ทำไมผมถึงหันหลังเดินกลับไปอย่างนั้นเหรอ? คุณคิดว่าผมเองที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางความมืดโดยมีเพียงแสงไฟถนนเป็นเครื่องนำทางให้ผมกลับบ้านนั้น ควรจะหันกลับไปหาเธอ หรือว่าหันกลับไปหาพวกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมอย่างนั้นหรือ ใช่...มันอาจควรเป็นอย่างนั้นในทางทฤษฎี แต่ถ้าคุณมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมแล้ว คุณอาจคิดเหมือนผมก็ได้
ความจริง ผมไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้คุณหรือใครๆ ได้ฟังหรอก เพราะมันเจ็บปวดจนผมอยากจะลืมมันออกไปให้พ้นจากจิตใจซะเดี๋ยวนี้ แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเรื่องที่ผมจะเล่ามันจะช่วยทำให้ใครหลายๆ คนที่กำลังเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงที่ตนรักอยู่ในตอนนี้ได้รู้ว่าเขายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างผมอยู่อีกคนหนึ่ง
เธอเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่ของเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เธอยังเด็ก มีเพียงลุงผู้ชราคนเดียวที่เท่านั้นคอยดูแล ชุบเลี้ยงเธอมาตลอด จนกระทั่งเธอได้พบกับผม
เราแต่งงานกัน มันเป็นช่วงชีวิตที่ผมมีความสุขมาก ผมสัญญากับลุงของเธอว่าผมจะเป็นผู้ดูแลหลานของท่านให้ดีที่สุด จนถึงตอนนี้ผมเองยังเชื่อว่าคุณลุงที่คอยมองเราทั้งคู่อยู่ข้างบนนั้นจะไม่ผิดหวังที่ท่านตัดสินใจยกหลานสาวสุดที่รักของท่านให้ผมมา
เธอยังเป็นคนที่สวยที่สุดของผมมาโดยตลอด ใบหน้าใสๆ ของเธอเหมือนจะปรากฏขึ้นต่อหน้าให้ผมเห็นได้ตลอดเวลาที่ต้องการ คำสัญญาที่ผมให้ไว้กับลุงของเธอ ยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี จนกระทั่งวันหนึ่ง
ก๊อก...ก๊อก...ก็อก! คุณวินทร์ เสียงเคาะประตูตามด้วยชื่อผมดังมาจากหน้าบ้าน
ผมลุกจากโต๊ะทำงานเดินลงมาชั้นล่าง แล้วตรงไปที่ประตูพลางมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่หัวเสาซึ่งบอกเวลา 21.00 น.
คุณ... ผมเอ่ยได้แค่นั้นเมื่อเห็นผู้มาเยือน
ดิฉันเป็นตำรวจคะ เรามีเรื่องที่จะแจ้งให้คุณได้ทราบ ตำรวจหญิงอายุราว 30 กว่าๆ เอ่ยตอบ
มีอะไรหรือครับ
คุณเป็นสามีคุณรินทร์ใช่มั้ยคะ
ครับ มีอะไรรึเปล่า เธอเป็นอะไรหรือเปล่า หัวใจผมเริ่มเต้นแรงด้วยความตกใจ
ภรรยาของคุณอยากจะพบคุณ...
เกิดอะไรขึ้น
*****************************************************
ผมถูกพาตัวขึ้นรถตำรวจที่จอดรออยู่หน้าบ้านเพื่อไปหาภรรยา โดยระหว่างที่รถแล่นไป ตำรวจหญิงคนเดิมเล่าให้ผมฟังว่า
ภรรยาคุณถูกรถชน แต่เรายังทำอะไรไม่ได้มากนัก เราอยากให้คุณไปพบเธอก่อน
หมายความว่าอย่างไร ทำไมคุณถึงไม่พาเธอไปโรงพยาบาล ผมเอ่ยถามอย่างเริ่มมีอารมณ์ขณะความกลัวเริ่มเข้าครอบงำหัวใจ
ตำรวจหญิงคนนั้นหันหน้ามามองผม ด้วยสายตาแปลกๆ ซึ่งตอนแรกผมไม่เข้าใจความหมาย จนกระทั่งเธอเล่าความจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่างให้ผมได้รับรู้
ไม่นานก็มาถึงจุดเกิดเหตุ ผมก้าวลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ แสงไซเรนต์ที่หมุนอยู่เหนือหลังคารถหลายคัน ส่องแสงสีแดงวาบๆ เข้าตาผมเป็นระยะ เจ้าหน้าหลายคนทั้งตำรวจ พยาบาล เกือบ 10 คนต่างยืนออกันอยู่ตรงจุดเกิดเหตุนั้น โดยมิได้มีท่าทีรีบร้อน วิ่งไปมา หรือส่งเสียงโหวกเหวกดั่งที่ผมเคยเห็นในข่าวทีวีเลย แต่ทุกคนเหมือนจะยืนกันนิ่ง มีเพียงพูดคุยกันเบาๆ เท่านั้นที่มากระทบโสตประสาทผม
ตำรวจหญิงคนเดิมแหวกทางผู้คนที่ยืนออกันอยู่นั้นเพื่อให้ผมได้เข้าไปตรงจุดที่เธอบอกว่าภรรยาผมอยู่ ผมเดินนำเข้าไปแต่ผู้เดียว เสียงพูดคุยกันเมื่อครู่ดูเหมือนจะเงียบลงเมื่อทุกคนเห็นผมเดินเข้าไปใกล้รถบีเอ็มดับบิวคันหรูป้ายแดงที่กระโปรงหน้ายับยู่เข้ามาเกือบครึ่ง
ผมมองเข้าไปในตัวรถ ซึ่งปราศจากคนขับ ผมเดาเอาเองว่าเจ้าหน้าที่คงนำตัวเขาหรือเธอคนนั้นส่งโรงพยาบาลไปแล้ว แต่คนยังไม่ไปถึงมือหมอและอาจไม่มีโอกาสได้ไปนั้นคือภรรยาผมผู้ที่ตอนนี้ถูกรถบีเอ็มฯ คันงามนั้นชนร่างเธอจนไปอัดติดกับต้นไม้ใหญ่ริมทาง
ผมมองดูเธอซึ่งตอนนี้จ้องมาที่ผมเช่นกัน เธอยิ้มให้ผมขณะที่ผมเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ ด้วยอาการไร้ความคิดและความรู้สึก ผมเห็นเพียงร่างกายส่วนบนตั้งแต่เอวขึ้นมาเท่านั้น เพราะส่วนล่างลงไปมันแหลกละเอียดไปหมดด้วยแรงปะทะจากรถคันหรูที่จอดนิ่งอยู่เบื้องหน้าเธอจนยากที่จะเยียวยา
นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครกล้าขยับรถเพื่อนำเธอออกมาเพราะนั่นมันอาจทำให้เธอหมดลมหายใจก่อนที่ผมจะมาถึง
เธอยังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งผมจำได้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่เมื่อเช้าเธอใส่ออกจากบ้าน มีเพียงเลือดแดงๆ เป็นหยดเล็กๆ เปรอะอยู่ตามเสื้อขาวนั้นเล็กน้อย อาจเพราะส่วนใหญ่มันหลั่งรินไปตามสะโพกที่แทบจะแหลกละเอียดลงไปตามขาซึ่งไม่อาจรับน้ำนักตัวเธอไว้ได้อีกกระทั่งถึงพื้นนองอยู่ตามพื้นแล้วก็ได้
ผมเดินเข้าไปใกล้เธอ ยกมือไปจับที่แก้มของเธอ แก้มที่มันยังนุ่มนวลอยู่เสมอไม่ต่างกับวันแรกที่ผมได้เคยสัมผัส
อดทนไว้นะรินทร์ ผมกล่าวทั้งๆ ที่ทราบดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
พี่วินทร์ เสียงแผ่วเบาของเธอเรียกชื่อผม
ผมพยายามเข้าไปให้ใกล้เธอมากที่สุด พยายามแนบใบหน้าของเราให้แนบชิดกันที่สุดเพื่อได้ยินคำเอ่ยของเธอได้ชัดเจน
ดูแลตัวเองให้ดีนะคะ รินทร์คงอยู่ดูแลพี่อย่างเคยไม่ได้แล้ว คำพูดเธอระคนกับเสียงสะอื้นในลำคอ
ผมได้แต่พยักหน้าขณะพยายามอดกลั้นน้ำตาที่จะคอยไหลออกมาอยู่เรื่อย ผมไม่อยากให้เธอเห็นผมร้องไห้ ผมต้องการให้เธอเห็นภาพผมอย่างที่เธอเคยเห็นทุกวันที่ตื่นนอนขึ้นมา
ผมเอามือเช็ดน้ำตาที่รินออกมาอาบแก้มอันซีดขาวราวกับไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ภายในเธอ
รินทร์ยังสวยอยู่เลยนะ รินทร์สวยที่สุดสำหรับพี่เสมอ
เธอยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของผม ขณะเปลือกตาของเธอค่อยคล้อยลงมาจะปิดลง
พี่วินทร์ รินทร์ง่วงจังเลย ยังเป็นคำที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นที่เริ่มแผ่วเบาลง... เบาลง
ผมค่อยๆ จับศีรษะเธอให้มาซบลงที่หัวไหล่ มือที่ยังสั่นเทาของผมพยายามลูบไล้ไปตามเรือนผมอันยาว นุ่มและหอม ผมลูบศีรษะเธอเหมือนเด็กๆ เพื่อเพียงหวังว่าเธอจะหลับลงอย่างมีความสุข
ถ้ารินทร์ง่วงก็หลับซะนะคะ ตื่นมาพรุ่งนี้จะได้สบาย ผมเอ่ยขณะน้ำตาหลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้อีก
พรุ่งนี้พอรินทร์ตื่นมา พี่จะพาไปบ้านใหม่ บ้านหลังเล็กๆ สีขาวบนเนินเขาเตี้ยๆ ที่รินทร์เคยบอกว่าอยากมีอย่างนั้นซักหลัง พี่จะพารินทร์ไป เราจะยืนมองพระอาทิตย์ตอนเช้าที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทิวเขาไกลๆ พี่จะกอดรินทร์ไว้ไม่ให้อากาศที่หนาวได้มาสัมผัสผิวจนทำให้รินทร์รู้สึกไม่สบายเลย พี่จะกอดรินทร์ไว้ทุกๆ เวลาที่รินทร์เหงา รินทร์จะไม่ต้องเป็นกังวลอะไรอีก รินทร์จะมีแต่ความสุข และไม่มีอะไรทำให้จิตใจที่สวยงามและบริสุทธิ์ของรินทร์ต้องเปลี่ยนไปได้เลย
ผมลูบศีรษะเธออยู่นาน แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา ไม่มีแม้เสียงลมหายใจ แขนของเธอยังคงโอบกอดเอวผมไว้โดยมิได้หลุดออก แต่มันไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เธอคงจากผมไปแล้วโดยทิ้งไว้เพียงร่างที่ยังคงสวยอยู่เสมอสำหรับผม
ตำรวจหญิงคนเดิมเดินมาจับไหล่ผมเป็นคล้ายบอกให้ผมทราบถึงความเป็นจริงที่ผมไม่อยากรับรู้ ความจริงที่ผมไม่อาจจะกอดเธอได้อีกแล้ว การกอดเธอไว้ครั้งนี้มันเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อใดที่ผมผละออกจากเธอ มันจะไม่มีวันหวนกลับมาได้อีกเลย
ผมเดินกลับออกมาจากจุดตรงนั้น โดยไม่หันกลับไปมองร่างไร้วิญญาณของเธออีก ผมเพียงอยากเก็บความรู้สึกที่อบอุ่นและมีความสุขยามที่ได้อยู่แนบชิดกับผู้หญิงที่ผมรักที่สุดไว้เท่านั้น โดยไม่ปรารถนาให้ความเศร้าและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้มาเกาะเกี่ยวอยู่ในจิตใจของผมตลอดชีวิตที่ยังเหลืออยู่
************************************
จากคุณ :
มณีมรกต
- [
14 ก.ค. 48 14:04:28
]