

    ผมพยายามเข้าไปให้ใกล้เธอมากที่สุด พยายามแนบใบหน้าของเราให้แนบชิดกันที่สุดเพื่อได้ยินคำเอ่ยของเธอได้ชัดเจน

    “ดูแลตัวเองให้ดีนะคะ รินทร์คงอยู่ดูแลพี่อย่างเคยไม่ได้แล้ว” คำพูดเธอระคนกับเสียงสะอื้นในลำคอ

    ผมได้แต่พยักหน้าขณะพยายามอดกลั้นน้ำตาที่จะคอยไหลออกมาอยู่เรื่อย ผมไม่อยากให้เธอเห็นผมร้องไห้ ผมต้องการให้เธอเห็นภาพผมอย่างที่เธอเคยเห็นทุกวันที่ตื่นนอนขึ้นมา

    ผมเอามือเช็ดน้ำตาที่รินออกมาอาบแก้มอันซีดขาวราวกับไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ภายในเธอ

    “รินทร์ยังสวยอยู่เลยนะ รินทร์สวยที่สุดสำหรับพี่เสมอ”

    เธอยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของผม ขณะเปลือกตาของเธอค่อยคล้อยลงมาจะปิดลง

    “พี่วินทร์ รินทร์ง่วงจังเลย” ยังเป็นคำที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นที่เริ่มแผ่วเบาลง... เบาลง

    ผมค่อยๆ จับศีรษะเธอให้มาซบลงที่หัวไหล่ มือที่ยังสั่นเทาของผมพยายามลูบไล้ไปตามเรือนผมอันยาว นุ่มและหอม ผมลูบศีรษะเธอเหมือนเด็กๆ  เพื่อเพียงหวังว่าเธอจะหลับลงอย่างมีความสุข

    “ถ้ารินทร์ง่วงก็หลับซะนะคะ ตื่นมาพรุ่งนี้จะได้สบาย” ผมเอ่ยขณะน้ำตาหลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้อีก

    “พรุ่งนี้พอรินทร์ตื่นมา พี่จะพาไปบ้านใหม่ บ้านหลังเล็กๆ สีขาวบนเนินเขาเตี้ยๆ ที่รินทร์เคยบอกว่าอยากมีอย่างนั้นซักหลัง พี่จะพารินทร์ไป เราจะยืนมองพระอาทิตย์ตอนเช้าที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทิวเขาไกลๆ พี่จะกอดรินทร์ไว้ไม่ให้อากาศที่หนาวได้มาสัมผัสผิวจนทำให้รินทร์รู้สึกไม่สบายเลย พี่จะกอดรินทร์ไว้ทุกๆ เวลาที่รินทร์เหงา รินทร์จะไม่ต้องเป็นกังวลอะไรอีก รินทร์จะมีแต่ความสุข และไม่มีอะไรทำให้จิตใจที่สวยงามและบริสุทธิ์ของรินทร์ต้องเปลี่ยนไปได้เลย”

    ผมลูบศีรษะเธออยู่นาน แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา ไม่มีแม้เสียงลมหายใจ แขนของเธอยังคงโอบกอดเอวผมไว้โดยมิได้หลุดออก แต่มันไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เธอคงจากผมไปแล้วโดยทิ้งไว้เพียงร่างที่ยังคงสวยอยู่เสมอสำหรับผม

    ตำรวจหญิงคนเดิมเดินมาจับไหล่ผมเป็นคล้ายบอกให้ผมทราบถึงความเป็นจริงที่ผมไม่อยากรับรู้ ความจริงที่ผมไม่อาจจะกอดเธอได้อีกแล้ว การกอดเธอไว้ครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อใดที่ผมผละออกจากเธอ มันจะไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกเลย

    ผมเดินกลับออกมาจากจุดตรงนั้น โดยไม่หันกลับไปมองร่างไร้วิญญาณของเธออีก ผมเพียงอยากเก็บความรู้สึกที่อบอุ่นและมีความสุขยามที่ได้อยู่แนบชิดกับผู้หญิงที่ผมรักที่สุดไว้เท่านั้น โดยไม่ปรารถนาให้ความเศร้าและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้มาเกาะเกี่ยวอยู่ในจิตใจของผมตลอดชีวิตที่ยังเหลืออยู่

        ************************************

    จากคุณ : มณีมรกต - [ 14 ก.ค. 48 14:04:28 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป