กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหนึ่งเป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัวช่างปั้น บิดาและพี่ชายของเขาล้วนเป็นช่างปั้นมีฝีมือ ย่อมประกอบหม้อไหอันงดงามได้เป็นอันมาก
ทว่าชายดังกล่าวไม่อาจทำได้อย่างบิดาและพี่ชาย ไม่ว่าพยายามกี่ครั้งกี่หนก็ตาม ฝีมือของเขาดีขึ้นอย่างเชื่องช้าที่สุด ด้วยเหตุนี้ บิดาจึงขับเขาออกจากตระกูล
ชายนั้นไปสมัครเรียนปั้นกับอาจารย์มีชื่อ ศิษย์คนแล้วคนเล่าเข้ามาในสำนักของอาจารย์ และศิษย์คนแล้วคนเล่าก็จากไป เหลือเพียงชายนั้นที่ยังคงอยู่ในสำนัก ฝีมือของเขาพัฒนาไปอย่างเชื่องช้าที่สุด ผลงานของเขาถูกอาจารย์ทุ่มทิ้งลงพื้นนับไม่ถ้วน เขากวาดเศษดินเผา เศษเครื่องเคลือบไปทิ้ง แล้วปั้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
เพื่อนของเขาพยายามช่วยเหลือเขา และอาจารย์แม้เข้มงวด ก็พยายามช่วยเหลือ ทุกคนรู้อยู่ในใจว่าชายนี้หาพรสวรรค์มิได้ และชั่วชีวิตคงไม่มีทางไปถึงที่สูงสุดดังคนอื่น แต่พวกเขาก็นิ่งเสียมิได้พูด เพราะความพยายามของชายนั้นมากเกินกว่าที่ใครจะพูดได้ ความพยายามของเขาทำให้คนสงสาร แต่ก็ทำให้คนนับถือ
วันหนึ่ง ชายดังกล่าวออกไปข้างนอกกับเพื่อน และกลับมาในยามค่ำ ร่ำสุรามาพอหน้าตึง เขาเข้ามาในโรงปั้นซึ่งเงียบร้างผู้คน ครั้นแล้วก็ให้เกิดอารมณ์ประหลาด จึงเอาดินมาปั้น ปั้นเสร็จก็เอาวางตากไว้รอเผา กลับไปนอน แล้วลืมเรื่องนี้ไปสนิท
วันต่อมา ชายนั้นตื่นเสียเกือบบ่าย เขาตกใจยิ่งนัก รีบตะลีตะลานออกไปที่โรงปั้น ที่นั่น เขาพบอาจารย์และเพื่อนชุมนุมอยู่รอบโต๊ะตัวหนึ่ง บนโต๊ะตัวนั้นมีงานปั้นประหลาดวางไว้
"ผู้ใดปั้นของชิ้นนี้" อาจารย์ถามขึ้น ชายนั้นมีความละอาย จึงแสร้งไม่รู้ไม่ชี้ เข้าผสมปนกับเพื่อนอื่น ๆ ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่ออาจารย์ถามเป็นครั้งที่สอง และยังไม่มีใครตอบ อาจารย์จึงเรียกชื่อเขาออกมาจากคนทั้งปวง สั่งให้ก้าวออกมายืนข้างหน้า
"เจ้าปั้นของชิ้นนี้ใช่หรือไม่" อาจารย์ถามเขา ทำให้เขาคอตกด้วยความอับอาย ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขากลับพบว่าอาจารย์มิได้ขุ่นเคือง ทั้งมิได้ปัดของดังกล่าวตกแตกดังคาด อาจารย์เพียงแต่เพ่งดูมัน และมีสีหน้าครุ่นคิด
ของดังกล่าวหาประโยชน์ใดมิได้ ไม่ใช่หม้อ ไห จานชาม ของดังกล่าวเป็นแต่รูป อันดูไม่ออกว่าเป็นรูปใด ม้าหรือ นกหรือ หรือว่ารูปคน
"น่าแปลก ข้าดูแล้วกลับรู้ทันทีว่าเจ้าเป็นคนปั้น" อาจารย์บอกเขา "ข้ารู้สึกได้ ข้าเห็นอะไรบางอย่างในงานชิ้นนี้"
อาจารย์สั่งเขา อย่าได้ปั้นหม้อและไหอีก ให้ปั้นของประหลาดทำนองนี้ออกมาเสีย และปั้นตามที่ใจปรารถนาจะให้เป็น ชายดังกล่าวก็ทำตาม เพื่อน ๆ ชอบดูเวลาเขาปั้นงานประหลาด เพราะเขาทำว่องไว ยามทำก็มีรอยยิ้มมิได้เคร่งเครียด คนเหล่านั้นคิดว่าแปลกนัก...แม้เดาไม่ออกว่าของที่เขาปั้นคืออะไร แต่เพราะเหตุใดไม่ทราบ กลับรู้สึกว่ารู้อยู่ในใจ ราวกับรู้สึก มิใช่รู้ได้ด้วยกำหนดแห่งตา
เขากลับเก่ง...แปลก เมื่อเขาปั้นของประหลาดเหล่านั้น เขากลับเก่งที่สุดในการเล่นสี เขากลับเก่งที่สุดในการกำหนดรูปร่าง มีคนนอกมาเห็นงานของเขา แล้วชอบใจขอซื้อกลับไปประดับสถานที่ เพื่อน ๆ หัวเราะคนซื้อคนแรกนั้นว่าแปลกนัก เหตุใดไม่ซื้อหม้อไหอันใช้ประโยชน์ได้ กลับซื้อของที่ไม่มีประโยชน์
แต่น่าแปลก บางครั้ง "ประโยชน์" ของของทั้งปวงในโลกก็มิได้กำหนดได้ด้วยตา มิใช่ด้วยการที่มันใส่น้ำและใส่อาหารได้ และบางครั้ง "ประโยชน์" ก็เกิดขึ้นจากการที่มีผู้รู้สึกได้ว่าของนั้นมี "ประโยชน์" ต่างหาก
ด้วยเหตุนี้ ชายนั้นก็ยังคงเป็นคนปั้นของ แต่เขามิได้ปั้นไหและชาม บางครั้งเขาก็ริษยาที่คนอื่นปั้นไหและชามได้ แต่บางครั้งคนอื่นก็ริษยาเขาที่ปั้นของประหลาดได้ หนทางที่คนอื่นไม่เคยคิดว่าเขาจะมี ก็เปิดทอดยาวออกไปเบื้องหน้าเขา แต่ไม่เคยบอกอย่างแท้จริงว่ามันจะนำเขาไปสู่อะไร
และชีวิตก็ดำเนินต่อไป และแต่ละคนก็เดินไปตามถนนสายของตัวเอง
แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 48 16:50:39
จากคุณ :
ลวิตร์
- [
31 ก.ค. 48 13:00:07
]