CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ดอกเหมยเมินหิมะ

             เมื่อคืนวานเขาฝันถึงเธอ มันราวแสนกัปแสนกัลป์ที่เธอหายไป
    จากห้วงคำนึงของเขาโดยสิ้นเชิงทั้งๆ ที่ความหลังครานั้นมันประทับลึก
    ตราตรึงอยู่ในหัวใจ คงจะเป็นเพราะวันวารที่เขาและเธอได้ติดต่อเกี่ยวพัน
    มันแสนสั้นจนเกินไปกระมัง หากจะเปรียบได้ดังพันธุ์ไม้ในทะเลทรายที่
    รอคอยหยาดฝนอย่างอดทนนานแสนนานเท่านานกว่าจะได้ผลิดอกบาน
    สดสวยจนน่าใหลหลงแค่ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วยาม แล้วจำต้องร่วงโรยไปตาม
    หยาดน้ำที่ระเหิดเหือดเมื่อเปลวแดดอันร้อนทารุณแผดเผา และมิอาจรู้ได้
    ว่าต้องรอคอยไปอีกตราบนานเท่าใดจึงจะได้มีโอกาสผลิดอกออกช่อใหม่
    อีกครั้งครา

              ฉะนั้นเองหากจะถามเขาว่าหน้าตาของเธอเป็นอย่างไร เขาคงจะ
    ตอบไม่ได้ในทันที หรืออาจตอบไม่ถูกเอาเสียด้วยซ้ำ จนบัดนี้แม้จะใช้
    ความพยายามเขาก็ยังนึกหน้าเธอไม่ออก ในความทรงจำของเขามีภาพเธอ
    เพียงรางๆ ว่าเธอสูงเกือบจะไล่เลี่ยกับชายไทยร่างสันทัดอย่างเขา ผมดำ
    สนิทยาวเคลียไหล่ ผิวขาวอมชมพูเนียนละเอียดเหมือนหยกเจียระไน จมูก
    เล็กๆ โด่งงาม นัยน์ตาชั้นเดียวตามแบบฉบับสาวจีนทั่วไป ในทรรศนะของเขา
    เธอเป็นคนน่ารัก แต่ไม่ถึงขนาดจัดว่าเป็นคนสวย แม้ไม่โดดเด่นจนสะดุด
    นัยน์ตาแต่ก็ชวนมอง ทว่าสิ่งที่ชวนให้ประทับใจจนเขาแอบเผลอไผล
    เก็บไปฝันถึงทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นก็คือเรียวปากงามของเธอนั่นเอง โดย
    เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเอ่ยชื่อเธอเองออกมาให้เขาฟัง ทั้งที่เขา ฟังออก
    ชัดเจนแต่ยังแกล้งออกเสียงเป็นสำเนียงไทยๆ ให้เธอไขว้เขวเข้าใจผิด
    เพราะอยากจะให้เธอเอ่ยคำนั้นออกมาอีกหลายๆ ครั้ง และเธอก็หลงกล
    ของเขาอย่างง่ายดาย ปากบางๆ สีชมพูก่ำห่อเข้าหากันอย่างได้รูปสวย
    ดังจะจุมพิตฝากมากับสายลมเมื่อออกเสียงพยางค์แรก แล้วคลี่เผยอออก
    เหมือนดอกกุหลาบแย้มกลีบบานรับน้ำค้างคราอรุณยามเอ่ยพยางค์หลัง
    มันช่างมีเสน่ห์เสียเหลือประมาณ


              ต้องขอบใจเจ้ากระเป๋าอันหนักอึ้งของเธอใบนั้นที่เป็นต้นเหตุให้
    เขาได้รู้จักกับเธอ เมื่อคืนนั้นเขากลับจากส่งใครคนหนึ่งที่สนามบิน เธอ
    กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูลู่ถูกังขึ้นรถประจำทาง และเขาเองก็
    วิ่งฝ่าฝนพรำๆ มาทันเพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ และดูเหมือนว่าจะ
    เป็นความโชคดีบนความบังเอิญที่เขาได้หมายเลขที่นั่งติดกับเธอบนเก้าอี้
    ยาวตัวเดียวกัน เขาจึงมีโอกาสชวนเธอคุยโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง
    ดูเธอจะเป็นคนช่างพูดคนหนึ่งเลยเชียวละ จากการสนทนาคร่าวๆ เธอรู้เพียง
    ว่าเขาเป็นนักเรียนต่างชาติจากเมืองไทยมาทำปริญญาโทอยู่ที่เมืองนี้ และ
    ตกค้างอยู่หลายปีดีดักแล้ว ขณะนี้กำลังคร่ำเคร่งจะคว้าใบปริญญาให้ได้
    ในขณะที่เขาได้รู้ว่าเธอเพิ่งจะจบปริญญาตรีมาสองปี ทำงานเป็นรองผู้จัดการ
    ฝ่ายส่งเสริมสินค้าของบริษัทเคมีภัณฑ์ในมณฑลหนึ่งทางภาคตะวันออก
    เฉียงเหนือของประเทศจีน เธอลาพักร้อนได้สองอาทิตย์จึงเดินทางมาเที่ยว
    ประเทศนี้กับเพื่อนคนหนึ่ง เธอกับเพื่อนเดินทางไปตามเมืองต่างๆ ของ
    แต่ละรัฐนับเวลาได้สิบวันแล้ว เมื่อค่ำนี้เองเธอเพิ่งจะแยกทางกับเพื่อน
    ที่สนามบิน โดยเพื่อนของเธอบินตรงไปอีกรัฐหนึ่งเพื่อไปพบกับญาติที่
    เรียนอยู่ที่นั่น ส่วนเธอนั้นมาเที่ยวและถือโอกาสเยี่ยมเยียนเพื่อนที่เรียน
    อยู่ที่นี่ ตั้งใจจะพักอยู่สักหลายวันจนกว่าจะถึงกำหนดกลับ


    “แล้วคุณนัดกับเพื่อนที่เขาอยู่นี่ไว้ก่อนหรือเปล่าล่ะ”

    เขาถามเธอในการสนทนาตอนหนึ่ง

    “เปล่าหรอกค่ะ บอกคุณตามตรงนะ ฉันยังไม่มีที่อยู่ของเพื่อนคนนั้นเลย
    มีแค่เบอร์โทรศัพท์มือถือเท่านั้นเอง เขาจะยังอยู่ที่นี่หรือกลับไปเมืองจีน
    เพราะเรียนจบแล้วหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะมา
    เที่ยวที่นี่หรอก แต่ฉันเพิ่งทราบว่าญาติของเพื่อนฉันที่เขาบอกนั้นแท้จริง
    เป็นคู่หมั้นของเขาต่างหาก เขาสัญญาจะแต่งงานกันเมื่ออีกฝ่ายเรียนจบ
    ฉันไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกก็เลยเคว้งไม่รู้จะไปไหนดี แต่ก็เพราะไม่
    ต้องการจะไปแทรกกลางระหว่างเขาให้เขาอึดอัด ฉันก็เลยตัดสินใจ
    บินเดี่ยวมาที่นี่อย่างกะทันหันจนแทบจะเตรียมอะไรไม่ทัน”

    “ถ้าอย่างนั้นคุณจะใช้โทรศัพท์ของผมโทร.หาเพื่อนของคุณที่อยู่ที่นี่เลย
    ก็ได้นะ จะได้รู้ว่าเพื่อนของคุณยังอยู่หรือเปล่า”

    เขาเสนอ แต่หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ

    “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ นี่ก็ค่ำมืดแล้ว พรุ่งนี้ฉันค่อยโทร.หาเขาเองก็ได้ หากเขา
    ไม่อยู่ฉันก็คงเที่ยวตามลำพังเพื่อฆ่าเวลาโดยใช้วิธีซื้อทัวร์เอา เพื่อนฉัน
    เขาบอกว่ามีทัวร์ชมนกเพนกวิน ชมเหมืองทอง หรือไร่องุ่นอะไรพวกนี้
    เขาบอกว่าที่โรงแรมจะมีข้อมูล แต่คุณพอจะช่วยแนะนำทัวร์ดีๆ แบบ
    เช้าไปเย็นกลับให้ฉันได้ใช่ไหม”

    “อืม ทัวร์อย่างที่คุณว่ามันก็มีนะ แต่ผมว่ามันไม่ค่อยจะได้เรื่องหรอก
    เพราะที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งต้องนั่งรถไปไกลสองสามชั่วโมงขึ้นไป
    เมื่อไปถึงที่แล้วก็ไม่ใคร่จะได้ดูอะไรมากก็ต้องรีบกลับ และมันก็ขึ้น
    อยู่กับสภาพอากาศด้วย ช่วงนี้อากาศของที่นี่มันกำลังจะเริ่มหน้าหนาว
    มีฝนปรอยแทบทุกวัน หากคุณมีเวลาน้อยละก็น่าจะเที่ยวในละแวกเมือง
    จะดีกว่า เอาอย่างนี้ดีไหม พรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ผมไม่มีเรียน เสาร์อาทิตย์
    ผมก็ว่าง หากคุณไม่มีเพื่อนเดินเที่ยวในเมือง ผมพอจะเป็นมัคคุเทศก์
    ให้คุณได้--”

