CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ========== ดอกเหมยเมินหิมะ (ตอน ๒) ==========

    "ขอให้คุณพักผ่อนตามสบายนะซิ่วซิ่ว  ให้ถือเสียว่า
    ที่นี่เป็นบ้านของคุณเองก็แล้วกัน"

    นาวินกล่าวกับซิ่วเหมยขณะเดินนำหล่อนเข้าไปในห้องนอน
    ของเขา หญิงสาวกวาดสายตามองไปโดยรอบ

    "ขอบคุณมากนะ  ฉันต้องขอชมว่าบ้านของคุณสบายน่าอยู่
    เหลือเกิน "

    และซิ่วเหมยก็คงหมายความตามที่พูดจริงๆ   ห้องนอนของ
    ชายหนุ่มสะอาดเรียบร้อยดีเหมือนกับห้องโถงภายนอก เตียง
    นอนใหญ่ขนาดห้าคูณเจ็ดฟุตตั้งอยู่กลางห้องถูกเปลี่ยนผ้า
    ปูและปลอกหมอนเรียบร้อย  แม้ภายในห้องไม่มีของประดับ
    ตบแต่งอะไรเลยนอกจากโต๊ะตั้งโป๊ะไฟและโทรศัพท์ข้างเตียง
    ด้านหนึ่ง ผนังด้านเดียวกับประตูมีภาพถ่ายแบบพาโนรามา
    ขนาดใหญ่ใส่กรอบไม้แขวนไว้ มันเป็นภาพยอดเขาปกคลุม
    ด้วยหิมะสูงๆ ต่ำๆ เรียงรายสลับซับซ้อนลดหลั่นกันแลดูสวย
    งามและลึกลับระคนกัน

    "ภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมาลัยที่มองลงมาจากยอดเขา
    เอเวอเรสต์ยามรุ่งอรุณ"

    ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ เป็นเชิงอธิบายเมื่อสังเกตเห็นหญิงสาว
    สนใจภาพนั้นมากกว่าสิ่งอื่น

    "เมื่อตอนเป็นวัยรุ่นผมมักจะมีภาพดาราคนโปรดติดไว้ตามฝา
    ผนังห้องเสมอ  แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกตัวว่าแก่  และดาราสาวๆ ที่ผม
    ชื่นชอบนั้นร่วงโรยลงไปตามวัย  จึงต้องหันมาหาภาพทิวทัศน์
    เป็นการทดแทน"

    เขาว่าอย่างติดตลกแล้วเดินไปเลื่อนประตูผนังด้านที่อยู่ปลาย
    เตียง ทำให้หล่อนต้องละความสนใจจากภาพนั้นไว้เพียงแค่นั้น

    "นี่เป็นห้องเก็บเสื้อผ้า  ผมย้ายเสื้อผ้าของผมเองออกไป
    หมดแล้วคุณจะได้เก็บของคุณไว้ในนี้ หากคุณต้องการใช้ห้อง
    น้ำหรือครัวเวลาไหนก็เชิญตามสบายไม่ต้องคอยผมตื่นหรอก  
    ตอนนี้ในห้องมันหนาวไปสักหน่อยเพราะผมเพิ่งจะเปิดฮีทเตอร์
    เมื่อครู่นี้ สวิทซ์ของมันอยู่ตรงแผงใกล้สวิทซ์ไฟนั่น"

    ชายหนุ่มชี้มือประกอบ

    "หากคุณขาดเหลืออะไรก็เคาะประตูเรียกผมได้ทุกเวลา
    สำหรับคืนนี้ขอให้คุณพักผ่อนตามสบายเถิด"

    หล่อนมองตาเขาอีกครั้งด้วยแววตาที่แสดงความขอบคุณ
    เกินกว่าที่จะเอ่ยวาจาใดๆ ออกมาแทนได้

    "ต้องขอขอบคุณเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้  ฉันโชคดีเหลือเกิน
    ที่ได้คุณยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในสภาวการณ์เช่นนี้"

    ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

    "ไม่ต้องขอบใจผมให้มากหรอก ผมแค่ช่วยคุณไปตามที่
    ผมจะช่วยได้และไม่ถือว่ามันเป็นภาระหรือสิ่งยุ่งยากแต่
    อย่างใดเลย --  ว่าแต่..คุณไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า  
    รู้สึกสีหน้าคุณเหมือนจะกังวลอะไรบางอย่าง"

    หล่อนยิ้มเซียวๆ

    "เปล่าหรอกค่ะ  ไม่มีอะไร  คงจะเป็นเพราะวันนี้ฉันเหนื่อย
    จากการเดินทางละกระมัง  หากได้พักผ่อนสักครู่คงจะดี
    ขึ้น แต่..ประตูห้องนอนของคุณไม่มีกลอนหรือล็อคหรือคะ"

    ท้ายประโยคหล่อนถามเสียงอ่อยๆ  

    เขาแอบซ่อนยิ้ม  เพราะเพิ่งเข้าใจความกังวลตามประสา
    ผู้หญิงของหล่อนเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายนี้เอง  เขาเอง
    อยู่ตัวคนเดียวมาเนิ่นนานจึงมองข้ามความสำคัญของกลอน
    ประตูในบ้านไปเสียสนิท

    "ประตูภายในของบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ไม่มีล็อคหรอกครับ  อย่า
    ตกใจนะหากผมจะบอกว่าประตูห้องน้ำก็ไม่มีกลอนเหมือนกัน  
    ผมเองอยู่ที่นี่มาก็หลายปีแล้วก็เจอแต่ประตูในบ้านไม่มีล็อค
    อย่างนี้แทบทุกบ้าน  บางที่ถึงจะมีกลอนให้แต่ก็เป็นเฉพาะ
    ประตูห้องน้ำเท่านั้น  ตอนย้ายมานี่ใหม่ๆผมก็คิดจะหากลอน
    มาติดประตูห้องน้ำเหมือนกันเผื่อแขกไปใครมา  แต่ผมก็
    ไม่ใคร่จะมีใครมาหาบ่อยนัก  ประกอบกับขี้เกียจจึงไม่นึกว่า
    มันจะเป็นสิ่งจำเป็น  จนบัดนี้ดูเหมือนจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
    ด้วยซ้ำ  เพิ่งจะมานึกออกตอนคุณถามถึงนี่เอง"

    นาวินอธิบายเสียยาวยืด เมื่อเห็นหล่อนยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
    จึงกล่าวต่อว่า

    "แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ  หากผมจะเข้าห้องน้ำ
    ทว่าเห็นประตูปิดอยู่ละก็ผมจะเคาะเรียกดังๆ ก่อนเสมอ  
    ขอเพียงคุณอย่าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและไม่ให้สุ้มให้
    เสียงก็แล้วกัน  ไม่งั้นผมเปิดประตูเข้าไปเจอคุณกำลังอยู่
    ในห้องน้ำละก็ ผมจะถือว่าห้องน้ำว่างไม่มีใครอยู่และจะ
    แกล้งทำเป็นไม่เห็นคุณอีกต่างหาก"

    ซิ่วเหมยเผลอแบะปากนิดๆแล้วค้อนเขาน้อยๆ อย่างลืมตัว  
    นาวินเห็นแล้วแอบนึกในใจกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้น่ารัก
    เหลือเกินยามแสดงออกถึงจริตตามธรรมชาติแห่งเพศตนเอง
    อย่างแท้จริงโดยเฉพาะการแสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า
    มิน่าเล่าคนเราถึงได้ดิ้นรนพยายามใช้ศัลยกรรมตบแต่ง
    เข้าช่วยเสริมองคาพยพบนใบหน้ากันนักหนา  คนปากสวยๆ
    จะทำปากแบะยื่นอย่างไรก็ยังดูดีไม่น่าเกลียดเช่นนี้นี่เอง

    หลังกล่าวคำราตรีสวัสดิ์แก่กันแล้ว  เขาก็ผละจากมาปล่อย
    ให้หล่อนมีเวลาอยู่กับตนเองตามลำพัง   ความง่วงเหงา
    หาวนอนเมื่อชั่วโมงก่อนหน้ามันหายไปหมดแล้ว  กลับ
    กลายเป็นตาสว่างและคืนนี้เขาคงจะหลับยากอีกตามเคย    
    ยิ่งขณะนี้ในโสตประสาทแว่วเสียงกุกกักอยู่ในห้องน้ำ  แม้จะ
    ไม่ตั้งใจเงี่ยหูฟังแต่ในความเงียบสงัดของยามดึกและระยะ
    ห่างเพียงฝากั้นมันก็ทำให้ได้ยินถนัดในแทบจะทุกอิริยาบถ
    ว่าคนที่อยู่ในห้องน้ำกำลังทำอะไรอยู่  และมันก็เพียงพอที่
    จะจินตนาการอะไรต่อมิอะไรไปได้เลยเถิดไม่ยากนัก  เขา
    กำลังนึกสงสัยกับตัวเองว่าคืนนี้เธอจะกล้าอาบน้ำหรือเปล่า  
    และหากเธอกล้าเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจเขาหรืออะไรก็
    แล้วแต่  และเขาเกิดห่ามขึ้นมาถือโอกาสขณะที่เธออาบน้ำ
    เปิดประตูผลัวะเข้าไปมันจะเกิดอะไรขึ้นหนอ  ..    

    ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ  เหมือนจะสลัดความคิดบ้าๆ ให้
    พ้นไปจากหัวสมอง  พยายามข่มใจนึกถึงเรื่องอื่นๆ ที่ควรจะ
    นำมาขบคิดแต่เผลอไม่ทันไรใจก็ลอยไปข้องแวะกับเธออีก
    จนได้จนชักจะอ่อนใจกับตนเองจึงต้องปล่อยให้ใจมันเผลอ  
    จะคิดอะไรฟุ้งซ่านก็ช่างมันเถิดหัวใจช่วยอะไรไม่ได้  เพราะ
    เขาเป็นชายฉกรรจ์ทั้งแท่งที่เลือดลมยังเร่าร้อนระอุอุ่น  ไม่ใช่
    พระอิฐพระปูนมาจากไหนนี่นา   ถึงเขาจะไม่ใช่คนดีเพียบพร้อม
    เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมสูงส่งแต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ปล่อย
    ให้อำนาจฝ่ายต่ำเข้ามาครอบงำตนเองจนประพฤติปฎิบัติตนผิด
    ไปในแนวทางที่ฝืนต่อจริยธรรมและศีลธรรมอันดีงามตามหลัก
    คำสอนของวิชาพุทธศาสนาและหน้าที่พลเมืองจนเกิดเรื่องเสีย
    หายขึ้นมาหรอก แต่ไอ้เรื่องจะวางอุเบกขาไม่คิดอะไรวุ่นวาย
    มันเหลือกำลังที่เขาจะทำได้จริงๆ  เท่าที่จะระงับไว้ก็แค่กัก
    ความคิดให้มันหยุดยั้งอยู่แต่ในจินตนาการของตนเท่านั้นเอง  
    อย่างน้อยๆ มโนกรรม  ก็คงจะไม่หนักหนาเท่ากายกรรมหรอก

    และเธอก็ไม่กล้าอาบน้ำจริงๆ อย่างที่เขาคิด  ยิ่งไปกว่านั้น
    เขายังได้ยินเสียงเธอลากโต๊ะตัวเล็กที่หัวเตียงมากั้นประตู
    ห้องนอนเอาไว้เหมือนจะให้ช่วยเป็นปราการป้องกันอีกชั้น
    หนึ่งอีกด้วย ช่างเป็นความคิดเด็กๆ อะไรเช่นนั้น โต๊ะหรือ
    ก็ตัวเล็กไม่ทนทานแข็งแรงอะไรเลย  มันจะช่วยให้เธอ
    ปลอดภัยได้สักเท่าไรกัน--- แต่มันก็แสดงให้เขาเห็นว่า
    เธอยังคงมีความอายตามธรรมชาติของเพศหญิงอยู่เพียบ
    พร้อม  ไม่แกร่งกล้าก๋ากั๋นอย่างสาวล้ำสมัยในยุคศตวรรษ
    ที่ยี่สิบเอ็ดจนเกินไปนัก  อะไรกันแน่หนอที่เป็นสาเหตุแท้จริง
    ให้เธอกล้าตัดสินใจแตกคอกับเพื่อนร่วมทางมาท่องเที่ยว
    ตามลำพังดังเช่นนี้

    และเขาก็เพิ่งจะนึกออกว่าเธอไม่เคยเล่ารายละเอียดส่วนตัว
    ของเพื่อนที่มาด้วยกันเลยแม้แต่นิดเดียว  หัวสมองของเขา
    เริ่มทำงานหนักค่อยๆ ลำดับภาพเหตุการณ์และคำสนทนา
    โต้ตอบระหว่างตนเองกับหล่อนตั้งแต่เริ่มคุยกันเป็นครั้งแรก  
    มันต้องมีอะไรที่ตกหายไประหว่างบรรทัดและมันต้องเผยเค้า
    เงื่อนออกมามากกว่านี้แน่ๆ  หากจะใช้เวลาเพื่อสังเกตและ
    พินิจพิจารณาให้นานกว่านี้อีกสักนิด..

    ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในห้วงคิด เขาผล็อยหลับไปได้
    ในตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

    จากคุณ : พิรุณพฤจิก์ - [ 1 ส.ค. 48 11:18:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป