แจ้งข่าว
ขอลงครึ่งหนึ่งก่อนเนื่องจากเนื้อเรื่องส่วนท้ายยังไม่ลงตัว ขอลงอีกครึ่งในวันเสาร์ตอนเย็นครับ
แต่นแต๊นนน และขอแสดงความยินดีกับเชษฐา ที่พึ่งสำเร็จการศึกษา และรับปริญญาในวันนี้ด้วยจ้า
ด้านหน้าคือป่าสนสองใบยืนตระหง่านเขียวขจี
ด้านข้างเป็นหุบเหวลึกหมื่นวายากจะข้าม
ด้านหลังยังอิงขุนเขาใหญ่อันไพศาล
หนทางเดียวที่จะเข้าถึงยังเป็นทำเลหุบเขาที่มีลำน้ำใหญ่ทอดผ่าน แม้มีส่วนช่วยให้สะดวกดายโดยอาศัยเส้นทางน้ำสัญจร ทว่าหากผู้ใดสามารถควบคุมเส้นทางดังกล่าวเอาไว้ได้ เท่ากับเขาสามารถครอบครองพื้นที่แห่งนี้เอาไว้โดยสิ้นเชิง!
ดังนั้นลำน้ำแห่งนี้มิเพียงใช้เป็นทางสัญจร ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่มุ่งตรงเข้าหล่อเลี้ยงหัวใจ จะเข้มแข็งอ่อนแอ ล้มเหลว หรือสำเร็จ ล้วนขึ้นอยู่กับเส้นทางสายนี้!!!!
ทำเลอันเป็นที่ตั้งทั้งโอ่อ่า แลคับขันอันตรายเช่นนี้...ยังจะเป็นที่ใดไปได้ หากมิใช่ที่ตั้งสำนักใหญ่ของฉิกจับอิด!!!!!!
บัดนี้ลำน้ำสำคัญดังกล่าว ซึ่งเป็นเส้นทางน้ำเส้นเดียวกับที่ซุนหยางเคยใช้กำจัดกำลังพลของสำนักกระบี่ดาว และหอมรกต ล้วนเต็มไปด้วยเรือแพล่องลอยเต็มท้องน้ำ แพแต่ละลำบรรทุกผู้คนสิบกว่าคน จำนวนแพมีเกือบยี่สิบแพ เป็นจำนวนคนร่วมสองร้อยคนทีเดียว!
นี่คือเวลาที่พรรคฉิกจับอิดยกออกกำจัดหอห้ากระบี่ จนเรียกได้ว่าเทออกไปแทบทั้งรัง
ดังนั้นฝูงคนเหล่านี้ย่อมมิใช่คนของพวกฉิก ...พวกมันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่าขาด ปุปะ ในมือบ้างถือชามแตก บ้างถือกะลา อีกมือถือไม้ไผ่เก่าคร่ำคร่าคนละหนึ่งด้าม ...สารรูปเช่นนี้ พวกมันย่อมเป็นคนของพรรคกระยาจก!!!!!
กองกำลังพรรคกระยาจกที่นับแต่แรกว่า เป็นกำลังเสริมเพื่อติดตามจื่ออิงมากำจัดพวกฉิกจับอิด กลับมาถึงในเวลานี้?!
ในยามที่เขาต่อสู้กันพวกมันกลับไม่ปรากฏตัว ไฉนปรากฏขึ้นยามนี้?!!
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ...ผู้ที่นำหน้าขบวนบนแพหนังแกะขนาดใหญ่อันที่อยู่หน้าสุด กลับมิใช่เติ้งเสี่ยวเทา!!!
...เป็นลามะผู้หนึ่ง...
สารรูปของลามะนี้ทั้งสูงใหญ่ หน้าผากกว้าง คิ้วขาวโพลง ใบหน้าอิ่มเอิบราวโพธิสัตว์กลับชาติก็ปาน ดูไปคงมีวัยไม่ต่ำกว่าห้าสิบ ใบหน้าเมตตาการุณย์ ที่คอห้อยประคำเม็ดใหญ่เอาไว้
เป็นลามะเสือขาว!! หูจิ่นเช็ค!!!!! มือมันถือธงใหญ่ผืนหนึ่ง ผืนธงเป็นสีดำ ตรงกลางเป็นรูปดอกบัวหอมสีขาว มีกลีบดอกขยายบานออกประดับประดาจำนวนแปดกลีบ ธงนี้คล้ายกลับเป็นเครื่องแสดงตัวตนของพลพรรคเฮียงเน้ย!!!!
ที่แท้เจ็ดจอมยุทธ อันประกอบด้วย เติ้งเสี่ยวเทา หูจิ่นเช็ค เหมาเจ๋อหมิน เจียงเจ๋อตุง โจวเอินผิง ซุนยัดไหล และเจียงไคเซน กลับเป็นสุนัขรับใช้ของพวกเฮียงเน้ย!
แปลว่าพวกมันสามในเจ็ดคนที่ปะปนเข้าชมการประลองอาหารในสำนักฉิกจับอิดที่จริงเพื่อสำรวจเส้นทาง ส่วนกองกำลังพรรคกระยาจกที่บอกว่าจะยกมาช่วยสนับสนุนจื่ออิง จนแล้วจนรอดกลับมิปรากฏโฉมออกมา ที่แท้พวกมันรอคอยให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนเจ็บตาย ค่อยฉวยโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวของพวกมันแล้ว!!!!
ในที่สุดผู้ที่ได้ชัยในตอนท้ายกลับมิใช่ทั้งฉิกจับอิด มิใช่ทั้งหอห้ากระบี่ กลับเป็นพวกเฮียงเน้ยเอง!
ปราการอันมั่นคงเข้มแข็งของฉิกจับอิดแม้เสมือนดินแดนลี้ลับที่ยากปีนป่ายเข้าถึง หากเมื่อว่างเปล่าร้างผู้คนแล้ว ก็เป็นเพียงสถานที่ธรรมดาที่มิว่าผู้ใดก็สามารถเดินเข้าออกได้ เวลานี้คนของพรรคกระยาจกทั้งสองร้อยคน ภายใต้การนำของลามะเสือขาวได้กระทำเรื่องดังกล่าวแล้ว
..................................
....................................................................
โรงเตี๊ยมฉิกจับอิดสาขาหยางโจว ชาวเมืองต่างมาชุมนุมอยู่ที่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ใคร่ที่จะบุกเข้าไปทุบทำลายเข่นฆ่าผู้คนเพื่อล้างแค้นที่พวกฉิกวางยาญาติพี่น้องตน ทว่าจนแล้วจนรอดก็ยังมิมีแม้เพียงครึ่งคนที่กล้าล่วงล้ำเข้าใกล้โรงเตี๊ยมแห่งนี้
สาเหตุย่อมมาจากที่ว่าเมืองนี้เป็นที่ตั้งสำนักใหญ่ของฉิกจับอิด ดังนั้นแม้ในเวลาที่สำนักใหญ่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ฐานกำลังของฉิกจับอิดระส่ำระสาย โรงเตี๊ยมนี้ก็ยังสามารถเปิดให้บริการ ทั้งมันยังขึ้นตรงต่อหลี่เฉินเชียงโดยมิยอมคิดคดทรยศเอาใจออกห่าง!
โรงเตี๊ยมฉิกจับอิดอันเคยเป็นสถานที่ประดุจสรวงสวรรค์ ผู้คนล้วนแต่หมายปองต้องการเข้าพักอาศัย หรือทานอาหาร และใช้บริการ เวลานี้กลับเป็นที่เกลียดชังของผู้คน สถานที่ที่เคยคับคั่งมากไปด้วยผู้คน เวลานี้เปลี่ยนเป็นรกร้าง จะมีก็แต่ผู้ที่จงใจเข้ามาหาเรื่อง มุ่งร้าย
ทว่าผู้คนเหล่านั้นมาได้ แต่กลับยังเข้าไปมิได้!
ฉิกจับอิดยิ่งใหญ่ถึงเพียงไหน มีกำลังเข้มแข็งถึงขั้นใด แม้ยามที่พวกมันตกต่ำถึงขีดสุดก็ยังพอมีเขี้ยวเล็บอยู่ ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้มิมีพ่อครัว มิมีเสี่ยวเอ้อ แต่มีกำลังพลของฉิกจับอิดที่รวบรวมมาจากทุกที่ในเมือง รวมถึงเมืองใกล้เคียง ทุกคนล้วนรวมตัวอยู่ที่นี่ แม้พวกมันมิใช่ชนชั้นยอดฝีมือระดับหนึ่ง ทว่าล้วนมิรวบรัดสามัญ พวกมันเมื่อมีกำลังพลถึงสามร้อยกว่าชีวิต ก็ยากที่จะมีผู้ใดมาตอแย!
ดังนั้นเหล่าชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายแม้เคียดแค้นใคร่กินเลือดกินเนื้อผู้ที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยม เพื่อล้างแค้นให้กับญาติพี่น้องของตนที่ต้องสูญเสียไปเพราะตัวยาของฉิกจับอิด ทว่ากลับมิมีความกล้าจะบุกเข้าไป!
ทันใดนั้นฝูงคนพากันแหวกออกเป็นสองด้าน ผู้คนจำนวนห้าสิบกว่าคนอาวุธครบมือ แบ่งเป็นสองขบวน ขบวนแรกมีจำนวนสามคน ส่วนขบวนหลังมีประมาณห้าสิบคน พวกมันมุ่งหน้าตรงเข้าสู่โรงเตี๊ยมของฉิกจับอิดอย่างมิหวั่นเกรงใดใด
เสียงชาวบ้านพากันร่ำร้องตะโกนสนับสนุนเหล่าผู้มาใหม่อื้ออึง มีบางคนจดจำออกว่าผู้นำขบวนเป็นผู้ใด ถึงกับโห่ร้องออกมาอย่างยินดี
"โอว นั่นมิใช่ท่านโจวเอินผิง ฉายา 'หมัดฆาตกร' หรอกหรือ?"
คนข้างๆ ได้ยินพากันปรบมือโห่ร้องชี้ชวนกันดู เวลานั้นชายชราที่ด้านข้างชี้มือไปยังคนอีกผู้หนึ่งกล่าวว่า
"ท่านดู! อาวุธในมือท่านผู้นั้น มิใช่ 'จะงอยปากธรณี' หรือ? ที่แท้ท่านเจียงเจ๋อตุง แห่งพรรคจวักธรณีก็มาแล้ว"
"อา!" ผู้คนนับสิบคนต่างอุทานออกมา
"ยังมี ท่านผู้นั้นที่อยู่ด้านข้างท่านทั้งสอง คงจักเป็นผู้ใดมิได้ นอกจากยอดฝีมือในยอดฝีมือ จอมยุทธคลุมหน้า....ท่านผู้แซ่ซุน...ซุนยัดไหล!!!!"
"โอวววว ครานี้พวกมารคงต้องถูกกำจัดจนสิ้นซาก ท่านโจวจงเจริญ"
"ท่านเจียงจงเจริญ ท่านซุนจงเจริญ เจ็ดจอมยุทธจงเจริญ!" ผู้คนนับร้อยร้อยคน ต่างโห่ร้องออกมาอย่างยินดี
สถานการณ์ของพวกฉิกจับอิดนับว่าย่ำแย่ถึงขีดสุดแล้ว!!!!
จากคุณ :
ทีมแต่งนิยาย
- [
14 ก.ค. 48 23:34:25
]