CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    >>> ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า & มาม่าหมูสับ <<< ตอนที่ 7 (จบ)

    "ขอโทษนะกบ ฉันไม่รู้จริงๆว่ามิสเตอร์เอของแกคือ ‘พี่วาย’ เห็นแกเรียกแต่ ‘คุณกล้าๆ’ แถมตอนที่แกบอกรูปร่างหน้าตา ฉันก็นึกว่าเป็นคนละคนกันเสียอีก..."

    จริงสินะ...ถ้าหากเป็นชื่อนี้หล่อนคงสะดุดหูมากกว่านี้

    "ปกติไม่มีใครเรียกชื่อเล่นของพี่ฉันหรอก จะมีก็แค่ครอบครัวเท่านั้นเอง คนอื่นก็เรียกชื่อกล้ากันหมด ขนาดพี่เขยฉันเองยังเรียกพี่วายอย่างนั้นเลย ยายนุ่มคงเรียกตามพ่อเขาด้วยละมั้ง โอ๊ย! เกิดมาเพิ่งเคยเจอคำว่า ‘โลกกลม’ จริงๆก็คราวนี้นี่แหละ..."

    มิน่าล่ะ...คมกล้าดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ให้หล่อนได้พบกับพี่สาวของเขาเลย เพราะรู้ว่าอนงค์ได้พบกับ 'คมศร' พี่สาวของคมกล้าและคมคำบ่อยๆ ชายหนุ่มคงต้องการลองใจหล่อน และตัวหล่อนเองก็เป็นคนพ่าย 'เกม' ของเขาไปในที่สุด

    คมคำยังคงชี้แจงให้ฟังต่อไปว่า

    "ตอนที่ยังเรียนกันอยู่ ฉันยังไม่รู้เลยว่าพี่ชายฉันชอบแก ก็นึกว่าไม่มีอะไร เห็นแกเป็นเพื่อนฉันเท่านั้น บางทีฉันก็เล่าเรื่องเพื่อนให้เขาฟังบ่อยๆ ทั้งเรื่องน้องป๊อกแล้วก็เรื่องของแกด้วย แต่ใครจะไปคิดว่าเฮียฉันจะฝังใจเรื่องของแกมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ แล้วพอดีวันนั้นพี่วายแวะกลับมาบ้าน เห็นฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือของแกอยู่ พี่แกยังหัวเราะอยู่เลย พอฉันโวยวายว่าไม่ใช่หนังสือของฉันแต่เป็นของแก เท่านั้นแหละแกเอ๋ย หน้าเฮียแกก็เปลี่ยนไปเลย ตอนนั้นฉันก็ดันซื่อบื้อทิ้งหนังสือเอาไว้ที่โซฟา พอกลับมาหาอีกทีก็หายไปแล้ว คิดว่ามีคนเก็บไว้ให้เสียอีก แต่ฉันไม่คิดว่าพี่ฉันจะเอาไป ขอโทษจริงๆว่ะกบ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"

    น้ำเสียงร้อนรนของเพื่อนทำให้อนงค์ได้แต่ถอนใจ หล่อนไม่รู้ว่าควรจะโกรธใครดีกันแน่ ระหว่างตัวคมกล้า คมคำ หรือว่าตัวหล่อนเอง

    "ช่างเถอะ ฉันคงผิดเองด้วยแหละที่ดันไปมองหน้าพี่ชายแกเหมือนคนติดยา"

    อนงค์พยายามทำน้ำเสียงติดตลก แต่ขนาดตัวหล่อนเองยังฟังแล้วฝืดเฝื่อนสิ้นดี และคมคำเองมีหรือจะไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอย่างไร การพูดจาล้อเล่นในทำนองนี้ไม่ใช่วิสัยของอนงค์เลยแม้แต่น้อย แต่ท่าทางเพื่อนของหล่อนต้องการประวิงเวลาเพื่อบางสิ่งบางอย่าง คมคำจึงยอมเปลี่ยนเรื่องไป

