CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    Let be me...เป็นฉันได้ใช่ไหม(2)

    เช้าวันใหม่ที่ค่อนข้างจะเหมือนเดิมและดูแย่ๆ สำหรับอันธิกา เมื่อเธออกจากบ้านก็ต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัดจนน่าปวดหัวซึ่งไม่เห็นทีท่าว่าจะมลายหายไปจากกรุงเทพฯ ในวันใดวันหนึ่ง กว่าจะถึงที่ทำงานก็ทำเอาสาวร่าเริงอย่างอันธิกาถึงกับห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวแรง

    “เหนื่อยมาก...ทำไมนะ การมาทำงานนี่ช่างรู้สึกเหนื่อยกายได้ขนาดนี้นะ นุ่นว่าไหม” ยังไม่ทันที่คำตอบจะหลุดออกจากปากคู่สนทนา เสียงใสๆของคนถามก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

    “เออ...ลืมไปว่าเธอนะบ้านอยู่ใกล้แค่เดินไม่กี่ก้าวเอง” คำพูดมีเสียงแกมประชดปนน้อยใจ

    คนที่ถูกกล่าวหาจึงเถียงขึ้นมาอย่างนึกสนุก “อะไรกัน ไม่เห็นจะใกล้เลย เราก็ยังต้องนั่งรถมาอยู่ดีนั่นแหละจ้ะ ถ้าอันเห็นว่าใกล้วันนี้ตอนเลิกงานลองเดินกลับกันดูสักทีไหม...เอารึเปล่า”

    “จะบ้าไปใหญ่แล้วเพื่อนเรา ชั้นไม่เอาด้วยหรอก ก็แค่พูดเปรียบเทียบ เข้าใจไหม ล้อเล่นก็ไม่ได้”คนพูดแสดงท่าทีพร้อมการพูดเพื่อแสดงให้คนฟังรู้ว่ากำลังล้อเล่นไม่ได้คิดจริงจังอะไรอย่างที่ปากว่าออกไป

    “ก็รู้ว่าล้อเล่น ก็ล้อเล่นตอบไงล่ะจ้ะ” คนตอบตอบทีเล่นทีจริงทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มออกมาได้เป็นยิ้มแรกตั้งแต่เดินเข้าที่ทำงานมา ซึ่งเอาแต่ทำหน้าบึ้งกับบ่นถึงสิ่งที่ทำให้อารมณ์เสีย

    ทักทายกันเสร็จสองสาวก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน แต่อันที่จริงไม่ได้รู้สึกตัวว่าต้องขยันจนกระทั่งผู้จัดการเดินเข้ามานั่นแหละ สองสาวรวมถึงพนักงานคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าถ้ายังไม่เริ่มต้นทำอะไรสักอย่างคงไม่พ้นต้องโดนสายตาอาฆาตของผู้จัดการที่คอยปรายตามองว่าใครที่ยังไม่เข้าประจำยังโต๊ะทำงานบ้าง มองจนต้องรู้สึกเลียวสันหลังวาบๆไปจนถึงเวลาเลิกงาน ไม่ก็อาจจะเก็บไปฝันในคืนนี้เลยเป็นได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ใครต่อใครออกจะเกรงขามหรือหวาดๆทุกครั้งที่ต้องพบปะหรือแค่เห็นแกมองมาเท่านั้น ลับหลังก็มีหลายคนต่างเอาเรื่องของผู้จัดการจอมเฮี้ยบคนนี้ไปนินทาสารพัด ไม่ว่าจะหาว่าแกเป็นเพศที่สามบ้างล่ะถึงได้มีวันประจำเดือนมา แล้วได้อารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกับผู้หญิง บ้างก็ลามปามไปถึงเรื่องใต้เข็มขัดอันนี้ก็แล้วแต่ใครจะแต่งกลิ่นแต่งรสกันยังไงบ้างสุดแล้วแต่จะคิดกันขึ้นมาได้

    สองสาวที่นั่งเงียบเอาแต่ก้มหน้าทำงานตั้งแต่วงสนทนาแตกกระจายก็หันมามองหน้ากันอย่างปลงๆ ถึงความโหดของผู้จัดการ จนสาวปากกล้า ที่ออกจะร่าเริงมากกว่าบ้าบิ่น เริ่มเอ่ยปากชวนสนทนา
    “นุ่นว่าไหม อีตาผู้จัดการเนี่ย เคร่งเป็นบ้า โหดก็ปานนั้น จุกจิกก็ปานนั้น เรื่องมากได้ทุกเรื่อง เอากับพ่อคุณเถอะ”
    “จุ๊ๆ...อย่าไปว่าเค้าอย่างนั้นสิ เดี๋ยวเกิดเดินมาได้ยินมีหวังได้โดนให้เก็บของกับไปนั่งแหง่วที่บ้านแหงๆ”เสียงปรามจากนนทิยา ชี้แจงให้เห็นถึงสถานภาพของตนและเพื่อนสนิท

    ไม่วายมีเสียงโต้แย้งจากคนที่ถูกปราม “ก็มันน่าพูดอยู่ไหมล่ะนุ่น ก็ดูเอาว่าที่พูดมันจริงแค่ไหนกัน”

    “ก็รู้ว่าจริงจ้ะ แต่มันไม่ควรพูดตอนนี้เข้าใจไหมอัน ไม่งั้นเราสองคนจะต้องเดือดร้อนแน่ เพราะ...” คนพูดหยุดกึกขึ้นมา ทำให้คู่สนทนาของเธอรู้โดยทันทีว่า คนที่ถูกพาดพิงในการสนทนาของเธอทั้งสองคนนั้นกำลังเดินใกล้เข้ามา สองสาวจึงก้มหน้ามองยังโต๊ะทำงานที่มีแฟ้มเอกสารกองอยู่ โดยไม่ได้สนใจกับคนที่กำลังสอดส่องคนที่ไม่ ยอมปฏิบัติหน้าที่ที่ควรจะทำในเวลานี้
    ……………………………………………………………………………………………
    อันธิกาเหลือบมองนาฬิกาเมื่อรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเรียกร้องอาหาร “เที่ยงแล้วนุ่น ไปหาข้าวกินกันเถอะ”

    “หิวแล้วเหรอจ้ะ ขอเวลาเราแป๊บนึงนะ” นนทิยาพูดโดยไม่ได้มองหน้า แต่ก้มหน้าก้มตารีบทำงานให้เสร็จ

    ผ่านไป15นาทีสองสาวเพื่อนซี้ก็มานั่งอยู่ในร้านประจำมีอาหารโปรดวางอยู่ตรงหน้า ขณะที่อันธิกากำลังจะลงมือทานอาหารตรงหน้า เธอก็ต้องชะงักมือเพราะมีเสียงพูดที่ไม่คุ้นเคยอยู่ข้างหลัง พอเหลือบตามองก็เห็นนนทิยากำลังส่งยิ้มให้กับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอก่อนที่เธอจะเอ่ยทักทาย แต่ทำเอาคนที่มาด้วยงงว่าเพื่อนทักใคร ก่อนที่จะหันไปมองด้านหลังของตัวเอง แล้วหันกลับมาคาดคั้นกับเพื่อนสาว

    “นุ่นใครเหรอ อันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไปรู้จักตอนไหนเหรอ ไอ้ตี๋เนี่ย” เสียงที่พูดออกไปนี้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

    “ตายแล้ว...ทำไมอันไปว่าเค้าอย่างนั้นล่ะจ้ะ”

    “ก็แล้วทำไมล่ะ ก็เห็นแล้วไม่ค่อยถูกชะตาขึ้นมา ยิ่งไอ้คนตัวโตๆที่ยืนข้างๆด้วย เห็นแล้วมัน
    รู้สึกไงบอกไม่ถูก”

    “ก็จะไม่ให้รู้สึกได้ยังไงล่ะ ก็คนที่ตัวโตนั่นนะ อันชนกับเค้าเมื่อวันก่อนที่หน้าประตูไง พอจะนึกออกไหมล่ะ”

    “ถึงว่า เจ็บมากเลยตอนชน ก็ตัวใหญ่ยังนี้สินะ ถึงได้...”

    ชายหนุ่มที่ยืนอยู่นานแล้ว ซึ่งตอนนี้ในมือของทั้งสองมีถาดอาหารอยู่
    คนตัวโต หรือพีชภัทร์เข้ามาได้ยินประโยคสนทนาล่าสุดของอันธิกาจึงเอ่ยออกไปอย่างยียวนว่า “ถึงได้อะไรเหรอครับ ผมนี่มันทำไมเหรอครับมีอะไรแปลกประหลาดรึไงครับ”

    อันธิกาได้ยินจึงหันไปทางต้นเสียงแล้วทำตาขวางใส่ อย่างโมโหสุดขีด รู้สึกอายก็รู้สึกที่ดันโดนได้ยินตอนกำลังนินทา แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร ยังไงเธอก็คิดเสมอมาว่าการพูดจาอย่างนี้ไม่ได้เรียกว่านินทา แต่เป็นการเล่าสู่กันฟังซึ่งเธอคิดแถมอีกด้วยว่าก็มันเป็นเรื่องจริงนี่นาไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย เธอจึงพร้อมที่จะประจันหน้ากับใครก็ตามที่มาว่าเธอด้วยเรื่องพรรค์นี้

    ก่อนที่อันธิกาจะเอ่ยอะไร นนทิยาก็ตัดบทขึ้นมาด้วยการเชิญชายหนุ่มทั้งสองนั่งร่วมทานอาหารโต๊ะเดียวกัน เห็นดังนั้นอันธิกาก็เลยหันมาถลึงตาใส่เพื่อนที่ไปเชิญคนทั้งสองลงมานั่งด้วยกัน

    ชายหนุ่มซึ่งถูกอันธิกาเรียกว่าไอ้ตี๋เอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการทักทายอย่างเป็นทางการอีกรอบ “สวัสดีครับ ได้เจอกันอีกแล้วนะครับคุณ เออ...”

    นนทิยาตอบกลับไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทั้งหมดนี้ยังไม่มีใครรู้จักชื่อใคร “ชั้นชื่อนนทิยาค่ะ เรียกว่านุ่นก็ได้ ส่วนเพื่อนของชั้นชื่ออันธิกาค่ะ จะเรียกว่าอันก็ได้นะคะ”

    คนที่ถูกแนะนำเอ่ยออกมาอย่างกวนประสาท “ใคร...ใคร อนุญาตให้เรียกเราว่าอันได้ ไม่เอาหรอกนุ่นเราไม่ได้อยากรู้จักนายสองคนนี้สักหน่อย”

    “แต่ผมอยากรู้จักนะครับ คุณอะไรนะ...อัญชัน เอ้ย อันธิกา” พีชภัทร์ทำหน้าหมือนเป็นผู้ชนะ

    “นี่นายจะมากไปแล้วนะ อย่ามาล้อชื่อคนอื่นนะ ไม่งั้นได้เจอดีแน่ ไม่เชื่อคอยดูแล้วกัน”
    แต่คนที่ถูกว่ากลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร เพราะยังคงทำหน้ายิ้มเยาะลอยไปลอยมา ซึ่งเป็นการยั่วให้คนที่ตอนนี้โมโหอยู่ยิ่งโมโหไปกันใหญ่

    นนทิยาจึงต้องเป็นผู้ห้ามทัพก่อนที่อะไรๆจะยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่ โดยเริ่มคุยกับเพื่อนใหม่ทั้งสอง
    “แล้วคุณสองคนชื่อว่าอะไรคะ ยังไม่รู้จักกันเลย”
    นายหน้าตี๋หรือนายปรมินทร์ขันอาสาเป็นคนแนะนำ “ผมชื่อปรมินทร์ครับ เรียกผมว่า ปอนด์ก็ได้ครับ ส่วนนายร่างโตคนนี้ชื่อพีชภัทร์ครับ เรียกมันว่าพีชก็ได้ครับ”

    เสียงใสๆชวนหาเรื่องพูดแทรกขึ้นมา “ชื่อไม่เห็นจะสมกับตัว ตัวออกจะหญ่าย” ลากเสียงจนคนฟังรู้สึกว่ากำลังโดนประชด

    คนที่ถูกพาดพิงหันหน้าไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่ก็แค่แกล้งๆ “นี่คุณผู้หญิงครับคุณยังไม่ให้ผมล้อชื่อคุณเลยนะแล้วคุณจะมาล้อชื่อผมได้ไงกันครับ” ไม่พูดเปล่าพีชภัทร์หันไปทำตายียวนใส่อันธิกา ทำเอาฝ่ายที่ถูกมองมีอาการหงุดหงิดเห็นได้ชัด

    “เออ...ไม่ทราบว่าคุณนุ่นกับคุณอันทำงานที่ไหนหรือครับถึงได้มาทานอาหารที่ร้านนี้” ปรมินทร์เปิดการสนทนา

    “พวกเราสองคนทำงานที่ตึกข้างๆนี้คะ ตอนกลางวันเลยมาฝากท้องที่ร้านนี้เป็นประจำ”

    นนทิยาตอบด้วยเสียงที่นุ่มนวล และถามกลับออกไปอย่างชวนคุย “แล้วคุณทำงานที่ไหนกันเหรอคะ”

    “พวกผมสองคนเปิดบริษัทอยู่ตรงตึกหัวมุมถนนตรงนั้นครับ” ปรมินทร์พลางชี้มือไปยังตึกที่ตนกับเพื่อนทำงานกัน

    ปรมินทร์กับนนทิยาคุยกันต่อไปเรื่อยๆอย่างออกรสชาติ แต่อีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยกลับนั่งเงียบคอยชำเลืองมองกันอย่างหาเรื่อง

    “เย็นนี้คุณสองคนว่างไหมครับ ผมอยากจะชวนไปทานข้าวด้วยกันในโอกาสที่เรารู้จักกัน”ปรมินทร์เอ่ยชวนสองสาวอย่างเป็นมิตร

    “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ แล้วจะเจอกันตอนกี่โมงดีคะ” นนทิยาตอบกลับไป พลันมีเสียงใครแย้งขึ้นมา

    “นี่นุ่นไม่คิดจะถามเราก่อนเหรอว่าอยากไปรึเปล่า”

    “ทำไมล่ะอันก็เราไปในโอกาสที่เราได้รู้จักเพื่อนใหม่นี่นา แล้วคุณสองคนนี้ก็ไม่ดูว่าจะน่ากลัวหรือเป็นพิษเป็นภัยอะไรนี่นา”

    “ก็เราไม่อยากไปกับใครบางคนนี่นา ถ้าไปกันแค่สามคนก็ว่าไปอย่าง จริงไหมล่ะ”
    “ไม่เอาน่า อย่างอแงสิอัน แบบนี้ไม่น่ารักนะจ้ะ”

    “ก็ได้...ก็ได้ ไปก็ได้ค่ะคุณแม่ คุณเพื่อนบังเกิดเกล้า”

    พูดจบก็ทำให้อีกสามคนยิ้มกับคำพูดคำจาของอันธิกา ส่วนคนพูดนั้นไม่ได้รู้ตัวว่าอีกสามคนกำลังตลกกับคำพูดของเธอ เพราะเธอเอาแต่สนใจกับอาหารตรงหน้า

    “ตอนเย็นนี้เจอกันสัก 5 โมงเย็นนะครับ สะดวกไหมครับ” ปรมินทร์กล่าวออกไปด้วยความเกรงใจ

    “แล้วพวกผมสองคนจะไปรับที่หน้าบริษัทนะครับ” พีชภัทร์เอ่ยขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบอยู่นาน

    “แล้วจะให้เราสองคนไปคอยที่หน้าบริษัทคุณรึไงฮะ ชวนเค้าเองก็ต้องมารับสิคุณ เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิคะ”อันธิกาพูดขึ้นมาทันควัน คิดจะยั่วอารมณ์ใครบางคน แต่กลับไม่ได้ผลอะไร เพราะอีกฝ่ายกลับยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเธอ เลยทำเอาคนพูดอารมณ์เสียซะเอง

    “ไปนุ่นกลับกัน ไปทำงานได้แล้ว เบื่อจะอยู่ตรงนี้แล้ว เดี๋ยวจะทนไม่ไหว อาจจะต้องฆ่าใครบางคนแถวนี้”

    นนทิยาจึงบอกลาคนทั้งสอง แล้วสองสาวก็แยกตัวออกมาเพื่อกลับไปทำงานต่อ ส่วนสองหนุ่มที่ยังคงมองส่งสองสาวอยู่หน้าร้านอาหาร หันมายิ้มให้กันกับแผนการที่วางเอาไว้ว่ามันได้สำเร็จไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว และเตรียมพร้อมที่จะเริ่มขั้นตอนต่อไป
    ................................................................................................................................................

    จากคุณ : อักกิศา - [ วันเข้าพรรษา 18:01:38 A:210.246.71.49 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป