ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง (๒๓)
ผิดฝา ก็ผิดตัว
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ ถึงตอนนี้ ขุนแผนก็ได้ ตีดาบ - ซื้อ ม้า - หากุมาร เรียบร้อยครบหมดทั้งสามอย่างดังประสงค์แล้วนะขอรับ ต่อไปก็คงจะได้ถึง ฤดูกาลล้างแค้น กันบ้างละขอรับ
แต่ก่อนที่จะได้ทำตามแผนล้างแค้นอันแสนจะหฤโหดซีเรียสนั้น พี่แกก็มีอะไรต่อมิอะไรกุ๊กกิ๊กอยู่กะเขาเหมือนกันแหละขอรับ
ก็อยู่มาวันหนี่ง หลังจากที่ได้รำพึงแค้นต่อนายขุนช้างไว้ เป็นอันมากมายแล้ว ขุนแผนก็ขึ้นเรือนไปหามารดา แล้วเข้าไปขออนุญาตแม่เดินทางไปสุพรรณ เพื่อทำแผนยุทธการ ปล้นเมียขุนช้าง...
ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ
ก้มกราบมารดาแล้วว่าขาน
แต่ลูกตรอมใจมาเป็นช้านาน
เหลือจะทานทนแล้วจึงลามา
ลูกจะไปแก้เผ็ดอ้ายขุนช้าง
ให้สิ้นอย่างสาสมแก่น้ำหน้า
จะพาวันทองดั้นอรัญวา
ถ้าตามมาลูกจะฟันให้บรรลัย ฯ
แต่แม่ทองประศรี ก็พยายามห้ามเอาไว้ด้วยเหตุผล ที่น่ารับฟังเป็นอย่างยิ่งทีเดียวแหละขอรับ
ทองประศรีฟังพลางทางปลอบ
ตอบว่าแม่เห็นหาควรไม่
แม่นี้คิดเกลียดรังเกียจใจ
มันสิ้นไร้แล้วฤาทั้งบุรี
ถ้างามรูปงามใจแม่ไม่ห้าม
ควรตามแล้วก็ตามให้เต็มที่
นี่งามรูปแต่ใจมันไม่ดี
อย่างนี้มันไม่น่าจะติดตาม
วันทองหมองแม้นเหมือนแหวนเพชร
แตกเม็ดกระจายสิ้นเป็นสองสาม
จะผูกเรือนก็ไม่รับกับเรือนงาม
แม่จึงห้ามหวงเจ้าเพราะเจ็บใจฯ
ที่จริง จะไปโทษแม่วันทองเสียคนเดียว ก็ไม่ถูกหรอกนะขอรับกระผมว่า...เพราะเธอเองก็ไม่ได้เต็มใจไปสักเท่าไหร่ ถึงการณ์ในครั้งต่อ ๆ ไปก็ดูจะคล้าย ๆ กัน ก็อ้ายสถานการณ์ หัวล้านลากไป หัวดีลากมา นี้แหละมิใช่หรือขอรับ ที่ทำให้แม่วันทองต้องประสพกับชะตากรรม ที่เป็นโศกนาฏกรรมในบั้นปลายของชีวิต
แถมยังมีชื่อติดเป็นความมัวหมอง ในวงวรรณคดีไทยมาจนทุกวันนี้น่ะขอรับ
มาต่อเข้าเรื่องกันนะขอรับ ครานั้นพ่อขุนแผนจึงว่า แม่จ๋า อ้ายขุนช้างมันทำกับลูกไว้เจ็บแสบนัก เห็นจะอยู่ร่วมโลกกันต่อไปไม่ได้เสียแล้ว ลูกเองก็เป็นคนดีศรีอยุธยาคนหนึ่ง จะปล่อยให้มันลำพองหัวเราะเยาะลูกเล่นอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร
แม่ทองประศรีได้ฟังดังนั้น ก็รู้ตัวว่าสุดที่จะทัดทานลูกได้เสียแล้ว เพราะเรื่องนี้มิใช่เรื่องครวญคร่ำร่ำอาลัยกันธรรมดา แต่เป็น สงครามแห่งศักดิ์ศรี กันเลยทีเดียว ก็จึงได้แต่สวมหัวใจเมียทหาร ตกปากอนุญาตพร้อมกับพึมพำให้พรลูกไปตามเรื่องตามราว
ขุนแผนก็ขอบคุณแม่แล้วก็กลับมาแต่งตัวราวกับจะออกศึก
สอดสนับเพลาม่วงดวงวิหค
นุ่งยกแย่งทองผ่องใส
รอยจีบกลีบกระหวัดรัดละไม
เสื้อสั้นชั้นในล้วนเลขยันต์
เสื้อนอกดอกช่อฉลุทอง
ตระพองทับเจียระบาดคาดมั่น
แหวนถักพระพิรอดสอดพัน
สังวาลคั่นเครื่องประดับกับผมพราย
จับประเจียดประจุประจงโพก
ได้มหาสิทธิโชคสำคัญหมาย
จบจับฟ้าฟื้นแล้วยืนกราย
บ่ายเลี่ยงผีหลวงกาละไทย ฯ
แล้วก็ขึ้นสีหมอกดั้นมาถึงสุพรรณบุรี จัดแจงตัดไม้ปลูกศาลเพียงตา ตั้งเครื่องบัตรพลี ชุมนุมเทวดา แล้วตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ที่มาที่นี่ก็เพราะเหตุว่าขุนช้างได้ทำกรรมไว้กับข้าพเจ้าก่อน จึงขอให้เทพอำนวยพรให้สำเร็จดังที่ตั้งใจไว้
เสร็จสรรพ ก็สะกดลมปราณดูทิศทางแล้ว จึงบุกเข้ามาจนถึงบ้านของขุนช้าง
ครานั้น ผีพรายห้านาง ประจำบ้านขุนช้าง ก็รู้ทันทีว่ามีศัตรูมาเหล่านางจึงพากันต่อสู้กับพวกผีพรายของขุนแผน แต่เมื่อสู้ไม่ได้จึงใช้ยุทธวิธีใหม่ โดยแปลงกายเป็น นางบังเงา เฟี้ยมฝาแฝงดูพ่อขุนแผนของเรา
แลทั้ง ๆ ที่เป็นลักษณะที่เป็นศัตรูกันนั้น นางเหล่านั้นก็ยังถึงกับออกอุทานยังกับคุณ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในเพลงที่ว่า อื้อฮือ...หล่อจัง... แล้วก็เมียงมองมาทำยั่ว ค้อนคมกับขุนแผนเล่นซะยังงั้นแหละ
ฝ่ายพ่อขุนแผนก็รู้อยู่ว่าเป็นนางพรายแปลง แต่สวยนี่ ช่วยไม่ได้ก็เลยต้องจีบเสียหน่อยเพื่อไม่ให้เสียธรรมเนียมปฏิบัติ เฮ้อ...ประหลาดดีนะขอรับ
ครานั้นขุนแผนแสนสนิท
แจ้งจิตว่าพรายแปลงหาแคลงไม่
ขยับยืนยิ้มพรายภิปรายไป
พี่มิใช่ชายพาลชำนาญลัก
มีธุระมาปะพอเป็นโชค
ด้วยร้อนโรครึงรุมกลุ้มใจหนัก
คลายทุกข์ที่มาถามเนื้อความทัก
แรกรักรีรอแต่พอควร
พี่นี้คือผัวเจ้าวันทอง
ขุนช้างพาน้องมาสู่สงวน
จากเมียเสียใจให้รัญจวน
พอพบทั้งห้านาริน
เอ็นดูเถิดช่วยเปิดประตูให้
จะขอบใจเจ้าให้ถึงขนาดสิ้น
ว่าพลางเป่ามนตร์ให้ยลยิน
กินหมากคนละคำอย่าอำพราง ฯ
คิดดูสิขอรับ พ่อแม่พี่น้อง ขนาดผียังจีบเลย เอากะพ่อสิ....พ่อขุนแผนของเรา
(จะว่าคลำดูไม่มีหางก็ออกจะแรงไปนิด)
แต่พอนางพรายผู้สำนึกบุญคุณในเครื่องเซ่นของขุนช้าง ไม่เล่นด้วย ก็เลยต้องใช้ไม้แข็งกันบ้าง จึงซัดข้าวสารเสกเสียตนละฟุ่บ นางพรายก็กระจัดกระจายหายไปแล้วก็เข้าสะกดคนในบ้านจนหลับใหลไปตามกัน
จากนั้นก็ปีนขึ้นบ้านชานเรือนขุนช้าง ซึ่งบูรพคณาจารย์ทางดนตรีไทยท่านเห็นว่าสำนวนกลอนไพเราะหนักหนา จึงนำมาบรรจุไว้ในเพลง พม่าห้าท่อน ดังนี้ขอรับ
โจนลงกลางชานร้านดอกไม้
ที่ขุนช้างปลูกไว้อยู่ดาษดื่น
รวยรสเกสรเมื่อค่อนคืน
ชื่นชื่นลมชายสบายใจ
กระถางแถวแก้วเกดพิกุลแกม
ยี่สุ่นแซมมะสังดัดดูไสว
สมอรัดดัดทรงสมละไม
ตะขบข่อยคัดไว้จังหวะกัน
ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด
แทงทวยทอดอินพรมนมสวรรค์
บ้างผลิดอกออกช่อขึ้นชูชัน
แสงพระจันทร์จับแจ่มกระจ่างตา ฯ
จากนั้น ก็เดินสำรวจห้องต่าง ๆ ราวกับบ้านของตัวเอง เห็นไพร่ชายหญิงนอนหลับกันเกลื่อนกล่นเพราะฤทธิ์สะกด ก็เดินข้ามไปเรื่อย ๆ จนพบห้อง ๆหนึ่งปิดอยู่ ก็เข้าใจว่าเป็นห้องนางวันทอง จึงสะเดาะกลอนเข้าไป ก็พบกับภาพที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนกับถูกสะกดบ้าง
(กลอนสำนวนนี้ไม่ยกไม่ได้ขอรับ เพราะไพเราะเป็นที่จับใจผู้ฟังผู้อ่านมานานแสนนาน)
...................
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
20 ก.ค. 48 10:35:45
]