    เขาว่า แต่เมื่อประสานสายตากับเธอที่จ้องมองมาก็รีบออกตัว

    “- -หากคุณต้องการและไม่รังเกียจ ก็แล้วแต่คุณนะ เราเองก็เพิ่ง
    จะรู้จักกันเมื่อครู่นี้เอง มันอาจจะ--”

      เธอยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของหล่อนมันทำให้เขาตีความหมายไปได้
    ต่างๆ นานา เมื่อเธอไม่ตอบว่ากระไรเขาจึงเสเปลี่ยนเรื่องสนทนาไป
    เป็นอย่างอื่นเสีย ในใจนึกผิดหวังเล็กน้อยที่เธอไม่ยอมตอบรับข้อ
    เสนอของเขา แล้วก็เริ่มวิตกกังวลว่าเธอจะมองว่าเขาเป็นผู้ชาย
    นักฉวยโอกาสหรือเปล่าหนอ

    อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังอุตส่าห์พูดคุยกับเขาได้เป็นนานสองนาน และ
    เขาเองก็พยายามรักษากิริยามารยาทไม่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว
    ของเธอให้มากนัก จนกระทั่งรถประจำทางคันนั้นไปถึงที่หมาย
    เขาช่วยเป็นธุระยกกระเป๋าให้หล่อนอีกครั้ง โรงแรมที่เธอจองไว้
    ล่วงหน้านั้นอยู่กลางใจเมืองห่างจากสถานีขนส่งไปไกลพอเดิน
    กันเหนื่อยทีเดียว ทว่าเธอต้องการที่จะเดินยืดเส้นยืดสายไปในตัว
    ในขณะที่เขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดินไปเป็นเพื่อน เมื่อความต้องการ
    ตรงกันเช่นนี้ ระยะทางที่ไกลโขหากจะเดินตามลำพังก็ดูจะแสนสั้น
    จนน่าเสียดายในความรู้สึกของเขาที่กำลังเหงาและต้องการเพื่อนคุย
    ในภาวะเช่นนี้

    “ผมส่งคุณแค่นี้นะ ขอให้คุณได้พบเพื่อนและเที่ยวให้สนุก”

    เขาเอ่ยคำลากับเธอที่หน้าโรงแรมนั่นเอง และถือโอกาสมองหน้า
    อีกฝ่ายให้เต็มตาสักครั้งก่อนจาก เธอประสานสายตาตอบตา
    แล้วยิ้มน้อยๆ

    “ขอบคุณมาก.. แต่คุณยังไม่ได้บอกเบอร์โทร.ของคุณให้ฉันเลยนะ”

    เขามองหน้าเธอเหมือนจะไม่เชื่อหูของตนเอง คราวนี้เธอยิ้มกว้าง
    อย่างน่ารัก

    “คือฉันหมายถึงว่า หากคุณไม่รังเกียจที่จะให้ฉันรบกวนเวลาของคุณ”

    แน่ละ ว่าเขาไม่รังเกียจเลยสักนิดเดียว แม้มันจะมีความหวังน้อยเต็มทน
    ว่าเธอจะโทร.มาเพื่อก่อสานสัมพันธไมตรีที่จะมีกันต่อไปคราวหน้านอก
    จากจะแสดงออกถึงมารยาททางสังคมเล็กๆ น้อยๆ ตามวิสัยผู้ที่อยู่ใน
    แวดวงธุรกิจ ทว่าการได้อะไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าตอบแทนทางใจเพียง
    แค่นี้เขาก็ยินดีแล้ว

    หลังจากนั้นเขาและเธอก็ร่ำลากันอีกเล็กน้อย แล้วเขาก็แยกทางกับเธอ
    ไปโบกแท็กซี่กลับที่พัก

    คืนนั้นเขากระสับกระส่ายหลับยากอีกตามเคยด้วยปัญหายุ่งยากสาระพัน
    ในชีวิตที่มีมาให้ต้องก่ายหน้าผากก่อนเข้านอนเสมอๆ แต่ทั้งๆ ที่อะไร
    ต่อมิอะไรร้อยแปดก็สับสนวุ่นวายจนป่วนใจพออยู่แล้ว ก็ยังอุตส่าห์มีที่
    ให้ปากงามๆ อันมีเสน่ห์อย่างประหลาดยามแย้มเยื้อนเอื้อนจำนรรจ์ของ
    คนที่เพิ่งจะรู้จักกันหยกๆ เข้ามาเพิ่มภาระให้หลับยากเข้าไปอีกได้อย่างไร
    ก็ไม่รู้เหมือนกัน...



    แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 48 17:20:09

    แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 48 22:23:02

    จากคุณ : พิรุณพฤจิก์ - [ 27 ก.ค. 48 22:20:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป