ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของฉันคือผู้คนที่กำลังวิ่งวุ่นอย่างสับสนอลหม่าน
บางคนวิ่งหนีห่างจากรถยนต์ที่พลิกคว่ำ และบางคนวิ่งเข้าหาคนเจ็บที่นอนโอดโอยครวญคราง
อยู่บนพื้น รถตำรวจนับสิบคันแล่นปราดเข้ามาจอด แลรถพยาบาล มูลนิธิ นับไม่ถ้วน
อุบัติเหตุ ไม่ใช่คำใหม่ที่ฉันไม่รู้จัก และไม่ใช่คำเก่า
ที่คนยุคนี้ต้องไปเปิดพจนานุกรมหาความหมาย แต่มันเป็นคำที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
มันก็เหมือนกับเหตุการณ์ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เหมือนเรากินข้าว อาบน้ำ
แต่ไม่เหมือนกันตรง..... เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
ฉันเดินวนไปวนมา หลายรอบ แต่ก็ยังหาคนที่อยากเจอไม่พบ
นั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังปั๊มหัวใจอยู่ ฉันรีบเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ไม่ใช่.....
ฉันบอกตัวเอง ตำรวจเดินผ่านฉันไปสองนาย เสียงคุยติดต่อ ได้ยิน ชัดเจน
รถติดยาวละที่นี้ ชนกันได้ทุกวี่ทุกวัน
ท่าทางเขาจะหัวเสียอยู่หรอก ขนาดฉันไม่ได้เป็นตำรวจ ยังรู้สึกปวดหัวอยู่รุมๆ
มีหลายรายที่ถูกลำเลียงขึ้นรถพยาบาลไป หลังจากที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จ
และคนป่วยพอรู้สึกตัว หากบางคนเลือดไหลไม่ยอมหยุด เจ้าหน้าที่ต้องให้เลือดด่วน
แต่เวลานี้จะไปหาเลือดด่วนที่ไหน ทำได้ดีที่สุดคือรอให้รถพยาบาลนำไปส่ง
ยังที่ที่มีอุปกรณ์พร้อมกว่าข้างถนน
ผู้ชายตรงหน้าฉันร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ใบหน้าเต็มใบด้วยเลือดที่ไหลอาบท่วมร่าง
เขาหรี่ตา จนเล็กหยี เพื่อไม่ให้เลือดไหลเข้าไปข้างใน
เขาคงเจ็บมากนะ ดูซิหน้าตาบูดเบี้ยวดูไม่ได้เลย
มือทั้งสองข้างกุมขาขวาไว้แน่นทั้งๆที่น้ำเหนียวๆสีแดงข้น
ยังคงไหลทะลักออกมาราวกับเขื่อนกั้นพังลงมาซะอย่างนั้น
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งช่วยกดห้ามไม่ให้มีเลือดไหลออกมากว่าเดิม
หากจะสามารถหยุดยั้งได้หรือ ..... ก็เปล่า ตัวฉันเองก็ไม่แน่ใจ
ถนนอีกฝากหนึ่งเต็มไปด้วยรถที่ไหลเอ่อ จากถนนสายนี้ ไปยังถนนสายนั้น
นายตำรวจโบกมือซ้ายทีขวาที อย่างระวัง ไม่ได้เต้นระบำออกท่าออกทางเหมือนยามปกติ
รถที่วิ่งสวนกันไปมาบ้างก็หยุดดู ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทั้งที่รู้ว่าเวลาแบบนี้
รถยิ่งติดหนัก เขยื้อนแทบไม่ได้ ทว่าความอยากมันก็มีมากกว่าสามัญสำนึกละนะ
นายตำรวจที่ยืนโบกรถอยู่ เป่านกหวีดปรี๊ดเสียงดัง
เมื่อรถต่างขับอ้อยอิ่งเหมือนกำลังชมมหกรรมแสดงสินค้าประจำปี
หรือขบวนพาเหรดระดับประเทศ ครั้นโดนกระตุ้นด้วยเสียงหวีดแหลม
นั่นแหละรถถึงได้ขับออกไปตามปกติ
ฉันเดินหันซ้ายหันขวา จะไปถามใครก็ต่างไม่เคยรู้จักหน้าตาเขามาก่อน
แล้วจะไปหาที่ไหนกันละ เพื่อนฉันที่นั่งรถมาด้วยกันก็ไม่รู้หายไปไหน
เสียงรถพยาบาลวิ่งไล่กันออกไป.... แล้วไม่นานก็มีรถคันใหม่เข้ามาจอด
พยาบาลในชุดสีขาวลงมา
ฉันได้ยิน ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ก่อนบอกเธอว่า
โน่นทางโน้นคุณพยาบาล ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า
นางพยาบาลคนนั้น วิ่งตัวปลิวไปทันที มีคนหามเปลตามไปติดๆ
สุดท้ายก็คือฉันเองที่ตามกลุ่มคนนั้นเข้าไป......... ตามทางที่มีคนบอกว่า
ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า นั้นแหละ
พยาบาลในชุดสีขาวทรุดลงข้างร่างที่นอนแน่นิ่ง
ฉันเห็นพยาบาลจับข้อมือร่างนั้น สักพักเธอก็ส่ายหน้า
และปล่อยร่างนั้นทิ้งไว้ รอให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิมาจัดการต่อไป
คนเจ็บมากมายขนาดนี้ จะให้เธอมาวุ่นอยู่กับศพนั้นก็คงไม่ได้
ฉันเดินตามเธอไป เพราะคิดว่าบางทีอาจจะพบคนรู้จักที่บาดเจ็บอยู่
เธอไม่ได้ว่าอะไรฉันหรอกนะ และฉันก็อยากช่วยอยู่หรอก
แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ก็คิดว่าอยู่เฉยๆโดยไม่ทำตัวยุ่มย่ามก็พอ
ฉันเดินตามไปเรื่อยๆ กระทั่ง.....ถึงข้างรถคันหนึ่งที่พลิกหงายท้องอยู่ข้างถนน
รถคันนี้อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุมากพอสมควร
ฉันรีบวิ่งเข้าไปทันที นั้นมันรถเพื่อนฉันนิ..... โธ่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
...... รถยับเยินขนาดนั้น ตัวรถยู่เข้าไปถึงที่นั่งด้านหลัง
ร่างที่นอนเกลือกอยู่บนพื้นข้างรถ ชุ่มด้วยเลือดไม่ต่างจากผู้ชายคนแรกที่ฉันเจอ
มิหนำซ้ำจะมากกว่าเสียด้วย ฉันรีบวิ่งเข้าไปตัดหน้านางพยาบาล
โจ โจ
ฉันเขย่าตัวเพื่อนที่คงไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะปากเผยอขมุบขมับ
ไม่ได้ปรากฏว่ามีเสียงเล็ดรอดออกมา
โจ โจ
เสียงฉันคงไม่ดังพอจะดึงสติเพื่อนกลับมาได้ นางพยาบาลเข้ามา
ฉันจึงถอยออกไป เพื่อนฉันถูกจับให้นอนหงาย นางพยาบาลตรวจชีพจรเหมือนรายที่แล้ว
แล้วฉันก็เห็นเธอพยักหน้า กับตัวเอง เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากขา ทั้งสอง
ส่วนเธอกดลงไปบนอกด้านซ้ายของเพื่อนฉันอย่างเป็นจังหวะ กด หนี่ง สอง สาม
แล้ว เป่าปากยาว สลับกันไปอย่างนี้ หลายครั้ง
ฉันได้แต่ยืนนิ่ง ในอกในใจรุ่มร้อนไปด้วยความเป็นห่วง
อย่าเป็นอะไรเลยนะโจ นายบอกว่ายังไม่ได้บวชให้แม่ไม่ใช่หรือ โจ ตื่นนะ อย่าพึ่งไป
ฉันเฝ้าบอกอยู่ในใจ เขาคงไม่ได้ยินหรอก แต่ฉันก็เฝ้าภาวนาให้เขาอย่าเป็นอะไรไปเลย
เลือดที่ขาทั้งสองท่าจะหยุดไหล เพราะฉันเห็นเจ้าหน้าที่พันผ้าก๊อส
ไว้อย่างแน่นทั้งสองข้าง นางพยาบาลหยุดปั้มหัวใจ
แต่หันมาดูแผลที่แขนของเพื่อนฉันแทน ได้ยินเธอร้องบอกว่า
กระดูกแขนท่าจะหัก
จากนั้นหนึ่งในเจ้าหน้าที่จึงวิ่งออกไป เหลืออยู่สามคนที่เฝ้ารอ
เพื่อนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย เขายังคงนอนนิ่ง เหมือนเดิม
แต่ฉันก็สบายใจแล้วละ เพราะเห็นนางพยาบาลยิ้มออกมาเนือยๆ
พูดกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า
ปลอดภัยแล้วละ
ธรรมดานี้คนเลือดออกมากๆนี้ไม่เป็นไรน่ะ ส่วนคนไม่ค่อยมีเลือดรอดยาก
เสียงเจ้าหน้าที่คนนั้นพูดคุยกับนางพยาบาล
ไม่นานเจ้าหน้าที่คนเดิมก็วิ่งกลับมา พร้อมอุปกรณ์ ที่จะใช้
ดามแขนชั่วคราว ทั้งสามพยายามช่วยเหลือเพื่อนฉันเต็มที่
จนอดขอบคุณพวกเขาไม่ได้ โจถูกหามลงเปล ก่อนจะส่งขึ้นรถพยาบาล
แล้วเพื่อนคนอื่นที่นั่งรถมาด้วยกันนั้นไปไหนเล่า ฉันเดินหาเพื่อนที่อาจจะบาดเจ็บอยู่ในรถ
พยายามหา ทั้งที่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สนใจจะมาช่วยฉันหาเลย
เมื่อกี้ก็ว่าใจดีอยู่นะ แต่ตอนนี้ทำไมพวกเขาใจร้ายแล้วละ
ฉันมุดเข้าไปดูข้างในรถเผื่อจะมีเพื่อนติดอยู่ในนั้น สภาพรถที่กลับท้องอยู่
บวกกับกระจกที่แตกละเอียด ทางด้านหน้านั้นพวงมาลัยเบี้ยวไปเลยทีเดียว
เลือดที่ยังเกรอะกรังกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ซีดีเพลงกลาดเกลื่อนอยู่ที่พื้น
และที่ยังใช้การได้ดีก็คงเป็นเครื่องเสียงที่ยังมีเพลงร้องเป็นทำนองออกมา
แม้เพียงแผ่วเบาก็ตามที
เบาะหลังเป็นที่ฉันนั่งอยู่กับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้เหลือฉันเพียงคนเดียว ส่วนตอนหน้าที่นั่งกับโจนั้น
ก็เป็นเพื่อนชายอีกคนหนึ่งในกลุ่ม ทุกคนคงถูกดึงออกไปแล้ว
ในขณะที่ฉันวิ่งวุ่นตามหาคนมาช่วยพวกเขา
มันสับสนอลหม่านไปหมด ทั้งที่ตอนออกไปนั้น ฉันรีบเต็มที่แล้ว
แต่ก็มาไม่ทัน เพื่อนฉันที่เหลือคงไม่เป็นอะไรนะ ฉันได้แต่ ภาวนา อยู่ในใจ
ฉันค่อยๆมุดออกมาจากซากรถ บรรยากาศยังมืดสนิท
หากแสงจากไฟที่ฉายสาดส่องไปทั่วบริเวณนั้นก็กลับทำให้ มันสว่างไสวราวกับกลางวัน
เพื่อนของฉันที่เหลือไปไหน ไปไหนกัน
ฉันพยามเดินตามดูที่รถพยาบาลที่จอดเรียงรายอยู่
เปลที่หามคนป่วยกี่อันต่อกี่อันที่ฉันเข้าไปดู ไม่มีร่างของพวกเขาเลย
พยาบาลคนที่ฉันเดินตามทีแรก เดินผ่านมาพอดี ฉันรีบเดินตามเธอไป
เพราะว่าเธอต้องไปหาคนบาดเจ็บแน่ๆ ฉันเดินตามเธอไปอีกครั้ง
เดินตามไปอย่างพยายามจะให้ทัน แต่.....พยาบาลคนนี้เดินเร็วเหลือเกิน
จนฉันคิดว่าเธอวิ่งเอาด้วยซ้ำ
นางพยาบาลพาฉันผ่านรถไปคันแล้วคันเล่า ไม่มีทีท่าว่าเธอจะหยุด
รถที่ยังล้มคว่ำยาวเหยียด คนเจ็บอีกนับร้อย คงเป็นภาระให้เธอพอดู
และแล้วเธอก็หยุดตรงรถคันหนึ่ง ข้างรถมีกลุ่มคนมุงเต็ม
ฉันยังดูไม่ออกว่าใครเป็นใครบ้าง นางพยาบาลแหวกผู้คนที่ยืนออกันเข้าไป
ชุดสีขาวหายวับเข้าไปในกลุ่มคน เสียงร้องอึงอนของเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ที่ยืนอยู่รอบๆ
ทำให้ฉันค่อยๆ ขอทางผู้คนรอบข้างเข้าไป
ฉันเพ่งมองไปที่นางพยาบาลเธอยกมือคนบาดเจ็บขึ้น
จับข้อมือเหมือนที่เธอเคยทำ แล้วส่ายหน้าช้าๆ ก่อนที่เธอจะแหวกผู้คนเดินออกไป
รอเจ้าหน้าที่มาจัดการต่อ เธอไม่มีเวลามาจัดการกับร่างที่ไร้วิญญาณนี้หรอก
เธอต้องเอาเวลาไปช่วยคนที่มีโอกาสรอด..... อย่างโจ นั้นไง......
ฉันหันหลังกลับไปทันที เมื่อได้ยินเสียงร้องที่คุ้นเคย
ภาพเบื้องหน้าคือเพื่อนหญิงกับเพื่อนชายอีกคนของฉัน
ทั้งสองวิ่งผ่านฉันไป แล้วทรุดลงนั่งข้างร่างไร้วิญญาณนั้น
ร่ำให้ ..... ร่ำร้อง อย่างน่าสงสาร............... น่าสงสารเหลือเกิน
จากคุณ :
nana_iteh
- [
1 ส.ค. 48 16:33:53
]