อ๊าก..ก!!
เสียงร้องของเฉียนหมิ่นร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณก่อนที่จะล้มลงไปนอนสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดอยู่กับพื้นทันที
ลีอองตกใจกับเสียงร้องของชายหนุ่มที่จู่ๆเขาก็ล้มลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตานางนี่เอง แต่หญิงสาวไม่ต้องตะลึงนาน เพราะตัว ต้นเหตุ ก็ปรากฏกายขึ้นทันทีที่นางเร่งร้อนลุกไปที่ร่างสูงนั้น หญิงสาวซึ่งกำลังดูอาการของชายหนุ่มตะลึงทันทีเมื่อผู้มาเยือนแปลกหน้าเดินก้าวออกมาจากที่มืดหลังพงไม้ห่างจากกองไฟที่เฉียนหมิ่นและตัวนางใช้ให้ความอบอุ่นในยามอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ นางเห็นชายผู้นั้นค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห้าวติดจะแหบว่า
หวังว่าข้าคงไม่ได้มาขัดขวางเวลาการสนทนาของพวกท่าน
ชายคนนี้อยู่ในวัยกลางคน รูปร่างเล็ก หน้าตาของเขาดูจะยิ้มง่าย และอารมณ์ดีเป็นนิจ และเอกลักษณ์ที่ลีอองเริ่มชินตาของสัตว์สมิงก็คือนัยน์ตาสีเหลืองทอง เขาสวมเสื้อคลุมใหญ่เทอะทะ จัดเป็นเสื้อที่ดูรุ่มร่ามที่สุดในกระบวนการของสัตว์สมิงที่นางเคยเจอมา และสีเสื้อคลุมนั้นแทบจะกลืนไปกับความมืดมิดที่อยู่รอบข้าง ผิวของเขาขาวจัดตัดกับสีของเสื้อผ้า ผมสีอ่อนจางของเขาตัดสั้นจนแทบจะติดหนังศีรษะ
ชายคนนั้นค่อยๆเดินก้าวตรงมาทางที่ชายหนุ่มและหญิงสาวนั่งอยู่ เสียงฝีเท้าของเขาเบาเสียจนหูของลีอองแทบไม่ได้ยิน ถึงแม้ว่าก้าวย่างของเขาจะไม่มีทีท่าคุกคามแต่อย่างใด แต่ก็สามารถทำให้เลือดในกายของนางซึ่งเจนพอสมควรกับการต่อสู้เย็นเยียบได้ทีเดียว เขาหยุดอยู่ห่างจากนางไม่ถึงสิบวา
เฉียนหมิ่นเองรู้สึกถึงมือเย็นๆของนางตอนที่ประคองให้เขาลุกขึ้นนั่ง เขามองชายร่างเล็กนั้นเขม็ง กล้ามเนื้อในช่องท้องบิดเกลียวด้วยสัญชาตญาณระวังภัยสูงสุด
เขตเวทมนตร์ของเขาถูกทำลายกะทันหัน และนั่นส่งผลกับร่างกายของเขาโดยตรง...
ตามปกติแล้วเฉียนหมิ่นจะรับรู้ได้ว่าอาจจะมีผู้บุกรุกอยู่ภายนอกเขตเวทมนตร์ ชายหนุ่มจะตัดสินใจเองว่าจะเพิ่มกำลังคุ้มกันให้แข็งแกร่งขึ้น หรือเลือกถอนเขตเวทมนตร์ออกดังเช่นเมื่อยามที่เขาพบกับเสือสมิงหลายตัวนั่น แต่ทว่าคราวนี้เขาไม่รู้สึกถึงการมาเยือนของผู้บุกรุกเลยจนกระทั่งเขตแดนของเขาถูกทำลายไม่มีชิ้นดี ลีอองไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย ซึ่งถ้าเป็นคนที่ใช้เวทจะรู้ได้ทันทีกับอาการของเขา
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่สัตว์สมิงระดับล่างแน่ๆ...
ชายนัยน์ตาสีทองมองไปยังทิศตะวันตก หุบเขาอัญมณีเด่นตระหง่านอยู่เหนือเงาตะคุ่มของแมกไม้ซึ่งไม่ไกลจากที่ๆพวกเขายืนอยู่ จากนั้นเขาก็หันกลับมา แววตาของเขามีแววยิ้มแย้ม แต่ก็ทำให้ลีอองรู้สึกวูบวาบที่สันหลังอย่างประหลาดเมื่อสายตาของเขามองเลยหลังของเฉียนหมิ่นมายังตัวนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะสนุกว่า
ท่าทางแม่นางผู้นั้นคงทำให้ท่านเดินทางลำบากไม่น้อย ถ้าอย่างไร...ข้าคงช่วยท่านได้
เมื่อจบคำพูดนั้น เฉียนหมิ่นเข้าใจความหมายเป็นนัยนั้นได้อย่างชัดแจ้ง ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นมาทันทีแล้วใช้ร่างที่ใหญ่โตกว่าบังร่างของลีอองเอาไว้ หญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชุดดำกล่าวมากนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางของเฉียนหมิ่น นางก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว ชายหนุ่มที่ยืนสูงตระหง่านอยู่เบื้องหน้านางมองอีกฝ่ายนิ่งๆไม่วอกแวก หากแต่สมองของเขากำลังใช้ถูกใช้งานอย่างหนักและเร่งด่วน มีอยู่สองทางให้เลือก
หนีหรือสู้...
เอาตัวรอดหรือศักดิ์ศรี...
จากสภาพร่างกายรวมทั้งการประเมินของเฉียนหมิ่นแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาคงทำให้ใช้กำลังที่จะเอาชนะไปมากทีเดียว และค่อนข้างเสี่ยงมากเหลือเกิน ถ้าเขาอยู่คนเดียวเขาคงไม่ลังเลที่จะเข้าไปโรมรันด้วย แต่ตอนนี้เขายังมีหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังของตนเอง
อีกหนึ่งชีวิตที่เขาต้องคำนึงถึง...
แต่ทว่าชายชุดดำก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาคิดนาน สัตว์สมิงในร่างมนุษย์เดินทอดน่องมายังคนทั้งคู่อีกครั้ง ทำให้เฉียนหมิ่นกัดริมฝีปากของตนเองตัดสินใจชักดาบขึ้นมาพร้อมกับร่ายเวทมนตร์ทันที จากนั้นก็สะบัดดาบขนาดใหญ่ของตนเอง กวาดพลังเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่รั้งรอพลางบอกกับหญิงสาวที่ยืนตำตะลึงกับการเปิดฉากต่อสู้ของเขาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า
หลบไป! ไปให้ไกลที่สุด...เร็ว!
ว่าจบเขาก็พุ่งหาชายชุดดำที่กระโดดหลบวิถีมนตร์ดาบของเขาเมื่อครู่ไปด้านข้างอย่างสุขุม เฉียนหมิ่นตวัดดาบฟันร่างของอีกฝ่ายซึ่งหลบอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีการโต้ตอบใดๆ ชายหนุ่มพึมพำร่ายเวทอีกครั้งพร้อมอัดพลังเข้าร่างของคู่ต่อสู้สลับกับกระหน่ำฟันไม่ยั้ง...
ลีออง...หลบสิ มัวทำอะไรอยู่ ซูร้องเตือน
หญิงสาวจึงได้สติกับภาพการต่อสู้ตรงหน้า เท่าที่ผ่านมาเฉียนหมิ่นไม่เคยร้อนรนถึงเพียงนี้ ไม่เคยเห็นชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อนเลย ดูท่าทางแล้วศัตรูคงฝีมือไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะคู่ต่อสู้ที่ผ่านมาเหมือนเขาเล่นๆเสียด้วยซ้ำ จะมีก็รายนี้ที่ทำให้ชายหนุ่มซึ่งเป็นประเภทภูเขาไฟในภูเขาน้ำแข็งระเบิดปะทุขึ้นมาได้ ลีอองเองก็ผ่านการต่อสู้มาบ้าง ทำไมจะมองไม่ออกว่าในขณะนี้คนที่เป็นฝ่ายโจมตีไม่ได้ได้เปรียบแต่อย่างใดเลยสักนิด...
แต่ลีอองทนไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงปล่อยให้เขาต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียว ถึงจะร่วมเป็นร่วมตายกันมาไม่กี่วันนางก็ไม่อาจตัดใจทิ้งเพื่อนร่วมทางคนนี้ไว้คนเดียวได้
มิตรช่วยมิตร
คำศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่านาฮอน
เพื่อนาฮอน และกลาตาโกลา...เร็ว! ซูเตือนลีอองอีกครั้ง
ได้ผล...
คำพูดนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าเสียอีกในความรู้สึกของลีออง และนั่นบังคับให้หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นหันหลังแล้วตัดสินใจวิ่งออกจากบริเวณที่นางตั้งใจอาศัยพักพิง แต่มาตอนนี้ได้กลับกลายเป็นสมรภูมิไปเสียแล้ว
นางทิ้งให้บุรุษในชุดที่สีต่างกันสองคนห้ำหั่นกันต่อไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามอง...
ท่านไม่คิดจะหลบไปจากที่นี่เหมือนแม่นางผู้นั้นหรือ?
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังมาจากคนที่หลบคมดาบได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้ง
แล้วจู่ๆเฉียนหมิ่นก็หยุดดาบเสียเฉยๆ แถมเขาใช้เท้าถีบอีกฝ่ายที่เพิ่งเอ่ยคำพูดชวนน่าโมโหเมื่อครู่เอาดื้อๆ เล่นเอาคนที่ไม่คิดจะต้องมารับเท้าของเฉียนหมิ่นผงะกระโดดหลบแทบไม่ทัน เฉียนหมิ่นมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยียบ บรรยากาศที่เป็นรองอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งกดดันและคุกคามมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอักโข ชายหนุ่มเก็บดาบเข้าฝักด้วยทีท่าไม่เร่งร้อน ออกจะใจเย็นจนผิดปกติเสียด้วยซ้ำ
ถ้าเจ้าเก่งกว่าข้า...หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าข้าเก่งกว่าเจ้า...ข้าก็ล้มเจ้าเสียก็สิ้นเรื่อง สำหรับนาง...ข้าแค่ไม่อยากให้นางถูกลูกหลง หรือเห็นภาพไม่น่าดูก็แค่นั้น
พูดจบชายหนุ่มก็ร่ายเวทมนตร์อีกครั้ง กลุ่มพลังเพลิงสีฟ้างดงามก็ปรากฏขึ้นบนเหนือฝ่ามือ เขาชูมันขึ้นเหนือศีรษะ นัยน์ตาสีแดงของเขาวาววามเมื่อโจมตีปล่อยเวทนั้นใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง จากนั้นไฟแบบเดียวกันก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนฝ่ามืออีกหลายลูก เพลิงทั้งหมดนี้พุ่งเข้าสู่เป้าหมายถี่ยิบจนไม่เหลือช่องว่าให้คู่ต่อสู้หนีทั้งสิ้น เปลวไฟโอบล้อมชายชุดดำเอาไว้ เสียงระเบิดดังติดๆกันตลอดเวลา ควันจากแรงระเบิดตลบฟุ้งไปหมด ระลอกแรกผ่านไปพร้อมกับวงกลมพลังสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเพื่อทำลายล้างอีกฝ่ายเป็นการตบท้าย ยังผลให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น พื้นดินและต้นไม้แถบนั้นพินาศไปจนไม่เหลือซาก รัศมีของระเบิดบอกให้รู้ว่าพลังนั้นรุนแรงเพียงใด...
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่ารวดเร็วจนคนธรรมดามองตามไม่ทัน เสียงระเบิดดังก้องติดต่อกันไม่หยุดทำให้ลีอองเบิกตาขึ้นกับแสงของระเบิดสีฟ้าสว่างวาบไปทั่วทั้งๆที่ยังอยู่ในรัตติกาลแห่งป่าอาถรรพ์ พื้นที่ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกทำลายจนเหี้ยนเตียนไปหมด นางสามารถมองเห็นได้จากแสงที่อยู่เหนือแมกไม้นั่น ประกอบกับระยะทางที่ไกลพอสมควร ลีอองกลืนน้ำลายกับพลังทำลายนั้น...
นอกจากสายฟ้าแห่งเทพบิดรแล้ว นางไม่คิดเลยจริงๆว่าจะมีอะไรที่สะท้านผืนพิภพนี้ได้อีก และคำคืนนี้นางก็ได้เห็น สายฟ้าของเทพบิดรจัดว่าเป็นลางแห่งความตาย ไม่ว่าจะเป็นพลังนั้นจะเป็นของใครก็ตาม นางก็ไม่สบายใจอยู่ดี ลีอองหยุดเท้าของตนเองอย่างลังเล
แต่ถึงจะเป็นลางร้ายอย่างนั้นก็เถอะ...
จากคุณ :
peiNing
- [
30 ก.ค. 48 17:54:54
]