    "ฉันก็ว่าอย่างนั้น พี่ชายฉันขาวกว่าฉันอีกนะแก แล้วแกก็มาด่าพี่ชายฉันดำ แล้วอย่างฉันนี่ถ่านไม่เรียกพี่เลยหรือไงกัน แล้วพี่วายก็ไม่ได้ผอมแห้งเป็นบักโกร่งอย่างที่แกเล่าให้ฟังสักหน่อย ภาพพจน์พี่ฉันป่นปี้กันพอดี ส่วนเรื่องที่แกบอกพี่ชายของฉันรูปร่างสันทัดหน่อย คือไอ้ฉันก็ลืมไปว่ามาตรฐานคนปกติกับแกนี่มันไม่ใช่อันเดียวกัน อย่างพี่วายนี่แถวบ้านฉันเรียกว่าสูงว่ะ แต่คนสูง 175 อย่างแกคงธรรมดาๆ เอาเถอะ...เข้าใจๆ"

    คราวนี้อนงค์หัวเราะออกมาได้ด้วยใจจริง ไม่ใช่ฝืนยิ้มแกล้งทำอย่างที่เคยทำมาตลอดนับตั้งแต่วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา หญิงสาวพยายามเต็มที่ๆจะเพ่งสมาธิไปกับการสอน ไม่คิดฟุ้งซ่านใดๆ แต่พอเลิกเรียนเท่านั้นเอง ความรู้สึกหลากหลายก็ประดังมาอย่างกับสายน้ำเชี่ยวกรากจนต้องหาข้ออ้างกับลูกศิษย์ของตนเองว่ามีธุระ และไม่สามารถอยู่รอเป็นเพื่อนได้

    เรื่องเป็นแบบนี้ตั้งแต่วันอังคาร ซึ่งเป็นวันถัดมาจากวันวาเลนไทน์ที่เกิดเรื่องจนกระทั่งล่วงมาวันศุกร์แล้ว อนงค์ก็ยังไม่ได้เจอหน้าเขาเลย แล้วข่าวบางอย่างที่ได้ยินมาจากน่านน้ำก็คือ คมกล้าไม่ใช่คนที่มารับ ยิ่งทำให้ความรู้สึกนั้นพุ่งจุกขึ้นมาจนถึงต้นคอจนทนไม่ได้ โทรศัพท์ไปปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท หล่อนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ให้ที่บ้านฟังเพราะครอบครัวของหล่อนยังไม่รู้เรื่องของคมกล้าเลยด้วยซ้ำ...

    "แล้ว...แกจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ"

    คมคำยอมเฉออกนอกเรื่องไปได้ครู่เดียวก็วกกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้ง อนงค์นิ่งคิด แล้วตอบเพื่อนเบาๆว่า

    "คงจะเอาเสื้อผ้า กับพวกเครื่องสำอางคืนให้พวกแก ฉันคงไม่ต้องใช้ของพวกนั้นเพื่อเขาอีกแล้ว"

    "เฮ้ย...! แกท้อเท้ถึงขั้นจะตัดรอนกันขนาดนั้นเลยหรือวะ ฉันว่าแกอย่าเพิ่งทำอะไรเลยดีกว่า ลองหันไปปรับความเข้าใจกับพี่ชายฉันใหม่ไม่ดีกว่าหรือ ว้า...อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ฉันยังไม่เจอพี่ฉันเลย ปกติจะกลับมาอยู่ทุกอาทิตย์แท้ๆ นี่ถ้าเจอฉันจะได้จับมาฟอกขาวเสียให้เข็ด เอาให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย..."

    น้ำเสียงที่ผ่านมาตามสายโทรศัพท์ของคมคำบอกถึงอาการเอาจริงเอาจัง แต่ข้อมูลที่อนงค์ได้ทำให้น้ำลายยิ่งเฝื่อนคอลงไปอีก หล่อนได้แต่บ่นกับคมคำด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นว่า

    "อย่าว่าแต่แกเลย ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขา พี่ชายแกไม่ยอมมาพบฉันเลย ไม่เคยโทรมาหา ไม่ยอมมารับหลานเขาด้วย"

    "แล้วทำไมแกไม่โทรไปหาพี่ฉันเองละกบ?"

    คำถามง่ายๆของเพื่อนทำเอาอนงค์นิ่งงันไปได้เหมือนกัน แต่ทิฐิบางอย่างเมื่อนึกถึงการตัดรอนอย่างไร้เยื่อใยของเขา เขาไม่คิดแม้แต่จะมาพบหล่อนเลย ขนาดกับน้องสาวของตัวเองที่เป็นเพื่อนสนิทของหล่อนเขาก็ยังไม่ยอมกลับไปพบ อาจเพื่อตัดทางที่จะติดต่ออนงค์อย่างสิ้นเชิง หล่อนจึงตอบเพื่อนกลับไปด้วยอารมณ์กรุ่นๆเพราะความสับสนที่เกิดขึ้นในใจ…

    "ถ้าเขาเห็นสิ่งที่ฉันลงทุนลงแรงทำเพื่อเขามันไร้ค่าขนาดต้องมาว่าประชดฉันถึงขนาดนั้น ฉันว่าคงไม่จำเป็นต้องสานอะไรต่อไปอีกแล้ว ให้มันจบไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า…!"

    **************************

    คมกล้าถอนใจยืดยาว...

    ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์รถพร้อมๆกับซบหน้าลงกับพวงมาลัยอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมขวัญและกำลังใจของตน ก่อนจะเปิดประตูรถออกแล้วเดินด้วยขาและหัวใจอันหนักอึ้งราวกับมีหินหลายร้อยตันถ่วงเอาไว้เข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าที่เขารออยู่อย่างใจจดใจจ่อด้วยความกังวลว่าเมื่อไรจะเปิดเสียที...

    เขาอดหลับอดนอนมาเกือบทั้งคืนด้วยความกระวนกระวายใจ จนกระทั่งในเช้าวันนี้...วันเสาร์ เขาก็ได้แต่ภาวนา ขอให้คนที่เขาอยากพบซึ่งมักจะได้เจอทุกๆวันเสาร์ อยู่ที่ร้านหนังสือเหมือนเดิมทีเถอะ…

    คมกล้าไม่เคยรู้สึกว่าวันเสาร์ใดที่จะได้พบกับหล่อน จะมีความหมายเท่าวันนี้อีกแล้ว...!

    ******************

    ในช่วงเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา คมกล้ามักจะหาเรื่อง ‘แวบ’ มาที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ใกล้บ้านของพี่สาวของเขาบ่อยๆในวันเสาร์ เพียงเพื่อจะได้เจอ ‘ใครคนหนึ่ง’ ที่มักจะปรากฏตัวอยู่ในร้านหนังสือเป็นประจำ…

    เป็นเรื่องแปลกที่เมื่อได้พบใครก็มักจะมีโอกาสได้พบกับคนๆนั้นอีก อย่างเช่นที่ตัวเขาเองก็เพิ่งจะรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเคยได้แต่มอง กลับกลายมาเป็นครูประจำชั้นของหลานสาว ในตอนนั้นชายหนุ่มคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็ไม่ได้คิดจะสานต่ออีก คิดว่าความรู้สึกของเขามันควรจะดับมอดไปตามกาลเวลาได้แล้ว ไม่ควรจะมีปาฏิหาริย์อะไรอีกต่อไป จนมีเหตุบังเอิญให้เขาได้มาพบหล่อนในร้านหนังสืออีกครั้ง

    นั่นทำให้เขาเลือกที่จะทำให้เกิด ‘ปาฏิหาริย์’ ขึ้นด้วยตัวเอง

    อีกทั้งประจวบเหมาะกับปัญหาบางอย่างของหลานสาวเขา ซึ่งช่วยให้คมกล้ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นั่นคือการช่วยน่านน้ำ และการพาตนเองเข้าไปพัวพันกับชีวิตของหล่อนอีกครั้ง...

    ความรู้สึกหลังจากวันวาเลนไทน์ของเขา ทั้งๆที่ผ่านมาไม่กี่วัน เท่าไรนะ...อังคาร...พุธ...พฤหัส...จนถึงวันนี้ นิ้วมือเพียงมือเดียวของเขายังนับได้ครบแท้ๆ แต่ทำไมชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปแล้วเป็นเดือนเป็นปี

    ความทุกข์และความเจ็บช้ำที่กัดกร่อนในใจคมกล้าจนยากเกินเยียวยา วันคืนผ่านพ้นไปด้วยอาการนอนไม่หลับด้วยความคิดคำนึง ทั้งๆที่อีกส่วนหนึ่งในใจเขาอยากจะผลักดันเงาร่างของ ‘ผู้หญิงใจร้าย’ คนนั้นออกจากหัวใจ...

    ใจร้ายหรือ? ...คมกล้ายิ้มขื่น

    เปล่าเลย...หล่อนไม่มีแม้แต่หัวใจให้เขาเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะร้ายหรือดีก็ตาม…

    กลางคืนยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งจะทำให้เขาเป็นบ้า ในสมองของเขาครุ่นคิด ภาพบางภาพย้อนกลับไปกลับมาตอกย้ำความเจ็บปวด บางครั้งคมกล้าเองก็นึกอยากจะตะโกนออกมาดังๆอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่อาจทำได้ ในที่สุดชายหนุ่มจึงตัดสินใจลุกขึ้น ทำจิตใจให้สงบโดยการลุกขึ้นมาวิดพื้นให้รู้แล้วรู้รอด เป็นสิบ...ยี่สิบ...จนกระทั่งครึ่งร้อย...ชายหนุ่มก็หมดสภาพเพราะความอ่อนเพลียจาการอดหลับอดนอนมาหลายคืน

    คมกล้าค่อยๆเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลผ่านร่างาของเขาเพื่อระงับความร้อน และความกลัดกลุ้มที่เผาไหม้ในอกของเขา ชายหนุ่มพยายามละความทุกข์หมอง พยายามมองโลก มองหล่อนในแง่ดี จนกระทั่งสงบจิตสงบใจลง สุดท้ายก็ลองทำใจให้เป็นกลางเพื่อถามตนเองถึงปัญหาที่เกิดขึ้น

    เขากำลังโกรธอะไร ผิดหวังอะไร เขาต้องการอะไรจากหญิงสาวกันแน่?

    คำตอบที่เขาได้รับหลังจากที่พิจารณาตนเองและเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้วก็ทำให้ต้องนิ่งอึ้งไป ชายหนุ่มมองเห็นภาพตนเองในวันที่เขาระเบิดอารมณ์ใส่อนงค์อย่างเต็มเหนี่ยว เขาจำสีหน้าไม่แน่ใจ งงงวย และสุดท้าย...เจ็บร้าว...ของหล่อนได้เป็นอย่างดี ภาพที่เขาพยายามไม่คิดถึงเพราะความคิดที่ว่าหล่อนหลอกลวงเขายังคงค้างคาใจมาจนถึงบัดนี้ และเขายิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อพบว่าตนเองไม่ได้ถามอะไรหญิงสาวเลย เขาคิดเอง พูดเอง เออเองทั้งหมด แล้วก็หนีซมซานกลับมาทุกข์กังวลในสิ่งที่ตนเองจินตนาการขึ้น...

    ตัวคมกล้าเองเคยบอกหญิงสาวว่าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มคนเก่าอีกแล้ว แต่โดยเนื้อแท้แล้วเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เขายังคงเป็น ‘คมกล้า’ คนเก่าที่ยังคงวิ่งหนีปัญหาอยู่เช่นเดิม ตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยนั้น เพียงเพราะหล่อนไม่เคยสนใจเขา เขาก็ไม่เคยแสดงออกให้หล่อนรับรู้ ได้แต่หนีมาทำตัวอกหักเมาบ้าบอจนเพื่อนต้องมาปลอบ มาคราวนี้ทั้งๆที่ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว แต่เขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด เขาต่อว่าหล่อนต่างๆนานาโดยไม่คิดจะถามอะไรหล่อนสักคำ แล้วหนีหายมาเพราะกลัวว่าคำอธิบายของหล่อนจะทำให้ตนเองยิ่งเจ็บช้ำ...

    ความจริง...สิ่งที่เขาผิดหวังจริงๆคงเป็นตัวเขาเองมากกว่า...

    โดยไม่คิดจะรั้งรอใดๆอีก คมกล้ารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที หัวใจของเขาเหมือนถูกไฟแผดเผาให้เป็นจุณจนแทบจะทนไม่ไหว หากไม่รีบ 'ดับ' ในวินาทีนี้ แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเวลาเที่ยงคืนอาจเป็นเวลาปกติของเขา แต่มันไม่ใช่เวลาปกติของอนงค์ และคงไม่เหมาะที่จะโทรไปปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นมาคุยเรื่องนี้ ชายหนุ่มจึงสงบใจเอาไว้ก่อนโดยการข่มตาหลับให้ลงในคืนนี้เพื่อจะได้ย่นระยะเวลา แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ หัวใจของเขาเต้นแรงกับความคิดที่ตนเพิ่งค้นพบจนแทบไม่อาจสะกดใจให้ดำดิ่งลงสู่นิทรารมย์ได้ จนกระทั่งถึงเจ็ดโมงเช้า คมกล้าไม่รั้งรอที่จะโทรศัพท์หาหล่อนทันที แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่ได้ยินเสียงหล่อนอย่างที่เขาคิด

    ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...

    หล่อนปิดโทรศัพท์มือถือ!

    คมกล้าสบถเบาๆด้วยความผิดหวัง ชายหนุ่มจึงเลือกโทรศัพท์เข้าหอพักต่อ แต่ก็ต้องหงุดหงิดอีกรอบเมื่อสายไม่ว่าง คาดว่าอนงค์คงกำลังใช้โทรศัพท์อยู่...

    เขาหวังในแง่ดีน่ะนะ...

    แต่ก็ต้องหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นเมื่อโทรไปหลังจากนั้นอีกราวๆ 10 นาที สายก็ยังไม่ว่างอยู่เช่นเดิม จนคมกล้าโทรกระหน่ำทุกๆ 10 นาที จนเมื่อโทรเป็นครั้งที่หก ชายหนุ่มก็ต้องถอดใจ...

    อนงค์ยกหูโทรศัพท์ออก หรือไม่ก็ดึงปลั๊กทิ้งอย่างแน่นอน...

    คมกล้ายิ่งร้อนรนมากขึ้น อยากจะบุกไปหาหล่อนถึงหอพักทันที แต่คิดไปคิดมาแล้วคงไม่ได้ หอพักของอนงค์เป็นหอพักสตรี เขาคงทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ ทางที่เป็นไปได้ที่สุดคงจะเป็นการไปดักรอหล่อนที่ร้านหนังสืออย่างที่เขาเคยทำบ่อยๆ เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็จัดการชำระร่างกาย ทำอะไรก็ได้เพื่อถ่วงเวลาให้ห้างสรรพสินค้าเปิด จนเมื่อได้เวลา ก็รีบติดปีก ‘บิน’ ไปหาหล่อนทันที...

    จากคุณ : peiNing - [ 27 ก.ค. 48 00:21:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป