CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    แค่รู้ว่ารัก

    ผมขับรถแล่นเรื่อยมาตามทางที่คุ้นเคย เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา รถแล่นเรื่อยมาจนกระทั่งถึงจุดหมาย ผมสูดลมหายใจรับความร่มรื่น สดชื่นของอากาศรอบ ๆ ตัว ผมแต่งงานมาได้สองปีเศษแล้วตอนนี้ผมมีลูกสาวเล็ก ๆ น่ารักคนหนึ่ง มีภรรยาที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอในยามทุกข์และสุข เรื่องราวความรักของผม ภรรยา และผู้หญิงอีกคนหนึ่งหวนเข้าในความคิด ระหว่างที่ผมเดินเรื่อยไปตามร่มเงาของต้นไม้ที่ปลูกอยู่รอบ ๆ บริเวณ



                  นอกจากแม่แล้ว ผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมมีอยู่สองคนด้วยกัน คนหนึ่งคือ แก้ว ร้อยแก้ว ผู้หญิงที่ผมรู้จักมาเกือบจะชั่วชีวิต อีกคนก็คือแพน ปานตะวัน ผู้หญิงที่ผมหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้า



                  ผมยังจำได้ถึงวันที่ครอบครัวของแก้วย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์หลังติดกัน ตอนนั้นผมกับแก้วน่าจะอายุราว ๆ เก้าขวบ เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน พ่อของแก้วเป็นตำรวจ ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน แก้วตอนนั้นเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ผอมสูง ใบหน้ามีแววความน่ารักแบบเด็กผู้หญิง แต่แววตาดูแก่นซนสนุกสนาน พ่อกับแม่ผม เชิญอารุ่งโรจน์กับอากานดา พ่อแม่ของแก้วมากินข้าวเย็นที่บ้านในวันแรกที่ครอบตัวแก้วย้ายเข้ามา ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนพูดคุยกันถูกอัธยาศัย  ครอบครัวของแก้วเคยพักอยู่ที่แฟลตตำรวจ แต่พอลูกสาวโตขึ้น อาโรจน์กับอากานดาจึงตัดสินใจ นำเงินที่เก็บไว้ส่วนหนึ่งมาดาวน์บ้าน อากานดาเคยทำข้าวแกงและขนมขายบริเวณหน้าแฟลตตำรวจ เมื่อย้ายมาอยู่บ้านอากานดาก็ทำข้าวแกงและขนมตั้งโต๊ะขายหน้าบ้าน ในตอนแรกผมไม่ได้สนใจแก้วนักเนื่องจากเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิง แต่ผมสนใจขนมที่อากานดามักจะแบ่งให้กินประจำ นอกจากนี้ผมมักตื่นเต้นดีใจเสมอ เมื่อเห็นอาโรจน์ แต่งชุดตำรวจออกจากบ้าน

                   “โอ้โฮ เท่จังครับอาโรจน์”

                   เด็กหญิงร้อยแก้วเดินตามแม่ต้อย ๆ มาส่งพ่อที่หน้าบ้าน ขณะที่มือข้างหนึ่งถือถุงขนม อีกมือกำชายเสื้อของอากานดาไว้ มองตามพ่อตาละห้อยอย่างที่ผมสังเกตเห็นหลายครั้งหากออกมาเล่นนอกบ้านในช่วงที่อาโรจน์กำลังจะออกไปทำงาน

                  “อาไปทำงานก่อนนะ ภูมิ” อารุ่งโรจน์หันมาบอกผมก่อนที่จะหันไปลาอากานดากับแก้วแล้วติดเครื่องรถจักรยานยนต์ออกไป อากานดาตาย่อตัวลงข้าง ๆ ลูกสาวก่อนที่จะลูบหัวด้วยความรัก

                  “พ่อไปทำงานนะแก้ว เดี๋ยวเย็น ๆ ก็กลับแล้ว ว่าแต่ว่าเราจะทำอะไรกันดีตอนที่พ่อไม่อยู่”

                   “แก้วอยากดูวีดีโอการ์ตูน”

                   อากานดายิ้มก่อนที่จะหันมามองผม อากานดาเป็นผู้หญิงที่สวย ถึงแม้จะไม่แต่งตัวและไม่แต่งหน้าเลย แต่ก็มีความงามตามธรรมชาติ

                   “ภูมิ มาดูการ์ตูนกับแก้วไหมจ้ะ เดี๋ยวอาจะยกกับข้าวกับขนมมาตั้งขายแล้ว แก้วจะได้มีเพื่อน”

                   “น่าเบื่อออกครับ การ์ตูนเด็กผู้หญิง” ผมเบ้ปาก

                   “ใครว่า” แก้วแทรกขึ้นมา”เราไม่ดูหรอกการ์ตูนเด็กผู้หญิง เราชอบดูการ์ตูนหุ่นยนต์ เมื่อวานพ่อเช่ามาให้ตั้งหลายม้วน.....ไม่อยากดูก็ตามใจสิ”

                   “มาสิจ้ะ มาดูการ์ตูนกัน”

                   “เอ่อ...แต่ว่า....” ผมหันไปมองในบ้าน พี่นิดกำลัง ‘พักผ่อนก่อนเวลาทำงาน’ อยู่บนโซฟารับแขก

                  “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวอาจัดของอยู่หน้าบ้าน ถ้าเกิดพี่นิดเขาออกมาตาม อาจะบอกให้เองว่าภูมิดูการ์ตูนอยู่กับแก้ว”

                  ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่วิ่งปร๋อไปยังประตูหน้าบ้านของอารุ่งโรจน์อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นั้นมาช่วงเช้าผมก็มักจะใช้เวลาดูวีดีโอการ์ตูนกับแก้ว ช่วงบ่ายก็ไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย จนถึงเย็น ส่วนแก้วก็จะมีเพื่อนผู้หญิงมาเล่นด้วยที่บ้าน พ่อกับแม่ผมไปทำงานช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ส่วนเสาร์อาทิตย์ บางครั้งพ่อแม่ก็จะพาผมไปเที่ยวโดยมีแก้วติดตามไปด้วย เพราะอารุ่งโรจน์ต้องทำงาน ไม่มีเวลาที่จะพาแก้วไปเที่ยวที่ไหน




                   “ทำไมแก้วชอบทำหน้าเศร้า เวลาอาโรจน์จะออกไปทำงาน” ผมเคยถามแก้วในวันหนึ่งที่เราไปเที่ยวสวนสนุกกัน ผม แก้ว และพ่อกับแม่ผม

                   “แก้วกลัว พ่อโดนผู้ร้ายยิง” แก้วตอบผมว่าอย่างนั้น ในตอนนั้นผมได้แต่ปลอบใจไม่ให้แก้วคิดมาก

                   “อาโรจน์เก่งออก รับรองว่าจัดการผู้ร้ายอยู่หมัด” ผมดึงแขนแก้วไปยังแถวที่คนเข้าคิวรอเล่นเครื่องเล่นอยู่ “ไปเล่นกันเถอะแก้ว คิดมากไปได้ ตำรวจมีตั้งเยอะแยะ เก่ง ๆ ทั้งนั้น ผู้ร้ายทำอะไรไม่ได้หรอก”

                   “น่ากลัวออกนะ ดูสิ สูงก็สูง แถมตีลังกาไปมาด้วย จะไหวเหรอภูมิ” แก้วหน้าตาออกจะเกรง ๆ เมื่อแหงนมองเครื่องเล่นน่าหวาดเสียว กำลังตีลังกาหมุนไปมา บนรางอยู่ขึ้นไปลิบ

                   “โธ่ เด็ก ๆ น่าแก้ว เราอยากเล่นตั้งนานแล้วนะ แต่พ่อกับแม่ไม่กล้าเล่นด้วย เรายังดีใจเลยที่แก้วมา เราจะได้มีเพื่อนเล่น”

                   “อื้อ เราเล่นด้วยก็ได้” แก้วตอบเหมือนจำใจ ในขณะที่ผมยิ้มอย่างมีความสุข อยากจะแก้วเห็นหน้าตอนลงมาจากเครื่องเล่นจริง ๆ ทำท่ากล้า ๆ กลัว แบบนี้คงแย่แน่ ๆ

                   ตอนลงมาจากเครื่องเล่น ผมกลับเป็นฝ่ายที่หน้าซีด ใจสั่น แล้วหยุดอาเจียนหลังจากเดินพ้นบริเวณเครื่องเล่นไปได้ไม่มาก ในขณะที่แก้ว วิ่งไปหาพ่อกับแม่ผม หัวเราะร่า

                  “สนุกจังค่ะ ลุงภัทร ป้าทราย” แก้วพูดกับพ่อแม่ ที่มองมาทางผม แอบยิ้มอย่างขำ ๆ ร้อยแก้วเป็นเด็กแก่นแก้วพอตัว สามารถเล่นกับพวกเพื่อนทโมนของผมได้ แถมไม่กลัวเครื่องเล่นหวาดเสียวทุกชนิด วันนั้น ผมเป็นฝ่ายถูกแก้วลากไปเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวอีกสี่ห้าชิ้น ก่อนที่จะกลับบ้านในแบบหน้าตาซีดเซียวหมดสภาพ



                  ร้อยแก้วย้ายเข้ามาเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ที่สำคัญเราเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่นั้น จนถึงจบระดับประถมศึกษาก็ยังเข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมใกล้ ๆ บ้านด้วยกัน ที่สำคัญผลการเรียนของเราใกล้กัน เราจึงได้อยู่ในห้องเรียนอันดับสองด้วยกันอีก ตั้งแต่ชั้นม. 1 จนถึงม. 3 ผมกับแก้วมีส่วนร่วมในชีวิตของกันและกันเสมอ วันเกิดผมทุกปีก็มีแก้ว วันเกิดแก้วทุกปีก็มีผม จะว่าไปผมสนิทกับแก้วมากกว่ากลุ่มเพื่อนผู้ชายด้วยกันเสียอีก และถ้าผมเข้าใจไม่ผิด แก้วก็สนิทกับผมมากกว่ากลุ่มเพื่อนผู้หญิงเหมือนกัน เรามักจะเดินกลับบ้านด้วยกันทุกเย็นยกเว้นวันไหนที่ผมเตะฟุตบอลกับเพื่อน ๆ แก้วจะรีบกลับเพื่อไปช่วยอากานดาเก็บของหน้าบ้าน

                   ที่จริงแก้วจัดว่าเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีคนหนึ่งในห้อง ด้วยรูปร่างเพรียว ใบหน้ารูปไข่ที่มีเค้าแววของความขี้เล่น ผิวขาวใส ดวงตากลมโต จมูกเล็กได้รูป ริมฝีปากบาง ผมดำขลับยาวตรง แต่เจ้าตัวมักมัดรวบไว้ด้านหลังเสมอ มีคนพยายามที่จะจีบแก้วอยู่พอสมควรเหมือนกัน แต่พอมีใครเข้ามาจีบ แก้วก็เล่นงานจนพวกผู้ชายไม่กล้าตอแย และด้วยความที่เป็นคนง่าย ๆ พูดจาโผงผาง แก้วก็สามารถพูดคุยเล่นหัวกับกลุ่มเพื่อนผู้ชายได้สนิทใจ

                  “แก้วนี่ ไม่ชอบผู้ชายหรือไงเนี่ย” ผมพูดกับแก้วในวันหนึ่งที่เราเดินกลับบ้าน “เราเห็นใครมาจีบแก้ว แก้วก็ไล่ตะเพิดไปหมด”

                  “บ้ารึไง เพิ่งจะเรียนม. 3 จะรีบมีแฟนไปทำไม” ไม่พูดเปล่า ทุบแขนผมอั้กใหญ่

                  “ก็เพื่อนผู้หญิงคนอื่นเขาก็มีแฟนกัน อย่างอีกสองวันจะวาเลนไทน์ เดี๋ยวก็มีเพื่อนผู้ชายให้ดอกไม้”

                  “ไม่เห็นจะอยากได้” ร้อยแก้วย่นหน้า ก่อนที่จะเดินนำผมไปไกล แล้วหันกลับมา “จะรีบไปช่วยแม่เก็บของแล้วนะ ตามมาให้ทันล่ะ ไม่ทันจะเอากระโปรงให้นุ่ง”

                   ผมวิ่งไล่ตามแก้ว ที่วิ่งนำออกไปไกลโข เรากลับถึงบ้าน ไล่ ๆ กัน นั่งหอบอย่างหมดแรง อยู่บนเก้าอี้หินอ่อน หน้าบ้าน

                  “ดูสิ แก้ว ชวนกันวิ่งกลับบ้านอีกแล้ว เราน่ะเป็นผู้หญิงนะ แม่ล่ะไม่รู้จะพูดกับเรายังไงแล้วนะ” อากานดาดุแก้ว เมื่อก่อนที่จะหยิบข้าวต้มมัดไส้กล้วยส่งให้ผมมัดหนึ่ง

                  “เอาขนมไปกินนะ ภูมิ เหลือแค่มัดเดียวแล้วล่ะ อาจะได้เก็บของซะที แก้วมาช่วยแม่เก็บของเร็ว”

                  ร้อยแก้วลุกขึ้นอย่างไม่พอใจนัก ช่วยอาแก้วตาเก็บของ แต่หันมาทางผม บ่นอุบกับผู้เป็นแม่

                  “แม่น่ะ ชอบดุแก้วอยู่เรื่อง ทีกับภูมินะ เอาใจสารพัด แก้วเป็นลูกแม่นะ แม่ลืมรึไงเนี่ย แม่น่ะมีลูกสาวชื่อร้อยแก้วนะ ไม่ได้มีลูกชายชื่อภาคภูมิ”

                  อากานดาวางมือจากการเก็บหม้อข้าวแกง จานชาม เพื่อนที่จะมีมือวางบิดแขนลูกสาว

                  “ก็เพราะเป็นลูกนะสิ ถึงได้ว่า”

                  แก้วปัดป้องมือของอากานดาที่บิดแขนตัวเอง เต้นเร่า ๆ อากานดาไม่ได้ดุลูกสาวจริงจังนัก จึงอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวบิดไปบิดมา หลบเลี่ยงการถูกบิดแขน

                  “รีบเก็บของแล้วไปอาบน้ำได้แล้ว เรานี่มันจริง ๆ เลย”



                  วันวาเลนไทน์ปีนั้นก็เหมือนปีก่อนหน้า ผมเดินตัวปลิวเข้าโรงเรียนในขณะที่แก้วเดินตามมาติด ๆ โดยหอบเอาดอกกุหลาบแดงหนึ่งช่อใหญ่ติดตัวมาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

                  “อะไรกันนักหนา พวกผู้ชายเนี่ย จะเอาดอกไม้ไปให้สาว แต่หน้าบาง ไม่กล้าถือมาโรงเรียนเอง”

                  “ไม่เอาน่าแก้ว ทำบ่นเป็นยายแก่ไปได้ บอกแล้วไง ว่าจะพาไปเลี้ยงไอติมเป็นการขอบคุณ” ผมหันไปมอง อดยิ้มขำไม่ได้เมื่อเห็นแก้วทำหน้ามุ่ย ๆ “ยิ่งถ้าเขาตกลงเป็นแฟนเรานะ เราจะสมนาคุณให้แก้วอย่างดีเลย เอาเป็นไอติมสองถ้วยเลยดีไหม”

                   ร้อยแก้วไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เดินตามผมมาอย่างรู้หน้าที่ เย็นวันนั้น ผมพาแก้วไปเลี้ยงไอศกรีมที่ร้านใกล้ ๆ โรงเรียนในตอนเย็นระหว่างเดินกลับบ้าน

                   “ถ้วยเดียวนะ” ตอนนี้กลายเป็นผมเองที่หน้ามุ่ย ขณะที่ร้อยแก้ว ยิ้มแยะ เปิดดูเมนูไอศกรีมอย่างรื่นเริง ถ้าผมรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อมาหลังจากที่เราสองคนกลับถึงบ้าน ผมคงยอมเลี้ยงไอศกรีมแก้วสักร้อยถ้วยให้เราอยู่ในร้านนั้นนานที่สุดเท่าที่จะนานได้

                   

                   “อร่อยดีนะ ไอติมเนี่ย กินถ้วยเดียวกำลังดี” ร้อยแก้วยิ้มล้อ ๆ ขณะที่เดินคู่กับผมกลับบ้านในเย็นวันนั้น

                   “วาเลนไทน์ปีที่แล้ว เรายังได้ไปกินไอติมกับแพรอยู่เลย เฮ้อ ปีนี้ต้องมากินไอติมกับแก้วสองคน”

                   “ทำไมล่ะ กินไอติมกับเรามันแปลกมากรึไง” ร้อยแก้วหันมาทุบอั้กเขาที่แขนผม ก่อนที่จะเดินผละออกไป เมื่อเดินใกล้จะถึงบ้าน ผมจึงรีบก้าวเท้าเดินตามไปติด ๆ

                   “เอ๊ะ ทำไมวันนี้แม่เก็บของเร็วจัง” แก้วตั้งขอสังเกตเมื่อเห็นว่าโต๊ะวางกับข้าวและขนมหน้าบ้านถูกเก็บไปแล้ว

    จากคุณ : Jason_Bourne - [ 26 ก.ค. 48 14:10:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป