ก้อนหิน ดอกไม้และสายธาร
@<><><><>@
เสียงน้ำตกจากเบื้องสูงลงมากระทบแก่งหินดังอยู่ไม่ขาดสาย กลายเป็นไอน้ำกระเซ็นสาดเป็นฝอยลอยละล่องไปทั่วบริเวณที่ใกล้เคียง พัดพาเอาความชื้นให้เหล่าดอกไม้ป่านานาพันธุ์ตามแก่งหินออกดอกบานสะพรั่ง หลากสีสันสวยงาม รวมไปถึงตะใคร่น้ำและเฟิร์นหลากชนิด ที่แข่งกันอวดความเขียวขจีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สร้างความสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศวิทยา
ตรงต้นไม้ใหญ่ใกล้สายธารที่รองรับน้ำจากเบื้องบน กลายเป็นที่พักน้ำแอ่งใหญ่ก่อนจะไหลเอื่อยลงไปเบื้องล่างต่อไป มีชายหนุ่มคนหนึ่งในวัยฉกรรจ์นั่งรอใครคนหนึ่งด้วยความหวัง ในมือของชายผู้นี้ถือกล่องกระดาษห่อด้วยลายการ์ตูนสีชมพูผูกด้วยริบบิ้นสีขาว เขาก้มดูของในมือบ่อยครั้งสลับกับมองไปยังเส้นทางที่เขาเดินมาเมื่อตอนเช้าตรู่ เป็นอยู่อย่างนี้จนบ่ายและสายจนย่างเข้าสู่ช่วงเย็น
ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครหรือทวดก้อนหิน? เสียงดอกไม้ในวัยสาวบานสะพรั่งอายุได้ไม่กี่วันส่งเสียงแจ้วๆ ร้องถามก้อนหินซึ่งอยู่สถานที่แห่งนี้มานมนานจนกลายเป็นปู่ เป็นทวดไปแล้ว
เขาชื่อต้นหนาว บ้านคงอยู่แถวนี้ล่ะมั้ง เขามาที่บ่อย ตอนนั้นดอกไม้อย่างเธอยังไม่เกิดเลย เสียงสายธารจากเบื้องล่างสาธยายแทนก้อนหิน ให้ดอกไม้ขี้สงสัยฟัง และส่งเสียงเย้าไปถึงก้อนหินว่า อย่างอนไปเลยท่านก้อนหิน ดอกไม้คงไม่รู้ว่าท่านห้ามเรียกว่า ทวด น่ะ
ดอกไม้ผู้ไม่รู้ความนัยมาก่อนได้ยินอย่างนั้นเลยกล่าวขอโทษขอโพยก้อนหินเป็นการใหญ่ และมีเสียงเกลี้ยกล่อมจากสายธารอีกแรง ก้อนหินเลยยอมเล่าให้ดอกไม้ และสายธารฟังในฐานะผู้รู้
ก็ไม่มีอะไรมาก เอ
หรือว่ามากหว่า ก้อนหินเล่นคำอารมณ์ดีขึ้นทันที แต่เมื่อมีเสียงขู่จากสายธารและดอกไม้พร้อมกันว่าหากไม่รีบเล่าความจริงมา จะไม่ยอมพูดด้วย ก็ได้ๆ ก้อนหินบ่นนิดหน่อยเมื่อโดนประท้วง แต่ก็ยอมเล่าต่อว่า
เมื่อห้าปีก่อน มีหนุ่มสาวสองคนมานั่งเล่นน้ำตกด้วยกัน และเมื่อจะจากกัน ต่างก็ให้สัญญารักกันว่าจะกลับมาพบกันอีก
ที่นี่
และวันนี้ก็ครบรอบห้าปีพอดี
ได้ฟังความดังนั้นทั้งดอกไม้และสายธารต่างก็มีความคิดคล้อยกันแต่แตกต่างกันออกไปบ้าง ดอกไม้นั้นถึงกับชมว่าชายหนุ่มผู้นี้ช่างมั่นคงในรักนัก ถึงแม้กาลจะผ่านล่วงเลยมาถึงเพียงนี้ แต่ยังรักษาสัญญามั่น และตั้งตารอคอย
ส่วนสายธารนั้นก็เห็นด้วยกับดอกไม้ในแง่ที่ว่าเขาช่างจดจำสัญญาได้ แต่จะเชื่อใจได้หรือว่าตลอดเวลาห้าปีมานี้เขาผู้นี้ไม่เคยมีใครมาก่อน หันไปถามใครล่ะ มองไปทางดอกไม้สีสวย นี่ก็เพิ่งออกดอกได้ไม่นาน หันไปทางก้อนหินซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมานับครั้งไม่ถ้วน
ก็รู้เห็นเฉพาะในละแวกที่ตนสถิตอยู่เท่านั้น
แล้วใครจะรู้ สายธารตั้งคำถามกับตัวเองในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้มีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา ครั้งหน้าแล้งคราวใดจำต้องจากก้อนหินทุกครั้งไป เพราะฝีมือมนุษย์ที่ตัดไม้จนไม่มีเหลือหรอให้ความชุ่มชื้นบนป่าเขา สายน้ำอย่างเธอเลยแห้งขอดตลอดลำธารเมื่อหน้าร้อนมาเยือน
แต่หากทั้งสามมีใครมากระซิบบอก คงทราบว่าต้นหนาว ชายหนุ่มที่ถูกสายธารตั้งข้อสงสัยนั้น ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเอาหัวใจตนไปมองสาวใด มีบ้างบางครั้งที่สาวมาชอบ แต่เขาไม่เคยสนใจ รักนั้นปักอกแน่นหนาอยู่กับสาวอีกคนที่ชื่อว่า ปลายฝน
ทั้งสองรู้จักกันเมื่อตอนเรียนมัธยมต้นด้วยกัน เพราะความที่ชื่อคล้องกัน ปลายฝน ต้นหนาว
เราชื่อหนาว
เธอล่ะ
ปลายค่ะ
ยิ่งทั้งสองรู้ที่มาของการตั้งชื่อเล่นจากอีกฝ่ายซึ่งเหตุผลเหมือนกับของตัวคือ พ่อกับแม่ไม่อยากให้ชื่อซ้ำกับใคร
ชื่อ หนาว น่ะดีแล้ว ไม่ค่อยไม่มีใครเหมือนและเหมือนใคร หากชื่อต้น มีออกเกลื่อน เหตุผลของพ่อหนาว
ลูกแม่ชื่อ ปลาย น่ารักดี...ดีกว่าชื่อ ฝน เสียอีก ชื่อออกจะโหลนะ หากชื่อนั้น ที่มาจากแม่ของปลาย
นั่นเลยทำให้ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทั้งสองเลยไปไหนมาไหนด้วยกัน เรียนห้องเดียว เล่น ทำกิจกรรม หรือแม้กระทั่งเที่ยว ความสนิมสนมกลมเกลียวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายเปลี่ยนแปลง ปลายฝนโตเป็นสาวรักสวยรักงาม ส่วนต้นหนาวก็เริ่มแตกเนื้อหนุ่มเมื่อย่างเข้ามัธยมสาม และเมื่อทั้งคู่โดนเพื่อนๆ ล้อและจับคู่ให้กัน ต่างก็ไม่มีใครบอกรับหรือปฏิเสธมีแต่ความขวยเขินให้เห็นจากสายน้อยปลายฝนและอาการแก้เขินจนทำอะไรซุ่มซ่ามจากต้นหนาว และตั้งแต่นั้นทั้งสองก็เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดว่า ทั้งคู่เป็นแฟนกันแล้ว
จนเวลาล่วงผ่านนับได้หกปี ทั้งคู่เรียนจบมัธยมปลายถึงคราเปลี่ยนแปลงในชีวิต ปลายฝนต้องย้ายตามครอบครัวไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ส่วนต้นหนาวยังคงอยู่ที่บ้านเกิดโดยเข้าเรียนมหาลัยในตัวจังหวัด แต่ถึงกระนั้นทั้งสองยังสัญญาก่อนจากกันตอนไปเล่นน้ำตกด้วยกันว่าจะกลับมาเจอกันอีกหลังจากนี้ห้าปี
ด้วยความผูกพันที่มีมาตลอดการเรียน ครั้งพอจากกันความเหงาและคิดถึงย่อมมีมากเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งคู่เขียนจดหมายถึงกันตลอดโดยไม่พึ่งพาการสื่อสารอย่างอื่น ตัวอักษรจารึกไว้เป็นหลักฐานบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละคนให้แก่กันและกันฟัง แต่ระยะหลังมานี่จดหมายตอบจากปลายฝนเริ่มน้อยลง หญิงสาวให้เหตุผลว่าเพราะต้องเรียนหนักและอ่านหนังสือสอบ อีกอย่างปีสุดท้ายต้องฝึกงานและทำโปรเจ็คด้วยเลยไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก และถึงแม้จะปิดภาคเรียนแต่ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันเพราะเหตุผลนั้นมีมากกว่าความต้องการของหัวใจเสมอ
ต้นหนาวนั้นยังเขียนจดหมายถึงเธออย่างสม่ำเสมอ จนปีสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ส่งไปอีกเพราะเหตุผลที่เธอบอกมาเขาเองก็เข้าใจ เพียงแต่เขียนเก็บเอาไว้ จนบัดนี้เวลาผ่านมาจนครบกำหนดสัญญานัดหมาย เขาเลยรวบรวมจดหมายไปให้เธอ อยากบอกว่าทั้งหมดที่ผ่านมาไม่เคยลืม และรอคอยวันนี้ด้วยใจจดใจจ่อถึงแม้ว่าสิ่งที่อยากพูดมากที่สุดในการเจอกันอีกได้เปลี่ยนไปแล้วก็ตามที...!?!
ต้นหนาวนั่งรอมาจนกระทั่งอากาศยามเย็นย่ำเริ่มหนาวขึ้นทีละน้อย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าสาวเจ้าจะมาตามสัญญานัดหมาย หัวใจเขาเลยพลอยหนาวยะเยือกยิ่งกว่าสายลมที่พัดพามาเสียอีก ชายหนุ่มเลยตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมทั้งหยิบเอาปากกามาบรรจงข้อความลงไปบนกล่องจดหมาย เสร็จแล้ววางไว้ใกล้ต้นไม้ใหญ่หวังลึกๆ ว่าเธออาจจะมาแล้วจะได้เจอมัน เอ่ยรำพึงกับตัวเองแผ่วเบาว่า
ปลายลืมหนาวแล้วใช่ไหมครับ เขาเดินคอตกกลับไป จนดอกไม้ถึงกับรำพันถึงความน่าสงสารที่มีต่อชายหนุ่ม
โถ..ถถ พ่อยอดชายของฉัน ไม่ต้องเศร้านะจ้ะ รอน้องดอกไม้ก่อน อีกไม่กี่วันฉันจะไปเกิดเป็นคู่ครองของเธอ
จนมีเสียงแซวจากสายธารเบื้องล่างนั้นแหละว่า ให้มันน้อยๆ หน่อย แม่ดอกไม้งามจึงตื่นจากฝันหันไปขว้างค้อนใส่เจ้าของเสียงไปเท่านั้นเอง ส่วนก้อนหินเพียงอมยิ้มน้อยๆ และยังรอคอยด้วยความอยากรู้ว่ามนุษย์สองคนนี้จะลงเอยกันอย่างไร
เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเพราะคล้อยหลังจากที่ต้นหนาวกลับไปได้ไม่นาน ร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ของปลายฝนก็เดินอุ้ยอ้ายลงมาจากรถเก๋งส่วนตัวซึ่งมีคนขับนั่งรออยู่ในรถมองดูด้วยความเป็นห่วงอีกที...หญิงสาวยืนนิ่งไม่ไหวติงทบทวนภาพความทรงจำเก่าๆ ที่ฉายชัดขึ้นมาทีละเฟรมๆ บรรยากาศและสถานที่เก่าอันคุ้นเคย ก้อนหินยังคงนิ่งอยู่กับที่ สายธารใสแจ๋วยังไหลเอื่อย มีแต่ดอกไม้เท่านั้นที่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หันไปมองต้นไม้ดูจะใหญ่ขึ้นผิดตา สองขาก้าวเดินอย่างระวัง ภาพที่เคยอิงแอบชายหนุ่มยามมานั่งเล่นน้ำด้วยกันคงจะไม่มีอีกแล้ว เพราะเธอเห็นกล่องสีสวยซึ่งวางเด่นไว้ให้เห็นชัด เธอบอกตัวเองว่า มาสายเกินไป
เมื่อกล่องสีสวยอยู่ในมือเธอ ข้อความที่ชายหนุ่มเขียนไว้จึงเห็นชัดเจน เธออ่านข้อความนั้นเสียงดังฟังชัดเหมือนกับให้ทุกสิ่งในที่นี้รับรู้และเป็นพยาน
ปลายฝนที่รัก
อภัยให้หนาวด้วยที่มิอาจรักษาสัญญารักของเราไว้ได้ หนาวต้องแต่งงานกับสาวที่พ่อแม่หาให้ หนาวจำเป็นต้องยอมเพราะเหตุผลหลายประการ...คิดเสียว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กันนะถึงได้ลงเอยแบบนี้... หนาวก็ได้แต่อวยพรให้ปลายเจอคนที่ใช่และครองคู่อย่างมีความสุขกับเขา
รักเสมอ
ต้นหนาว
ปลายฝนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอกอดกล่องนั้นเอาไว้แน่น ข้างในจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เธอจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีความรู้สึกดีๆกับผู้ชายที่แสนดีคนนี้ ตลอดเวลาที่คบหากันมา ไม่เคยมีครั้งใดที่เธอต้องเสียใจเพราะการกระทำของเขา เป็นเธอเสียอีกที่กว่าจะตัดสินใจมาตามสัญญาได้ก็ทำเอาลำบากใจไม่น้อย
