"จันทร์.."วดีเขย่าร่างที่เอาแต่ยืนนิ่งเหมือนคนที่เหม่อลอยของ
ประกายจันทร์
"ที่จริง... ฉันน่าจะเข้าใจตั้งนานแล้วนะวดี
ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างพวกเรา"ประกายจันทร์เอ่ยขึ้นมาด้วย
น้ำเสียงเศร้า ๆ
"ถึงไม่อาจจะไปรักเขาได้งั้นเหรอ..จันทร์"
วดีได้แต่เป็นห่วงเพื่อนสาวที่เป็นคนที่จิตใจอ่อน ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถสะเทือนไปถึงหัวใจดวงนี้ได้
"เขาเป็นคนของที่นี่ ฉันไม่กล้าจะคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นหรอก"
ประกายจันทร์ตอบทั้ง ๆ ที่ใบหน้าเริ่มสลดลงเรื่อย ๆ
"จันทร์..."วดีโอบร่างเพื่อนให้เธอได้ปลดปล่อยความเศร้าให้ผ่านพ้น
จากจิตใจโดยเร็วที่สุด วดีมองร่างกาเบียลที่เหมือนกับคนอมทุกข์ตลอดเวลา กับท่าทางของเพื่อนสาวที่เริ่มอ่อนแอลงทุกที
"กาเบียลยังเป็นพ่อโจรสลัดหนุ่มของเธอนะ"
"เขาไม่ใช่ของฉันตั้งแต่แรกแล้ววดี ฉันไม่ได้มีความสำคัญสำหรับหัวใจของเขามากไปกว่าความรับผิดชอบเท่านั้น"
ประกายจันทร์ฝืนลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งเพื่อมองใบหน้าของวดีท่าม
กลางหยดน้ำตาที่รอการเอ่อล้นจากหัวใจสู่ภายนอก
"เธอต้องเข้มแข็งนะ พวกเราต้องกลับดวงดาวของเรา เราจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว"
วดีปลอบใจเพื่อนทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เริ่มใจหายที่อาจต้อง
จากดินแดนแห่งนี้ไปพร้อม ๆ กับอนูบีสชายหนุ่มที่แอบสร้างมนต์เสน่ห์ให้กับหัวใจของเธอ
"วดี...เขาไม่ได้รักฉันใช่ไหม?"ประกายจันทร์พยายามถามความ
รู้สึกของเพื่อนตนเองเพื่อย้ำบางความรู้สึกในหัวใจตัวเองอีกครั้ง
"ไม่..ไม่รู้สิ..บางทีอาจเป็นเพราะพวกเราเองต่างหากที่ไปใกล้ชิดเขาเอง" วดีตอบกลับไปแบบไม่คิด
วดีรีบเอามือป้องปากด้วยรู้สึกว่าไม่ควรเอ่ยตอบตรงไปอย่างนี้ ประกายจันทร์รอฟังคำตอบจากเธอด้วยความรู้สึกที่หดหู่ลงเรื่อย ๆ คงเป็นจริงดังที่วดีเอ่ย
ประกายจันทร์เริ่มรู้สึกอยากเอาหัวใจตัวเองออกห่างกาเบียลไปให้ไกล
แสนไกลหากแต่ความโหยหาและเป็นห่วงกลับทำให้เธอต้องกลับมาเข้า
ใกล้เขาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงอนูบีสเรียกชื่อกาเบียลดังขึ้น
ทั้งประกายจันทร์และวดีรีบหันกลีบไปมองพบว่ากาเบียลกำลัง
ล้มตัวลงกับพื้นและสงบแน่นิ่งไป
"ตายแล้วหนูจันทร์...พ่อโจรสลัดผักของฉัน.."ทั้งประกายจันทร์และ
วดีรีบเข้าไปปฐมพยาบาลเขาทันที
"วาดี้...ท่านจันทร์"อนูบีสถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นทั้งสองคนโผเข้ามา
ประคองร่างกาเบียลที่สลบนิ่งไปแล้ว
"พวกท่านได้ยินอะไรกันบ้าง"วดีมองไปทางประกายจันทร์เพื่อลอบดูว่า
เพื่อนของตนจะให้ตนบอกอย่างไร
ประกายจันทร์กลับเป็นคนเอ่ยขึ้นมาเองว่าเพิ่งฟื้นขึ้นมาเห็นสองคน
กำลังคุยกันอยู่จึงเดินเข้ามาทักทายแต่นึกไม่ถึงว่าจะพบร่างที่หมดสต
ของกาเบียล
อนูบีสแสร้งทำเป็นรับรู้หากแต่สังเกตถึงหยาดน้ำตาของ
ประกายจันทร์ที่ยังคงทิ้งร่องรอยแห่งความเศร้าโศกอยู่ อนูบีสประคองร่างกาเบียลไปยังที่พัก
หายไปครู่ใหญ่จึงกลับออกมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ
"กาเบียลเป็นอะไรคะ?"ประกายจันทร์ชิงถามขึ้นมา
อนูบีสลังเลใจที่จะเอ่ยกับสองสาวชาวโลกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกาเบียลดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบอย่างเลี่ยง ๆ
ไปว่าอาจเป็นเพราะการโหมฝึกที่ทำให้เขาต้องหมดสติลงกะทันหัน
"ใช่ ๆ ตาอนูพูดถูก นี่แหละน้าไม่ได้ออกกำลังมานาน มาโหมฝึกก็เป็นลมกันได้"
"ตาอนู.."อนูบีสย้ำชื่อที่วดีเรียกเขาอย่างสั้น ๆ ด้วยความสงสัย
"ค่า...คุณขา อิฉันขอเรียกว่าคุณอนูแล้วกันนะคะ ชื่อคุณย้าว ๆ ยาว กลัวเรียกผิด ทีคุณยังเรียกอิฉันผิด ๆ เลยนี่ค้า..." วดียังไม่วายแอบประชดอนูบีสขึ้นมา
"คะ วาดี๋"อนูบีสแกล้งล้อชื่อเธอขึ้นมาบ้าง ทั้งคู่ทำสีหน้าถ:-)ถึงใส่กัน
โดยไม่ทันได้สังเกตว่าประกายจันทร์ได้เดินจากบริเวณนั้นไปแล้ว ... เธอเลือกที่ไปยังเบท้องหน้าห้องพักของกาเบียล
เธอเฝ้ามองกาเบียลจากภายนอกให้ประตูเหล็กหนากั้นร่างที่หลับใหล
ของเขากับหัวใจที่เจ็บช้ำของเธอให้ห่างจากกัน
ประกายจันทร์แอบปล่อยโฮขึ้นมา เหมือนเด็กที่โดนแย่งความรักจากหัวใจของตนไปตลอดกาล
"คุณบอกให้ฉันเป็นคนเดิมของคุณ แต่คุณกลับไม่ใช่คนเดิมของฉันเสียแล้ว"ประกายจันทร์สะอื้นไห้
ก่อนจะแอบระบายความรู้สึกในใจออกมาเป็นคำพูด
เธอลูบไล้ช่องว่างที่ยังปิดไม่สนิทของบานประตูที่เผยอออกมาเล็กน้อย
เหมือนดั่งเสี้ยวหัวใจของเธอที่ไม่อาจแทรกขวางเข้าไปแทนที่ใครคนนั้น
ของกาเบียลได้เลย
ประกายจันทร์รู้สึกปวดร้าวลึกไปถึงหัวใจเธอปล่อยให้ตนเองเผชิญ
ความทุกข์จากความรักจนเต็มที่
จากนั้นจึงปาดน้ำตาและลูบขอบตาที่ช้ำบวมเพื่อเรียกสติของตัวเองให้
กลับคืนมา
"คุณจะเป็นดวงดาวที่สดใสในใจฉันตลอดไป ... ฉันจะกลับดาวของฉัน เฝ้ามองคุณจากที่ตรงนั้น ตรงที่คุณเคยเฝ้ามองร่วมกับฉัน..."เธอพยายามเก็บเอาทุกความรู้สึกกลับ
คืนหัวใจตัวเองก่อนจะหันหลังเดินกลับสู่ที่พักเพื่อพักหัวใจที่กลับมาเหนื่อยล้า
อีกครั้ง
"Memo ที่นี่มีดวงจันทร์หลายดวง ... กาเบียลฉันรู้แล้วคะว่าดวงจันทร์ดวงเล็ก ๆ จากดาวโลกอย่างฉันคงไม่อาจมาเคียงฟ้าที่นี่ มันคงเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่ต้นแล้วแต่ฉันก็ยังแอบคิดแอบฝันไปตาม
ธรรมดาคนที่หลงรักผืนฟ้าของดาวเสาร์ตั้งแต่แรกพบ
คุณจะว่าฉันเพ้อเจ้อไหมคะ ในเมื่อทุกความเพ้อเจ้อเป็นดั่งความฝันที่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยก็ตาม จนสุดท้ายเมื่อตื่นจากความฝันฉันถึงได้รู้ว่าโลกแห่งความจริงไม่ว่าจะที่
ดาวดวงไหนมันก็คือความจริงของโลกในดินแดนนั้น ๆ
ขอบคุณสำหรับเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำที่อบอุ่นที่มอบให้กับฉันนะคะ ดีใจมากที่เราได้พบกันแม้ว่าคงเป็นบทบันทึกถึงคุณครั้งสุดท้ายแล้วก็ตาม หน้ากระดาษของฉันจะหมดแล้ว"
ประกายจันทร์จรดปลายปากกาด้วยหยดหมึกสีเข้มที่ปลายตัวอักษรตัว
สุดท้ายก่อนจะตั้งใจปิดสมุดบันทึกที่เหลือเพียงหน้าสุดท้ายที่ว่างเปล่า
เล่มนั้นตลอดไป
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:24:27
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:24:01
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:23:27
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:22:29
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:21:54
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:21:11
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:20:26
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 48 14:19:41