CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เจ้าชายในฝัน... กับคนที่ฉันเฝ้าคอย

    …เปลี่ยนคนในฝันให้มีตัวตน ให้เป็นคนในลมหายใจ ทำให้คนคนนั้นในนิยาย ออกมาเจอกับฉันที่เฝ้ารอ

    ‘เฮ้อ เมื่อไรจะมีคนนั้นบ้างนะเรา’ ฉันถามตัวเองอย่างนั้นขณะนั่งเหม่ออยู่ในรถเมล์สาย 14 สายที่รับฉันจากหน้าแฮร์รอดส์ ห้างสรรพสินค้าหรูชื่อดังแห่งกรุงลอนดอนเพื่อไปเปลี่ยนรถเมล์อีกสายที่จะพาฉันกลับบ้านได้ที่ Putney Bridge …รถเมล์คันนี้เป็นรถสองชั้นแบบเก่าที่ผู้โดยสารจะต้องตะกายขึ้นและลงบันไดวนจากทางด้านหลังรถ ซึ่งในความรู้สึกฉัน มันขึ้นลงลำบากและอันตรายกว่ารถเมล์สองชั้นในลอนดอนแบบอื่นมากนัก แต่วันนี้ฉันอยากรีบกลับบ้าน ไม่อย่างนั้นฉันคงยอมรอสาย 74 ที่เป็นรถแบบใหม่แล้วล่ะ แต่ไหนๆก็ไหนๆ ในเมื่อสาย 14 มาถึงก่อนฉันก็จำเป็นจะต้องขึ้น ก็ฉันอยากรีบกลับบ้านนี่นา… แล้วระหว่างกำลังนั่งเบื่อๆคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ดีๆเพลงนี้ก็แวบเข้ามาในหัวเสียเฉยๆ ทั้งที่เป็นเพลงเก่าที่ฉันไม่ได้ฟังเลยในช่วงนี้

    …เอ หรือว่าพักนี้ฉันอ่านนิยายทางอินเตอร์เน็ทมากเกินไปจนอาการฟุ้งซ่านกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

    อ้อ คุณๆทั้งหลายที่อยู่ประเทศไทย ที่สามารถเดินหาซื้อหนังสือทุกเล่มที่ต้องการได้ตามแผงหนังสืออาจจะนึกภาพไม่ออกว่านักเรียนที่มาเรียนต่อที่ต่างประเทศ และติดหนังสืออย่างหนักนั้นทรมานใจมากแค่ไหนที่ไม่มีโอกาสทำอย่างพวกคุณ บอกตรงๆนะว่าฉันอิจฉาพวกคุณเลยแหละ แต่จะสั่งซื้อมาหรือก็แพงค่าส่งเสียจนไม่คุ้มค่าหนังสือ สุดท้ายก็เลยได้แต่ด้อมๆมองๆ อ่านนวนิยายตามเว็บไซท์ยอดนิยมต่างๆแก้ขัดไปพลางๆ

    …อ่านนิยาย แล้วย้อนดูตัวเอง สักวันหนึ่งฉันจะมีโอกาสได้เจอพระเอกแบบนั้นบ้างไหมนะ

    เมื่อลืมตามองไปตรงหน้าฉันก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด… ตายหละ มัวแต่เหม่อ ถึง Putney ตั้งแต่เมื่อไรกันนี่ ฉันรีบถลาไปที่บันไดก่อนที่จะเลื่อนตัวลงไปเรื่อยๆ แต่ อย่างที่บอกไปแล้วว่ารถเมล์สายนี้เป็นบันไดวน …ที่ค่อนข้างชัน ผู้หญิงไทยผู้รักสวยรักงามยิ่งชีพ ใส่รองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดอย่างฉันจึงเกือบหัวคะมำ หวิดเสียชีพไปจริงๆหากไม่มีมือดีมาช่วยรั้งแขนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น น่าเสียดายที่เขายึดเอาไว้ได้แต่ตัวฉัน แต่รองเท้าคู่เก่งกลับพลัดหล่นลงไปตรงขอบถนน

    “ขอบคุณมากค่ะ” ฉันเอ่ยขอบคุณคนที่ช่วยฉันไว้เป็นภาษาอังกฤษก่อนที่จะลงไปเก็บรองเท้า… น่าอับอายชะมัดเลย โชคร้ายจริงๆวันนี้

    หรือว่าโชคดีกันแน่นะ….

    เพราะตอนที่เดินเท้าเปล่าลงมาจากรถเพื่อเก็บรองเท้า กลับมีมือข้างหนึ่งคีบรองเท้าคู่สวยของฉันยื่นมาให้ตรงหน้า ฉันรับมาก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าจะนั่งรถเลยป้าย

    …จะไม่ให้ฉันทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายคนนั้นหล่อระเบิดไปเลย ยิ้มนุ่มๆแต่ทำให้โลกนี้เป็นสีชมพูเจิดจ้าขึ้นมาเสียเฉยๆ …แถมยังเก็บรองเท้าของฉันได้ ต้องไม่ใช่ใครอื่น

    …เจ้าชายในฝันของซินเดอเรลล่า

    “ขอบคุณค่ะ” ฉันตกตะลึงจนหลุดคำนี้ออกไปจากริมฝีปากได้ยังไงก็ไม่รู้ รู้แต่ก็ดีแล้วที่พูดออกไปจนได้ ดีกว่ายืนส่งสายตาปิ๊งๆให้เพราะทำอะไรไม่ถูกแบบเมื่อกี้

    “ไม่เป็นไรครับ”

    …อู๊ยยยยย เสียงก็นุ่ม แต่ เอ๊ะ สำเนียงแบบนี้…

    “คุณ… เป็นคนไทยหรือเปล่าคะ” ฉันทำใจกล้าถามออกไปอย่างนั้น แต่ถามเป็นภาษาอังกฤษนะ ยังไม่อยากหน้าแตกต่อหน้าสุดหล่อคนนี้ เผื่อว่าเขาไม่ใช่คนไทยขึ้นมาจะได้ยังไม่เสียไมตรี อืม… ดี เซฟตัวเองไว้ก่อน แต่คำตอบที่ได้ทำให้ฉันเกือบจะกรี๊ดออกมาเป็นภาษาคาตาลัน เมื่อเขาตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มชวนฝัน …เป็นภาษาไทย

    “ครับ ผมเป็นคนไทย มาเรียนต่อที่นี่ คุณก็มาเรียนที่นี่เหมือนกันเหรอ”

    … เขาถามกลับด้วยล่ะ กรี๊ด… ฉันแอบร้องกรี๊ดกร๊าดอยู่ในใจเหมือนคนบ้า …ไม่ได้การ ต้องพยายามส่งยิ้มหวานผูกมิตร เผื่อเขาจะขอเบอร์โทรไปสานต่อ วี๊ดวิ้ว

    “ค่ะ พีซมาต่อโทที่มหาวิทยาลัย…” ฉันบอกชื่อมหาวิทยาลัยออกไปพร้อมแทนชื่อตัวเองในประโยคเสร็จสรรพ อิอิ ขอสารภาพว่านี่เป็นยุทธวิธีเพิ่มความสนิทสนมทางอ้อมเฉพาะตัวของฉันเอง อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็รู้จักชื่อฉันแล้วล่ะ จริงไหม “แล้วคุณ… ล่ะคะ”

    “เทมส์ครับ” อุ๊ยต๊าย รูปก็งาม นามก็เพราะ นี่… เห็นไหมคะ คุณผู้อ่าน เขาตกหลุมพรางที่ฉันขุดดักเอาไว้อย่างง่ายดาย แค่นี้ก็รู้ชื่อของเขาแล้ว “มาต่อโทเหมือนกัน ที่….”

    ได้ยินชื่อมหาวิทยาลัยของนายเทมส์ฉันก็ตาโตสิ มหาวิทยาลัยติดอันดับทางบริหารธุรกิจแบบนั้นใครจะไม่รู้จัก นอกจากจะเข้ายากแล้ว ค่าเทอมยังแพงมหาศาลบานตะไทไม่เกรงใจคนจ่ายเงิน สรุปฟันธงได้เลยว่าอีตาคนนี้ต้องครบสูตรรูปหล่อ พ่อรวย แถมยังพร้อมด้วยปัญญาอีกต่างหาก

    …นี่แหละ เจ้าชายในฝัน พระเอกในนิยายของฉัน ในที่สุด เขาก็มีตัวตน

    “เทมส์ หมดเรื่องแล้วก็ไปเหอะ มาเสียเวลาคุยอยู่ได้ ผู้หญิงที่ดูสติไม่เต็มเต็งแบบนี้อย่าไปยุ่งด้วยดีกว่า”

    เสียงนั้นทำให้โลกทั้งโลกเปลี่ยนจากสีชมพูมาเป็นสีปกติอย่างกับมีคนมาฉกฟิลเตอร์สีหวานฉ่ำออกจากเลนส์ตาฉันเสียเฉยๆ มองไปทางต้นเสียงถึงเพิ่งเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยท่าทางหงุดหงิด …อันที่จริงเขาคงจะยืนอยู่นานแล้วแหละ แต่รัศมีอันเจิดจ้าของ ‘เจ้าชายในฝัน’ ของฉันบดบังลักษณะอันมืดทึมของเขาเสียหมด ถ้าจะให้บรรยายลักษณะของผู้ชายคนนี้ คุณคงจะหาว่าฉันด่าเพราะอคติที่มาขัดจังหวะตอนที่กำลังเคลิ้ม …อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงก็ได้ เพราะในสายตาของฉัน เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่ผ่านมาตรฐานเลยสักข้อ ตัวก็เตี้ย คือ เขาสูงพอๆกับฉันเท่านั้นเอง ไม่เหมือนเทมส์ที่ฉันต้องแหงนหน้าขึ้นนิดๆเวลาคุยด้วย นอกจากนั้นก็ห่างไกลคำว่า เนี้ยบ สุดขอบ scale เลยทีเดียว …พอจะนึกออกไหมคะ ในแบบสอบถามที่ให้ rank จาก 1 ถึง 7 น่ะ ถ้าเนี้ยบๆแบบเทมส์เป็น 7 นายคนนี้แค่ 1 ยัง rank ให้ไม่ได้เลย พิจารณาจากการแต่งกายแบบเถื่อนๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ และหมวกแก๊ปโกโรโกโสนั่น ช่างแตกต่างจากเทมส์ที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงแสล็กเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนกัน

    ….ที่สำคัญ เทมส์ดูมีมารยาทและสุภาพเต็มร้อย ในขณะที่นายเถื่อนคนนี้ ถ้าให้คะแนนคงเป็นค่าติดลบเกินกว่าที่จำนวนจริงจะให้ได้ อาจจะถึงขนาดต้องขอยืมจำนวนเชิงซ้อนมาช่วยคำนวณแล้วล่ะ

    …โอเค ฉันยอมรับว่าพูดโอเวอร์ไปหน่อย แต่ก็สาสมกันดีกับที่เขาว่าฉันไม่ใช่หรือไง

    “เฮ้ย ไรน์ พูดอะไรระวังหน่อย นี่เขาเป็นผู้หญิงนะ แล้วก็… ออกจะน่ารักขนาดนี้ ไปว่าเขาแบบนั้นได้ยังไง”

    น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก…. เทมส์ชมว่าฉันน่ารัก… เขินนะเนี่ย มาพูดอะไรซึ่งๆหน้าแบบนี้

    “เนี่ยนะ น่ารัก เทมส์มีตาดูหรือเปล่า” ไรน์สะกิดพี่ชายที่อายุห่างกันเพียงปีเดียวให้มองหญิงสาวตรงหน้า …ต้องยอมรับว่าเขามีส่วนถูกไม่น้อย เพราะสาวน้อยที่เห็นตรงหน้ามีอาการตาลอย แก้มแดงระเรื่อ สองมือบิดไปบิดมาอย่างกับบิดผ้าขี้ริ้ว ท่าทางบอกชัด สติไม่ดีชัวร์ๆยัยคนนี้!!

    “น่ารักสิ” เทมส์พูดยิ้มๆ รอยยิ้มของเขาทำให้โลกของพีซสว่างอีกแล้ว “อ้าว รถเมล์มาพอดี ผมกลับบ้านก่อนนะครับ คุณพีซ ยินดีที่ได้พบกันนะครับ”

    “ค่ะ พีชก็ยินดีที่ได้พบคุณเทมส์ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคะ”

    ….ไปซะแล้ว เจ้าชายของฉัน …พีซมองยานพาหนะสีแดงคันใหญ่ที่เพิ่งเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา… อยากวิ่งตามรถเหมือนนางเอกที่พระเอกต้องไปออกสงครามบ้างเหมือนกัน แต่ยังสำนึกได้ว่าตัวเองยังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง จึงได้แต่มองตามไปอย่างเสียดาย


    _+_+_+_+_+_+_+_+_+_+_

    จากคุณ : บทเพลงแห่งความฝัน - [ 18 ก.ค. 48 03:13:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป