CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    พระนลคำฉันท์ สรรคที่ ๑๗ : พระนิพนธ์ของ พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ

    นิทานเรื่องพระนล
    สรรคที่ ๑๗
    ฉบัง แล สุรางคณางค์

    พราหมณ์สุเทวทูลพระราชมารดาว่า

    ฃ้าแต่พระราชอรไทย สิริวิไลย
    นรินทะราชมารดา

    ยังมีภีมะราชเรืองปรา กฎฃามนามมา
    ถะทุกประเทศเฃตเมือง

    ครองราษฎร์ครอบร่มรมย์เรือง เรียบราบปราบเปลือง
    บ่มีอริริรณ

    ไอศวรรย์วิทรรภ์รัฐเลอบน เลิศล้ำดำกล
    พระเกียรติ์กระเดื่องแดนไกร

    เธอมีบุตรีทรามไวย เฉิดลักษณ์ไฉไล
    พระรูปก็เลิศนารี

    นางนี้คือนางไภมี นางทัมะยันตี
    วิทรรภะราชธิดา

    อนึ่งในนิษัธฃัติยา ธิบดินทร์ยินดา
    นุภากระหลบภพไตร

    พระนามพระนลภูวไนย ริปูรู้ไป
    บ่อาจประชิดฤทธี

    นางนี้คือนางไภมี ผู้พระมหิษี
    พระนลนเรศร์เรืองณรงค์

    พระนลพระน้องสององค์ สู่ป่าฝ่าพง
    เพราะเหตุพนันมันนำ

    ตกทุกข์ได้ยากตรากตรำ แพ้สกาพาระกำ
    มไหศวรรย์พลันผลาญ

    ฃ้านี้ภีมะราชบรรหาร หาองค์นงคราญ
    นิคมศิขรดอนขวาง

    ตูเดียวเที่ยวมาหานาง สบองค์สำอาง
    บ่พลาดบ่พลั้งดังทูล

    คือนางองค์นี้ศรีบูรณ์ แจ่มล้ำจำรูญ
    เสมอเสมือนเดือนหงาย

    มีพยานคือไฝประไพพราย หว่างขนงทรงฉาย
    กำเนิดก็เกิดกับองค์

    บัดนี้มลกลบลบลง ไฝนางหว่างขนง
    จะหาบ่เห็นเพ็ญศรี

    เหมือนจันทร์ดั้นเมฆหมอกมี มืดทั่วธาตรี
    มิไสมิส่องผ่องพรรณ์

    แม้ฉนั้นพระธิดาลาวัณย์ ลักษณ์เลิศเฉิดฉัน
    บ่โหดบ่ห่อนหย่อนงาม

    ผิวไร้เครื่องประดับวับวาม โฉมยงนงราม
    วิไลยะไร้ราคี

    เทียบทองผ่องผุดสุดศรี ขุดจากปถพี
    ก็ชูก็เชิดเพริศพรรณ์

    นางนี้โศภาลาวัณย์ ฃ้ารู้เร็วพลัน
    ว่าพระธิดานารี

    ความร้อนย่อมส่ออัคคี ฉันใดเทวี
    ก็แจ้งประจักษใจตู ฯฯ



    เมื่อนั้นสุนันทาโฉมตรู ฟังความงามดู
    ดำริห์ระบอบสอบพยาน

    ทรงอยิบขันทองรองพาน พลางองค์นงคราญ
    ก็ล้างพระพักตรไภมี

    มลทินสิ้นไปไฝภี มะธิดานารี
    ก็เด่นประดุจดวงเพ็ญ

    สมดังคำพราหมณ์งามเห็น แม่นแท้แน่เปน
    วิสุทธะลักษณ์ลานตา

    จึงองค์พระราชมารดา อีกทั้งสุนันทา
    ก็ลูบก็ไล้ไภมี

    ขณะนั้นพระราชชนนี คำนึงคะดี
    พระนางก็เดือดแดดาล

    โศกพลางนางเผยพจมาน ดูก่อนนงคราญ
    วิไลยวิลาสเลอภู

    อันองค์นงคราญหลานตรู ลูกน้องของตู
    มหิษีวิทรรภ์กันยา

    คนอื่นคนไกลไหนมา สาวสรรค์ขวัญตา
    จงแจ้งประจักษ์ใจนาง

    ป้ากับแม่เจ้าเยาวภางค์ สององค์สำอาง
    ธิดาแห่งท้าวสุทามัน

    เปนปิ่นประเทศเฃตขัณฑ์ ทศารณ์ไอศวรรย์
    สวัสดิ์วิบูลย์ภูลศรี

    แม่เจ้าวิวาหะพระภี มะผู้ภูมี
    วิทรรภะรัฐราชา

    ป้าสู่เจทีวิวาห์ เปนราชชายา
    พระวีรพาหุเหิมหาญ

    ป้าไซร้ได้เห็นนงคราญ เมื่อเจ้าเยาวมาลย์
    กำเนิดจากองค์ชนนี

    ไฝนางหว่างเนตรมารศรี สำคัญมั่นมี
    ตระหนักบ่แหนงแจ้งจง

    นงคราญหลานฃ้าอย่าทรง โศกเศร้าเหงาองค์
    ประสบประเสริฐเถิดนาง

    ปลดทุกข์ปลิดทิ้งสิ่งหมาง หมองหมายคลายระคาง
    และเสพย์แต่สุขสวัสดี ฯฯ



    เมื่อนั้นอรไทยไภมี ยินพระมาตุลี
    ก็ชื่นก็แช่มแจ่มใจ

    ประนมก้มกราบทูลไป ฃ้าแต่อรไทย
    นรินทะราชชนิกา

    ฃ้านี้มีสุขทุกวา ระพึ่งพระบา
    รมีพระองค์ทรงคุณ

    แผ่ผลล้นเหลือเกื้อหนุน อรไทยใจบุญ
    บ่รู้จักฃ้าว่าใคร

    ยังทรงเม็ดตาอาไลย เอาอกเอาใจ
    บ่ชอกช่ช้ำรำคาญ

    บัดนี้รู้ว่าฃ้าหลาน เสริมส่งสงสาร
    จะทรงพิทักษ์รักษา

    ฃ้าฃอพระคุณกรุณา โดยเหตุเจตนา
    จะใคร่คืนสู่บูรี

    เฝ้าองค์พระชนกชนนี ดรุณดรุณี
    ลูกฃ้าทากรทั้งสอง

    กำพร้าพ่อแม่แดหมอง หม่นล้ำลำยอง
    จะโศกจะเศร้าเหงาทรวง

    พระป้าการุณคุณปวง โปรดเรียกวอหลวง
    และโปรดให้ฃ้าลาไป

    คืนสู่วิทรรภ์เวียงชัย สมหวังดังใจ
    โดยเจตนาฃ้าเทอญ ฯฯ




    เมื่อนั้นพระนางล้ำจำเริญ ฟังคำซ้ำเพลิน
    พระพจมานหลานขวัญ

    พระนางพลางเรียกวอสุวรรณ์ พร้อมพหลพลสรร
    แต่ล่ำแต่เรี่ยวแรงณรงค์

    ฝ่ายพระราชบุตรยุทธยง พระสุพาหุองค์
    นรินทะปิ่นเจที

    อำนวยช่วยพระชนนี ส่งพระไภมี
    คืนสู่วิทรรภ์เวียงชัย

    พงไพรไพร่พลกล่นไกล แห่หามตามไป
    สพรึบสพร้อมล้อมนาง ฯฯ



    เมื่อนั้นพระวิทรรภ์กันยางค์ เลิศล้ำสำอาง
    วิไลยวิลาสเลอศรี

    สมถวิลอรพินท์ยินดี เฝ้าพระชนนี
    พระบิตุราชเรืองไกร

    ยงยศฃัติยาธิปตัย อ่าเอี่ยมอำไพ
    ศุภาภิรมย์สมบูรณ์

    พรั่งพร้อมพันธ์พงศ์วงประยูร เอื้อเฟื้อเกื้อกูล
    สนับสนุนเนืองนัย

    นางตระกองสองบุตรสุดใจ กอดทับกับหทัย
    ประคับประคองสองศรี

    บูชาสุรารักษ์ศักดี ประณามพราหมณ์ชี
    บ่บกบ่พร่องคลองธรรม

    ร้อยสุขทุกข์หนึ่งพึงนำ สุขหลายมลายลำ
    เค็ญข้อที่ก่อกองเข็ญ

    พรากพระสวามีพีรเพ็ญ คำนึงพึงเห็น
    จะสุขจะสันต์ฉันไร

    รำลึกพระนลพลไกร นงรามทรามไวย
    ก็กอบระกำช้ำแด

    รำพึงตลึงลาญแล กรรมกั้งรังแก
    ละห้อยละเหี่ยเปลี้ยองค์

    ปางพระชนนีมีจง ในจิตคิดพวง
    พระราชธิดาลาวัณย์

    เห็นนางระคางจาบัลย์ ทรงถามความพลัน
    เพราะหตุไฉนใคร่ยิน

    ฝ่ายราชธิดาอาจิน จงหาสวามินท์
    ก็ทูลพระราชมารดา

    ฃ้าแต่พระแม่มีกา รุณเอื้อเอาภา
    ระไฝ่และเฝ้าเช้าเย็น

    แม้นพระชนนีมีเอ็น ดูตูผู้เข็ญ
    จำนงสงวนชีวี

    จงตามพระวิศามบดี คืนมาธานี
    และฃ้าจะยิ่งชนม์ยืน

    พรากนลพรั่งน้ำตากลืน โศกซั้นวันคืน
    มิช้าจะวอดชนม์วาย

    ปางนั้นพระแม่แดดาย ฟังคำซ้ำระคาย
    ก็เฝ้าพระราชสามี

    ทูลความตามข้อคะดี ดังทัมยันตี
    ทำนูลจำนงองค์นาง

    เมื่อนั้นวิทรรภ์ราชเรืองวรางค์ ยินฃ่าวร้าวระคาง
    กรุณพระราชบุตรี

    รับสั่งให้ตามพราหมณ์ที ชะเชี่ยวเชาวน์ชี
    นรินทะเล่าเลาความ

    เฃาทราบประสงค์นงราม ทุกผู้ทุกพราหมณ์
    สดังก็รับอาสา

    ต่างด่วนชวนกันพลันลา ไปเฝ้าเยาวะภา
    พระราชบุตรีศรีสมร

    ทูลว่าฃ้าจักลาจร เดิรป่าฝ่าดอน
    ลำเนาละเมาะเสาะนล

    เมื่อนั้นพระบุตรีนิรมล ฟังความตามยุบล
    ก็มีพระราชเสาวนีย์

    ดูราคณาจารย์ชาญวี รยะว่องเวที
    จะเสาะพระนลพลไกร

    พบชนชุมนุมกลุ่มใด จงเดิรเฃ้าไป
    และกล่าวฉนี้เนืองเนือง



    โอ้โอ๋นักเลง ลืมคำพร่ำเพรง เล่นเบี้ยเสียเมือง
    เริศร้างกลางไพร ห่อนไฝ่ชำเลือง ว้าวุ่นขุ่นเคือง
    คับแค้นแสนใจ

    ทิ้งเมียกลางป่า ทรามไวยศัยยา ตัดผ้าพาไป
    สงสารกานดา น้ำตาหลั่งไหล อ้างว้างกลางไพร
    กลัวพิษนานา

    นุ่งผ้าครึ่งผืน จาบัลย์วันคืน สอื้นโศกา
    เดิรเปลี่ยวเดียวปลง จิตม่งมองหา ห่อนพบภรรดา
    เปือกฝุ่นขุ่นเคือง

    โอ้โอ๋นักเลง ลืมคำพร่ำเพรง เล่นเบี้ยเสียเมือง
    ทิ้งเมียเสียได้ ห่อนไฝ่ชำเลือง เคยกล่าวเนืองเนือง
    ให้สัตย์แก่นาง

    ว่าตราบม้วยมรณ์ หมายออมสมร ฤาห่อนอางขนาง
    บัดนี้หนีไป อยู่ไหนอย่าพราง น้องน้อยคอยกลาง
    ดงเดือดอาดูร

    เม็ตตานางน้อง ชอกช้ำร่ำร้อง ราวในไฟกูณฑ์
    หมองมัวผัวร้าง ทุกข์นางร้อยคูณ คืนค้ำกำลูน
    ปลดทุกข์ประเทือง

    โอ้โอ๋นักเลง ลืมคำพร่ำเพรง เล่นเบี้ยเสียเมือง
    เมียอยู่กลางไพร เชิญไฝ่ชำเลือง ปลดเศร้าเปล่าเปลือง
    อย่าปราศเม็ตตา



    ดูราอาจารย์ชาญมา รคะทั่วทิศา
    นุทิศประเทศแถวทาย

    จงจำคำฃ้าบรรยาย พบชุมนุมชาย
    จงขับดังซึ่งตูสอน

    แล้วยั้งสังเกตทวยนร ใครได้ยินกลอน
    จะเงี่ยสดังคำฃาน

    ใครพร้องสนองพจมาน จงจำอาการ
    และคำที่พูดตอบมา

    สังเกตอากัปกิริยา ชนชนิดใดภา
    ระกิจประกอบการใด

    มั่งมีดีจนเข็ญใจ ประสงค์สิ่งไร
    จำมาให้แจ้งใจเรา ฯฯ



    ปางนั้นปวงพราหมณ์งามเชาวน์ รับสั่งโฉมเฉลา
    ก็ลาและรีบจรจรัล

    บุกชัฎลัดป่าอารัญ ทุกเทศเฃตขัณฑ์
    นิคมนครดอนฉวาง

    พบคนพราหมณ์ขับกลอนพลาง ดังซึ่งพระนาง
    ธสอนให้ขับจับใจ

    ห่อนพลพระนลพลไกร ใครฟังห่อนใคร
    จะรู้ระหัสชัดดี ฯฯ



    จบสรรคที่ ๑๗  ในนิทานเรื่องพระนล
    ************************************

    อธิบายคำในสรรคที่ ๑๗

    มารศรี ศัพย์นี้จะแปลว่านางเปนสิริแห่งกามเทพ  หรือสิริแห่งความรักจะได้กระมัง
    เพราะ มาร เปนชื่อกามเทพ  แลแปลว่าความรักก็ได้

    ************************************
    ตัวสะกดการันต์ตาม  พระนลคำฉันท์  พระนิพนธ์ของ พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ
    พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางเสนางควิจารณ์ (ใหญ่ อุทยานานนท์) ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส ๒๙ ธันวาคม ๒๔๙๘

    แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 48 23:42:56

    จากคุณ : SONG982 - [ 3 ส.ค. 48 19:18:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป