ท่ามกลางความมืด แสงจันทร์สาดส่องผ่านผ้าม่านที่เปิดแง้มไว้ ให้เห็นร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง ดิ้นไปมา เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เสียงที่หลุดรอดจากริมฝีปากบางมีแต่ชื่อของใครคนหนึ่งตลอดเวลา อ้อม......อ้อม.....อ้อม
เราขอโทษ.......อย่าไปนะ.....อย่าไป ! อย่าไป! สิ้นเสียงร้องเรียกหญิงสาวเจ้าของร่างบางก็ผุดลุกขึ้นนั่ง หายใจปนหอบอย่างหนัก เมื่อตั้งสติได้ เหลียวมองไปรอบห้องนอนที่มืดมิดในยามราตรีกาล ตระหนักได้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่คือความฝันที่ตามหลอกหลอนมาตลอดเวลา 4 ปี
มือเรียวยาวเอื้อมไปเปิดสวิทซ์โคมไฟ หยิบไปรษณียบัตรที่เพิ่งได้รับมาเมื่อตอนบ่าย ดวงตาคมสวย กวาดอ่านเนื้อหาในนั้นอีกครั้ง หลับตาลงภาพความฝันก็ยังแจ่มชัดอยู่ในใจ
4 ปี แห่งความฝันอันโหดร้ายสำหรับหล่อน ที่ไม่ว่าจะหลับตาลงเมื่อไร ผ่านไปนานสักแค่ไหน มันก็ยังคงอยู่กับหล่อนเสมอ เหมือนเป็นเงาตามตัว ให้สำนึกตลอดเวลาว่ามันคือความผิดอันร้ายแรงที่ตราอยู่ในใจเสมือนบาดแผลที่ไม่เคยตกสะเก็ด
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนฟูกหนา หลับตาพัก หวนนึกภาพความฝันเมื่อครู่ แล้วพยายามข่มตาหลับต่อ เมื่อเหลียวมองนาฬิกาข้างหัวเตียงที่บอกเวลา ตี 2 กว่าๆ บอกกับตัวเองว่ายังมีเวลาให้หลับพักผ่อนอีก 2 ชม. แล้วค่อยตื่นนอนไปทำงาน แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไรก็รู้ตัวว่าไม่สามารถหลับต่อได้อีก ก็ผุดลุกขึ้นไปล้างหน้า เอางานมาทำต่อเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน
อ้าว! คุณนุ่น......หวัดดีค่ะ แม่บ้านประจำออฟฟิศอุทานอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นร่างบางคุ้นตายืนรอเธอมาเปิดประตูบริษัท ก่อนเวลา 7 โมง ซึ่งปกติเวลานี้จะยังไม่มีพนักงานคนใดมาถึง ส่วนมากจะมาถึงกันประมาณ 8 โมง เนื่องจากบริษัทอยู่ในย่านธุรกิจชื่อดังที่สภาพการจราจรติดขัดมาก
หวัดดีค่ะ พี่ศรี เปรมมิดา เจ้าของเสียงหวานทักกลับพร้อมยกมือไหว้
คุณนุ่นจะมาเช้าก็ไม่บอก เมื่อวานพี่จะได้ให้กุญแจออฟฟิศไว้ จะได้ไม่ต้องมายืนรอ แล้วนี่มารอนานหรือยังจ้ะ
เพิ่งมาถึงสักพักเองค่ะ จริงๆ แล้วไม่ได้กะจะมาเช้าหรอกค่ะ พอดีนอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ ก็เลยว่ามาทำงานดีกว่า
ดูสิ ตาคล้ำเชียว ไปค่ะ เข้าไปนอนพักสักงีบก่อนดีกว่านะ ตื่นมาจะได้สดชื่นกว่านี้ เดี๋ยวจะไม่สบายไปซะก่อน พี่ศรีทักด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นหน้าตาของหญิงสาว ที่ดูเหมือนจะอดหลับอดนอนมาเกือบทั้งคืน
ขอบคุณนะคะ หล่อนกล่าวพร้อมยิ้มขอบคุณในความเป็นห่วงที่มีให้
นุ่น วันนี้แกมาเช้าเชียวนะ มาก่อนฉันอีกเป็นไปได้ไงเนี่ย เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงที่ทักหล่อน ก็เห็นเพื่อนสาวคนสนิทยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆ
นิสา หรือ ฟ้า เพื่อนที่สนิทที่สุด
หล่อนกับฟ้า รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม อยู่ห้องเดียวกันเรื่อยมา จวบจนเข้าสู่มหาวิทยาลัย เรียกได้ว่ารู้จักกันดี
แค่มองตากันก็รู้แล้ว เป็นคำติดปากที่มักจะพูดกันอยู่บ่อยๆ เมื่อมีคนถามถึงระดับความซี้ของเราสองคน
ทำไมจ้ะ ฉันจะมาเช้าบ้างไม่ได้เชียวเหรอ มีกฎข้อไหนห้ามพนักงานมาทำงานเช้ากันยะ ยัยฟ้า
กวนแต่เช้าเลยนะ ไม่มีกฎข้อไหนห้ามหรอก ถามนิดถามหน่อย ตอบแบบนี้เหรอ เดี๋ยวปั๊ดเตะให้เลย
เออน่า แกนี่เอะอะ อะไรก็จะลุยท่าเดียว ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันเพื่อนแกนะ
ไม่ต้องมาพูดดีไปหรอกนะ แล้วนี่แกไปทำอะไรมา ตานี่คล้ำยังกะหมีแพนด้าแน่ะ
นอนไม่ค่อยหลับน่ะ ก็เลยตื่นมาทำงานแต่เช้าดีกว่า เจ้าของเสียงหวานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเนือย พร้อมทั้งหลับตาก้มหน้าลงแนบท่อนแขนที่วางบนโต๊ะทำงาน
อย่าบอกนะ ว่าแกฝันอีกแล้วน่ะ นิสาหรี่ตาลงพร้อมกับจ้องแววตาของเปรมมิดา นี่! ตอบมาสิยะ เงียบทำไม เจ้าหล่อนถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนยังคงไม่ปริปากพูดออกมา
อ้าว! ก็แกบอกว่าไม่ให้บอก ฉันก็ไม่บอก แล้วยังมาว่ากันอีกแน่ะ ตกลงแกจะเอายังไงกันแน่ จะให้บอกหรือไม่ให้บอก
เดี๋ยวเถอะนะ ยัยนุ่น กวนอีกแล้วนะ ตอบมาให้ตรงคำถามเลยดีกว่า แกฝันอีกแล้วใช่มั้ย ฟ้าถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น บ่งบอกถึงอารมณ์ว่า ถ้าแกไม่ตอบดีๆ มีโดนเตะแน่
อือ.... คำตอบที่รอดมาจากริมฝีปากบาง ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา ทำให้นิสาได้แต่ถอนใจพร้อมทั้งส่ายหน้า ด้วยจนคำพูด ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เพื่อนไม่นึกถึงความฝันนี้
เรื่องมันก็นานมาแล้ว แกยังเก็บมาคิด จนฝันอีกแล้วนะ ลืมๆ มันไปบ้างเหอะ ชีวิตแกจะได้สดใสกว่านี้ อย่ามัวแต่ทำตัวเป็นคนแก่จมอยู่กับความหลังอยู่เลย อายุก็ยังไม่ 30 ชีวิตวัยสาวยังสดใสอยู่นะยะ ที่ฉันพูดมานี่ แกเข้าใจบ้างมั้ย
แม้คำพูดที่เพื่อนบอก แสดงให้รู้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่มีให้ แต่ก็ไม่ทำให้วันเวลาที่ผ่านมาหล่อนจะลืมมันได้อย่างที่เพื่อนอยากให้เป็น
หล่อนเคยพยายามแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ มันยังคงเป็นฝันที่ตามติด ถึงจะทุ่มเทให้กับการเรียน การทำงานอย่างหนักแค่ไหน หากเมื่อหลับตานอนเมื่อไร ความฝันนี้ก็จะยังอยู่เช่นเคย
หล่อนไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงมากนักจึงได้แต่พยักหน้า ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ แต่เพื่อความสบายใจของนิสา เพื่อนที่แสนดีของหล่อน แม้ว่าจะไม่มีเพื่อนรักอีกคนที่จากไปก็ตาม
นุ่น ว่าแต่แกได้นี่หรือเปล่า ? ไปรษณียบัตรในมือนิสา ที่โบกไปมาอยู่หน้าหล่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็ทำให้ในอกเจ็บแปลบ คล้ายกับถูกตอกย้ำด้วยเหล็กคมแหลมอีกครั้ง พร้อมทั้งพยักหน้ารับ
แกจะไปหรือเปล่า ? ฉันว่าแกน่าจะไปนะ ปีที่แล้วแกก็ไม่ไป ให้ฉันฉายเดี่ยวอยู่คนเดียว นิสาถามอีกครั้ง ตั้งใจอยากให้หญิงสาวนั้นได้พบปะสังสรรค์ เพื่อนเก่าบ้าง มิใช่ทำตัวเงียบหาย เหมือนไม่รู้จักใคร งานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยที่พวกหล่อนจบมา คือเนื้อหาที่อยู่ในไปรษณียบัตรตรงหน้า
ขอคิดดูก่อนละกัน ยังไม่รู้เลยว่าจะว่างหรือเปล่า ? เมื่อเห็นสีหน้าอ้อนวอนที่อีกฝ่ายส่งมาให้ก็ทำให้ยากจะปฏิเสธ แต่อีกใจนึงนั้นไม่อยากจะไปร่วมงานนี้สักเท่าไร เพราะไม่อยากหวนไปเจอกับบรรยากาศเก่าๆ ที่ทำให้นึกถึงอดีต
ไม่รู้ล่ะ แกต้องไปกับฉัน เดี๋ยววันศุกร์นี้ไปหาซื้อชุดใส่ไปงานกัน อ๊ะๆ...แล้วก็ห้ามปฏิเสธล่ะ เพื่อนๆ มันบ่นจะลืมหน้าแกกันอยู่แล้วนะ เวลานัดกันทีไรแกก็ไม่ไป งานเลี้ยงปีที่แล้วแกก็ไม่ยอมไปอีก ไม่รู้ล่ะ ยังไงแกก็ต้องไป ไม่งั้นไม่ต้องมาคุยกันอีกต่อไปเลย นิสายื่นคำขาดทันที ก่อนที่หญิงสาวจะทันหาข้ออ้างขึ้นมาอีก
สุดท้ายได้แต่พยักหน้ารับคำอย่างปลงๆ ช่วยไม่ได้ก็คงต้องไปร่วมงานปีนี้ซะแล้ว ยัยฟ้าจอมบงการเอ๊ย ทำกันได้นะ เฮ้อ............
ท่าอากาศยานสนามบินดอนเมือง เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ชายหญิงที่ผมเริ่มเป็นสีดอกเลาคู่หนึ่ง กำลังยืนชะเง้อมองหาบุคคลที่ตนมารอรับ
คุณภัทร เห็นตาพีหรือยังคะ
ยังเลยจ้ะ คนเยอะแบบนี้ หาลำบากหน่อย เสียงทุ้มตอบผู้เป็นภรรยา ที่กำลังมองหาร่างคนคุ้นเคย
เอ๊ะ ! นั่นใช่ตาเอกหรือเปล่าคะ พลันสายตาสะดุดเห็นร่างสูงที่สวมแว่นกันแดดสีชาเดินมุ่งหน้ามาทางตนก็ร้องเรียกสามีทันที
ไหน.....ใช่เลย ! ตาเอกทางนี้ ! เมื่อแน่ใจว่าบุคคลที่เห็นคือคนที่ตนมารอ ภัทรก็ตะโกนพร้อมยกมือเรียก ร่างสูงเห็นดังนั้นก็รีบเดินตรงมาทางชายสูงวัยทันที
ชายหนุ่มที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า ถอดแว่นกันแดดออก ยกมือไหว้บุคคลที่เคารพรักยิ่งทั้งสองคน การกระทำนั้นทำให้หญิงสูงวัยน้ำตาคลอเบ้าสวมกอดร่างสูงแน่นทันที รู้สึกถึงการกอดรัดตอบจากอีกฝ่ายเช่นกัน แล้วจึงคลายอ้อมแขนลง
คิดถึงป้าอัม ที่สุดเลยครับ เสียงห้าวเอ่ย พร้อมหอมแก้มผู้เป็นป้าฟอดใหญ่ ก่อนจะกอดกระชับคุณอัมราแน่นอีกครั้ง
ป้าก็คิดถึงเราเหมือนกัน ไปเรียนเมืองนอกซะนานเลยนะ ไม่กลับมาเยี่ยมป้าบ้างเลย
ผมไม่กลับมาก็เพราะอยากจะรีบเรียนให้จบ จะได้กลับมาอยู่บ้านเราเร็วๆ ไงครับ
คุณอัมราพินิศใบหน้าหลานชายคนโปรดด้วยความรัก ทำให้เห็นรูปร่างที่เปลี่ยนไป ก็พอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มคงเป็นที่ต้องตา สาวตาน้ำข้าวที่เมืองนอกเป็นแน่แท้
จากชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว ผอม ในตอนแรกกลับกลายเปลี่ยนเป็นหนุ่มคมเข้ม รูปร่างกำยำ คงเป็นเพราะจากการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรก็ได้ ที่ทำให้รูปร่างนั้นเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
งัยตาพี ไม่ควงแหม่มกลับมาฝากป้าเราด้วยหรือ ? ภัทรเอ่ยหยอกล้อหลานชาย เมื่อเห็นคุณอัมราเหลือบมองไปด้านหลังพีระ คล้ายกับจะหาว่ามีใครมาด้วยหรือไม่
เอ๊ะ! คุณนี่ คุณอัมราเสียงสูง หันไปค้อนใส่สามีทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มกับพีระ ป้าไม่เอาหลานสะใภ้เป็นฝรั่งนะ
โธ่! ป้าครับไม่ต้องห่วงไปหรอก สเป็คผมน่ะ ต้องสาวไทยอยู่แล้วล่ะครับ
มีแฟนเมื่อไหร่ อย่าลืมพามาแนะนำให้ลุงกับป้ารู้จักนะ ป้าแกเขากลัวจะไม่ได้อุ้มหลานน่ะ
รับรองครับ ถ้าผมเจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ ผมจะพาเธอไปพบลุงกับป้าแน่ๆ ครับ ผมสัญญา แววตานั้นมุ่งมั่น จนผู้สูงวัยทั้งสองสบตายิ้มให้กันอย่างพอใจในคำตอบ ก่อนจะพากันเดินออกจากสนามบิน
**************************
จากคุณ :
วีรกานต์
- [
16 ก.ค. 48 05:03:05
A:unknown X:unknown, unknown, 202.28.62.69
]