CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ++ดอกรักบานไม่รู้โรย: ตอนที่ 6++

    ขอเกริ่นก่อนครับ...
    มาถึงบทนี้เรื่องราวต่าง ๆ กำลังจะเปิดเผยโชคชะตาของกาเบียลนะครับว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
    บางครั้งความโชคชะตามักจะทำลายต้นรักน้อย ๆ ที่ประกายจันทร์แอบเฝ้าฟูมฟักอยู่ ตอนต้นเรื่องก็โดนทำลายไปทีหนึ่งแล้ว
    มาคราวนี้ต้นรักต้นน้อยจะถูกถอนไหมหนอ...โปรดติดตามตอนต่อไปได้
    เลยครับ
    -----------------------------------------------
    ความเยือกเย็นที่เหน็บร้าวไปถึงขั้วหัวใจผ่านไปทั่วร่างของกาเบียลที่ยืน
    สงบนิ่งท่ามกลางความมืด จินตนาการแห่งแสงตะวันแห่งประกายแสงตะวันไม่อาจ
    เล็ดลอดผ่านเข้ามาในห้วงความรู้สึกของเขาได้  ทุกภาพฝันของกาเบียลจึงเต็มไปด้วยความมืดมิด
    เขาได้ยินเสียงต่าง ๆ รอบ ๆตัวแต่ไม่อาจที่จะสัมผัสถึงภาพนั้นได้ เสียงสุดท้ายที่เขาเคยรับรู้และได้ยินคือเสียงของหญิงสาวที่ทรงอำนาจ
    และนั่นเป็นเสียงเดียวที่ดังกึกก้องท่ามกลางห้วงความฝันที่แสนจะทรมาน
    ของเขา

    "กาเบียล ... ท่านคือปราชญ์ที่มีหน้าที่ถ่ายทอดอารยะแห่งดินแดนดาวเสาร์นี้  ท่านมิอาจจะหนีชะตากรรมนี้พ้น..."

    เสียงนั้นพยายามบังคับให้กาเบียลต้องตื่น
    จากฝันร้ายนั้นสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่เขาต้องรับหน้าที่ของปราชญ์แห่งภาษา

    "กาเบียล.."อีกหนึ่งเสียงที่หวานสะดุดหูดังขึ้น  กาเบียลได้แต่เผยอเปลือกตาที่หนักอึ้งเพื่อมองหาที่มาของเสียงนั้น  

    "จันทร์" เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสร้างความอบอุ่นให้กับหัวใจของ
    เขาทีละเล็กทีละน้อย ก่อนที่น้ำเสียงนั้นจะเปลี่ยนเป็นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน เสียงของเทศนาจารย์ทั้งสี่องค์ดังขึ้นมา เหมือนคลื่นพลังจากทั่วสารทิศกำลังพุ่งตรงมาเพื่อทำลายซึ่งกันและกัน  กาเบียลเฝ้ามองไปในความมืดมิดนั้น ก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นราวกับถูกหลายร้อยพลังระดมมาอัด
    กระแทกร่าง เขาฟุบร่างลงกับพื้น ปล่อยให้ลมหายใจที่รวยรินผสานไปกับสายลมเยือกเย็นที่พัดผ่านร่าง
    ตลอดเวลา มือข้างหนึ่งกลับสัมผัสถึงไออุ่นที่แผ่วเบา มีใครสักคนกำลังเรียกเขาให้ฟื้นตื่นขึ้นจากนิทรากาลที่ทรมานนี้  เหมือนเป็นอีกหนึ่งพลังชีวิตที่โอบกอดเขาให้รับรู้ถึงความสดใสจากโลก
    ภายนอก ประกายจันทร์เป็นคนแรกและเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถ
    ดึงจิตของเขาให้คืนกลับสู่โลกภายนอกได้ด้วยความหวังและกำลังใจ
    ที่จะพานพบกับแสงตะวันของวันใหม่อีกหน นับตั้งแต่เขาหลบหนีจากมิตินี้สู่โลกมนุษย์

    "คุณกำลังจ้องมองอะไรคะ?"

    เขาระลึกถึงเสียงนั้นได้ดีนั่นเป็นเสียงประกายจันทร์ที่เฝ้าถามเขาตลอด
    เวลาที่เขาต้องหลับตาเหมือนคนหมดสติเพราะกำลังทนทุกข์ทรมานกับ
    ฝันร้ายนี้  จนกระทั่งเขาลืมตาขึ้นมาครั้งแรกในดินแดนแห่งมนุษยโลก

    เขาพบเธอแอบเฝ้ามองดวงตาที่อ่อนล้าของเขา แววตาที่กระหายแสงสว่างจากสุริยเทพ นั่นคือสาเหตุที่เขาชอบจับจ้องผืนฟ้าในช่วงกลางวัน  กาเบียลจำทุกช่วงเวลาบนโลกมนุษย์ได้ดี เพราะนั่นเป็นช่วงที่ถือได้ว่าสงบสุขมากที่สุดช่วงหนึ่งเท่าที่ชีวิตหนึ่ง
    ของเขาจะพาบพน  
    ดวงสุริยะผ่านแนวฟ้าทำมุมตั้งฉากกับผิวทราย กาเบียลลืมตาตื่นขึ้นร่างกายที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เริ่มฟื้นคืนพลัง
    กลับมาดังเดิม  กาเบียลเรียกอนูบีสเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดิน
    ทางกลับสู่ราชอาณาจักรแห่งดาวเสาร์

    ชุดแต่งกายแห่งเทศนาจารย์ถูกเก็บไว้อย่างดีในห้องพักของกาเบียล เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แววตาที่แลอ่อนล้าต้องถูกฝืนคืนความแข็งกร้าวให้กลับคืนมา เขาต้องกลับมารับหน้าที่มหาปราชญ์แห่งภาษา

    เครื่องสวมศีรษะทองคำที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีส่วนหลังมีตาข่าย
    ทองคำคลุมผมที่ยาวประบ่าถูกบรรจงสวมอย่างพิถีพิถัน แลดูเด่นสง่าท่ามกลางผ้าคลุมสีขาวสะอาดตาที่เดินลายด้วยดิ้นทองคำ  เสื้อตัวในเป็นเสื้อชายยาวสีครีมถูกรวบเข็มขัดทองคำที่มีสัญลักษณ์แห่ง
    ดาวเสาร์  

    กาเบียลยืนส่องกระจกมองร่างของตนอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้อง
    แต่งตัวไปสู่ห้องควบคุมภายในร่างของบอมบู
    "นายท่านพร้อมแล้วหรือขอรับ?"

    อนูบีสนั่งประจำที่เพื่อคอยช่วยบังคับและสั่งการแบมบูก่อนการเดินทางในครั้งนี้ กาเบียลไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับถามอนูบีสถึงอาการของทั้งสองสาวชาวโลก

    "ปล่อยให้พักไปเช่นนั้นดีแล้วขอรับ..ร่างกายพวกนางยังอ่อนแอนัก" กาเบียลพยักหน้ารับก่อนจะสั่งให้แบมบูเริ่มการเดินทาง

    เสียงเครื่องยนต์ดังหวือก่อนที่แสงจากดวงไฟสีแดงจะเตือนให้ผู้โดยสารนั่ง
    ณ ที่นั่งให้เรียบร้อย กาเบียลรัดเข็มขัดนิรภัย

    เขาเฝ้ามองจอภาพแสดงเส้นทางจากดินแดนแห่งทะเลทรายที่ต้องผ่านเมือง
    ต่าง  ๆ  
    ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาณานิคมของมหาปราชญ์แต่ละองค์ที่พยายามจะยึดครอง
    ความต้องการของประชาชนในเมืองต่าง ๆ ให้ได้  กาเบียลถือได้ว่ามีดินแดนในอาณานิคมน้อยที่สุดคือมีเพียงสี่เมืองเท่านั้นคือ ทัมซ่า เมืองแห่งปากแม่น้ำทัมซ่าที่เป็นเหมือนขุมชีวิตแห่งดินแดนดาวเสาร์ตอนเหนือ วาปินัส ดินแดนแห่งหุบเขาสูง
    บาเนีย ปลายอานานิคมที่ยังมีกลิ่นอายแห่งอัสดงคตประเทศที่เต็มไปด้วย
    ไม้ใบพุ่มหนานามดังชื่อเมือง

    และดินแดนสุดท้ายคือ อัมบาส แดนแห่งชายทะเลที่อยู่ไกลห่าง
    จากอาณานิคมอื่นของกาเบียล  

    ทุกดินแดนต่างแสดงความนิยมในมหาปราชญ์แห่งภาษาด้วยการชูธง
    สัญลักษณ์อันเป็นรูปทรงวงกลมมีปลายเป็นแฉกดั่งเช่นดวงอาทิตย์สีแดง
    หากแต่มีรอยเว้าของเสี้ยวจันทร์สีเหลืองนวลตาทาบทับ  การถือครองดินแดนแห่งมหาปราชญ์จะไม่ใช้กำลังข่มขู่หากแต่เป็น
    เสียงมติจากชนในแดนนั้นที่อยากจะสนองรับใช้อารยะแขนงไหนมากกว่ากัน  

    ณ ปัจจุบัน เมืองอาณานิคมแห่งวิทยาศาตร์ของปันนูได้รับการ
    เชิดชูมากกว่าใคร นั่นเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของผู้ครองอำนาจและ
    สมควรเป็นราชาแห่งดาวเสาร์

    จากคุณ : karinas - [ 30 ก.ค. 48 08:51:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป