ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
(๒๖)
หนี...!
พ่อแม่พี่น้อง ที่เคารพขอรับ เริ่มต้นตอนนี้ จะได้กลับมากล่าวถึงนายขุนช้างบ้าง หลังจากที่ปล่อยให้ตะแกนอนกลิ้งอยู่ข้างเตียง เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ซึ่งเมื่อตื่นขึ้นมา ก็เห็นหัวหูตนเองผิดประหลาด กว่าที่เคยได้ประหลาดมาแล้ว เช่นหน้ามอม หรือห้องหับแหลกลาญ หรือม่านเมิ่นกระจุยกระจาย
และที่สำคัญก็คือ เมียหาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตระหนกที่สุดในชีวิตของนายขุนช้างก็ว่าได้ ก็ให้ใจหายวับวับ ไม่รู้ว่าจะทำฉันใดดี ก็วุ่นวายอยู่ในห้อง จนกระทั่งพบหนังสือฉบับหนึ่งเขียนเสียบฝาห้องไว้ว่า
ในใจความนั้นว่าเจ้าวันทอง
มัวหมองวิโยคโศกศัลย์
ให้เร่งติดตามไปในไพรวัน
เมื่อไก่ขันขุนแผนแสนศักดา
สะกดขึ้นเรือนเข้ามาในห้อง
น้องได้ปลุกผลักเป็นหนักหนา
ได้ทัดทานเขาไว้เป็นหลายครา
เขาเงื้อดาบจะฆ่าเสียให้ตาย
เป็นหญิงจนจริงจึงไปด้วย
เพราะไม่มีใครช่วย ใช่หนีหน่าย
พ่ออย่าทิ้งไว้ให้วอดวาย
ถ่ายเท ติดตาม ให้ทันที ฯ
พอถึงตอนนี้แล้วกระผมว่า มันยังไง ๆ อยู่นะขอรับ พ่อแม่พี่น้อง ตกลงแล้ว มีใครช่วยบอกกระผมเอาบุญสักหน่อยได้ไหมขอรับว่า แม่วันทองนั้น เต็มใจไปกับขุนแผน หรือไม่...?
ใครว่าวันทองสองใจ...
หรือไม่สองใจ...
ชั่ง ตวง วัด กันได้...
ก็น่าจะตรงนี้แหละขอรับ...
นายขุนช้างพอรู้ความเข้า ก็ร้องไห้โหยหวนครวญคร่ำร้องเรียกศรพระยาพี่ชาย ให้รีบรวบรวมพลพรรค กะเหรี่ยง ละว้า ที่เคยมาเป็นกุลีที่มาช่วยชั่งเนื้อไม้กฤษณามาให้ได้สักห้าร้อยคน แล้วจะได้ ยกทัพ..ก็ต้องใช้คำนี้แหละขอรับกระผม มีอย่างที่ไหน ตามคนสองคน คนตามห้าร้อย...
แล้วก็ไปลาแม่ ยกทัพตามออกมาจนถึงนอกเมืองสุพรรณก็พบเข้ากับพรานป่าคนหนึ่งชื่อ พรานรอด จึงหยุดพักพลแล้วไต่ถาม
ครั้นออกมานอกเมืองสุพรรณ
ให้อัดอั้นพะวงสงสัย
จะตามไปแห่งหนตำบลใด
พอแลเห็นพรานไพรนั้นเดินมา
ขุนช้างเรียกถามเนื้อความไป
เอ็งเห็นบ้างหรือไม่อย่างไรหวา
ผู้ร้ายลักเมียของกูมา
มันขี่ม้าสองคนด้นหนีไป
พรานรอดขอรับกราบกราน
ดีฉานเห็นอยู่จะบอกให้
ขุนช้างลงจากช้างด้วยดีใจ
ยกไหเหล้ารินกินด้วยกัน
พรานรอดถูกเหล้าเข้าเก้าถ้วย
งงงวยบอกที่ขมีขมัน
ฉั นได้เห็นเป็นแน่แลดูมัน
เมื่อไก่ขันมันข้ามแม่น้ำไป
ขี่ม้าหยอกหยิกกันซิกซี้
จับจี้นมจู้ดูไม่ได้
นางผู้หญิงแขนอ่อนงอนเหลือใจ
แข้งขาคว้าไขว่กันบนอาน
เดี๋ยวนี้มันไปนอนท่าต้นไทร
ฉันจะนำนายให้ไปกับฉาน
ขุนช้างได้ฟังคลั่งเดือดดาล
เหงื่อกาฬไหลตกซกซกไป
ฉวยขอขึ้นคอช้างงา
พรานรอดนำหน้าเข้าป่าใหญ่
เกือบกระทั่งถึงท่าที่ต้นไทร
เพื่อนชี้ให้รู้แจ้งแห่งสำคัญ ฯ
พอโหงพรายกุมารทองของขุนแผนที่ดูต้นทางอยู่ แลเห็นกองทัพของขุนช้างโห่ไล่มาดังนั้นก็รีบเผ่นมาบอกขุนแผนทันที
แต่ขุนแผนก็มิได้สะดุ้งสะเทือนแต่ประการใด ว่าแค่นี้ยังไม่ครนามือหรอก แถมยังหยอกวันทองเล่นเสียอีก
คิดเสียใหม่เป็นไรเจ้าวันทอง
เขารักน้องเขาจึงออกมาตามหา
ถ้าว่าไปดีดีมิโกรธา
คงรับขวัญแก้วตาไปชมชู
ตัวพี่ก็จะหนีเอาตัวรอด
จะเล็ดลอดป่าไปไม่ต่อสู้
ฤากระไรใจเจ้าจงคิดดู
จะอยู่ฤาจะคืนอย่าเคืองใจ ฯ
นางวันทองก็กลับทึกทักว่าเป็นจริงเป็นจัง ก็โมโหฉุนน่ารักมาก
พลเขาเท่านี้มาตามรบ
จะหลีกหลบหนีหน้าเอาง่ายง่าย
เรืองฤทธิ์ช่างไม่คิดกับความอาย
น้องสู้ตายตามบุญไม่กลับไป
ถึงอย่างไรไว้ชื่อให้ฦๅนาน
ที่จะไปตายบ้านอย่าสงสัย
ถ้าหม่อมกลัวแฝงตัวอยู่ต้นไทร
ส่งฟ้าฟื้นมาให้น้องรบเอง ฯ
ฟังเผิน ๆ ก็ดูเหมือนกับจะกล้าหาญเด็ดเดี่ยวดีนะขอรับ แต่กระผมว่ามันค้านกับข้อความในจดหมายของตัวเองอย่างไรก็ไม่รู้สิ...?
ข้างฝ่ายขุนแผนก็วางแผนตั้งรับทันที โดยการร่ายพระเวทกำบังวันทองไว้กับพระไทร แล้วก็สร้างกองทัพทันที
จึงสั่งพรายให้ถอนหญ้าแพรกส่ง
ปลงอารมณ์โอมอ่านพระคาถา
กลายเป็นคนพลันมิทันช้า
ศาสตราง้าวทวนก็ถ้วนตน
จึงกำชับยับยั้งอยู่นี่ก่อน
เร้นซ่อนอยู่ในไพรสณฑ์
ต่อกูเรียกเมื่อไรให้ประจญ
จึงออกไปไล่พลอ้ายขุนช้าง
สั่งแล้วกระทืบสีหมอกม้า
โหงพรายล้อมหน้ามาแซงข้าง
ฟ้าฟื้นปลาบตาม้าวิ่งวาง
ขุนช้างร้องเอาชาวเรารับ ฯ
ทีนี้ก็รบกันใหญ่สิขอรับ แต่เป็นการรบระหว่าง คน กับหุ่นพยนต์ แล้วคนมันจะไปเหลืออะไรเล่าครับ
ขุนแผนครั้นเห็นพวกละว้า
เกลื่อนกลุ้มกันมาเป็นกลุ่มใหญ่
จึงเรียกหุ่นพลันทันใด
ให้ไล่พลขุนช้างกลางที่รบ
พวกหุ่นโห่ฮึกสะอึกจับ
รบรับชุลมุนฝุ่นตลบ
ละว้าตายก่ายมอญลงนอนซบ
บ้างตลบลุกแทงเข้าแย่งรับ
แทงหุ่นหยุ่นหยุ่นไม่ยักเข้า
หุ่นกลับฟันเอาดังฉาดฉับ
พวกขุนช้างแตกพ่ายกระจายยับ
ขุนช้างกลับช้างขี่หนีออกมา ฯ
พอไล่พวกขุนช้างไปได้ ก็ยังใจเย็น อาบน้ำอาบท่ากันอีก อย่างสำราญใจ
ขุนแผนชวนชมกระแสสินธุ์
มุจลินท์ลมฉ่ำน้ำกระฉ่อน
ดอกประทุมตูมตั้งอรชร
บ้างเบิกบานเกสรขจรโปรย
ภุมรินบินเคล้าเข้าคลอเคียง
อาบละอองซ้องเสียงอยู่หึ่งโหย
พระพายชายพัดระบัดโบย
ที่กลีบโรยหล่นลงชลาลัย
หอมตรลบอบไปในคงคา
ดังสุธาทิพรสอันสดใส
นางกรีดเล็บเก็บบัวทั้งดอกใบ
มาเจียนตัดกลัดให้เป็นเรือน้อย
ขุนแผนถอนสายบัวเอามาหัก
สวมตัวน้องรักต่างสายสร้อย
วันทองเก็บกลีบบัวที่ร่วงลอย
เอามาตะบอยเป่าเล่นเป็นพองลม
น้ำใสปลาว่ายแลเห็นตัว
หลีกลัดก้านบัวดูงามสม
บ้างก็แอบแฝงฝั่งบ้างกินตม
ชมพลางทางลงเล่นน้ำกัน ฯ
เล่นน้ำแล้วเหนื่อยนักก็พักผ่อนกันที่ใต้ร่มพระไทรนั้นเอง แต่พอหลับไปได้ถึงเพียงฟ้าสาง ๆ ขุนแผนก็ปลุกวันทอง
พอสางสางพลางชวนเจ้าวันทอง
จะแนบน้องอยู่นานนักไม่ได้
ดีร้ายอ้ายขุนช้างจรรไร
จะกลับไปใส่โทษพิไรทูล
ให้ยกกองทัพมาจับเรา
เคืองพระทัยปิ่นเกล้าเจ้าไอศูรย์
ถ้อยความลามใหญ่เป็นไฟฟูน
เห็นจะยกทัพหนูนหนักออกมา
จำเราจะลาพระไทรไป
อยู่เสียให้ไกลที่ในป่า
ว่าแล้วเท่านั้นมิทันช้า
ชวนวันทองน้องลาพระไทรทอง ฯ
แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 48 06:03:00
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
1 ส.ค. 48 06:01:33
]