ก็คงอย่างที่เขาบอก เราคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน
สายธารรับรู้เรื่องราวและเมื่อหญิงสาวลาลับไปกับรถคันที่เธอมาแล้วเธอกล่าวแบบปลงๆ ว่า ความรักมักดึงเอาปัญญาไปจากคนที่มีปัญญาอยู่แล้ว แต่จะให้ปัญญากับคนที่ไม่เคยมีมาก่อน
ดอกไม้ยิ้มน้อยๆ ดูเธอจะเศร้าไปกับหนุ่มสาวทั้งสองไปด้วย กล่าวเสริมว่า หากคิดจะมีรัก ต้องหมั่นดูแลต้นรัก เพราะความรักนั้นไม่ใช่แค่เพียงนั่งอยู่เฉยๆ ดุจดังก้อนหินที่ตรึงนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว มันเป็นสิ่งที่จะต้องสร้างขึ้น ต้องทำใหม่อยู่ตลอดเวลาเหมือนขนมปัง ต้องทำใหม่อยู่เสมอ
ก้อนหินซึ่งโดนพาดพิงและถูกกล่าวหาแย้งว่า ความรักมันต้องแกร่งดังหินผา หนักแน่นและมั่นคงอย่างฉัน ไม่ใช่ไหลเอื่อยเย็นจืดชืดเหมือนเธอ...สายธาร และไม่ใช่อ่อนไหวง่ายๆ อย่างดอกไม้หรอก
อ้าว...ก้อนหิน สายธารโวยวายในขณะที่ดอกไม้คอยสนับสนุน อย่ามากล่าวหากันนะ ความรักมันต้องใจเย็นและใจกว้างเหมือนแม่น้ำอย่างฉันสิ
ความรักต้องคู่กับดอกไม้งามอย่างฉันด้วย
ทั้งสามต่างไม่ยอมกันและกัน ถือว่าตนเป็นสิ่งสำคัญต่อความรักเหนือสิ่งอื่นใด แต่ใครเล่า...จะตัดสินหรือบอกได้ว่ารักนั้นเปรียบกับอะไร แต่ที่แน่ๆ ความรักนั้นไม่ใช่ของสองสิ่งซึ่งมีแค่ชื่อเหมือนแล้วเป็นความรัก ทั้งหน้าตา ฐานะทางสังคมหรือแม้กระทั่งชนชั้น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอายุก็ใช่อุปสรรคแห่งรัก
รัก...ก็คือรัก ซึ่งไม่มีเหตุและผล
แสงแห่งราตรีกาลกำลังเคลื่อนคล้อยมาเยือนตามกฎของธรรมชาติ ทั้งสามดูจะเงียบเหงาลงไป แต่จู่ๆ ดอกไม้ก็กล่าวกับสายธารว่า
น่าสงสารทั้งสองคนเนอะ
จริงด้วย สายธารตอบรับเศร้าๆ
จะไปสงสารทำไม ก้อนหินแย้งขึ้นมา ดีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน จากลากันแบบนี้น่ะเป็นทางออกซึ่งดีที่สุด
ทำไมล่ะ? ทั้งสองถามขึ้นมาพร้อมกัน
เอาอย่างนี้ดีกว่า ฉันถามพวกเธอทั้งสองว่าผู้หญิงที่มาน่ะ เธอมากันกี่คน
ทั้งดอกไม้และสายธารตอบอย่างมั่นใจว่า มาสองคน รวมถึงคนที่นั่งอยู่ในรถด้วย และก็แขวะก้อนหินกลับไปว่า ปัญหาแค่นี้ไม่น่าจะเอามาถาม ก็เห็นๆ กันอยู่
ได้ฟังคำตอบดังนั้นก้อนหินเลยหัวเราะร่วนอย่างไม่ปิดบัง ยิ่งทำให้ทั้งสองแปลกใจ ก้อนหินจึงบอกว่า เธอมาด้วยกันสามคน เมื่อเห็นดอกไม้และสายธารงงได้ที่จึงบอกต่อไปอีกว่า ก็ปลายฝนเธอท้องน่ะ และเมื่อก้อนหินอธิบายให้ทั้งสองเข้าใจว่า คนท้อง หมายถึงอะไร
ทั้งก้อนหิน ดอกไม้และสายธารต่างหัวเราะกันอย่างเริงร่าไปเท่านั้นเอง และบอกกับตัวเองว่าชีวิตมนุษย์นั้นซับซ้อนหนักหนา ยากนักที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
จบแล้วค่ะ^^
จากคุณ :
อนงค์นาง
- [
23 ก.ค. 48 12:04:36
]