ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง(๒๗)
สู้...!
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ หลังจากที่ขุนแผนกับนางวันทอง หนีพ้นเงื้อมมือของขุนช้างและพรรคพวกไปอาศัยอยู่ที่ บ้านละว้า แล้ว
นายขุนช้างก็รีบเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา เพื่อทูลฟ้องใส่ความขุนแผนต่อสมเด็จพระพันวษาให้ทรงทราบทันที
เดิมทีข้าพเจ้ากับวันทอง
หลับอยู่ในห้องเมื่อยามสาม
ผู้ร้ายสะกดโกนหัวเลือดไหลทราม
เอามินหม้อเขียนปามจนตัวลาย
ม่านงามงามสามชั้นหั่นลงกอง
ข้าวของเงินตราก็สูญหาย
รอยสายสิญจน์วงเรือนไว้รอบราย
บัตรพลีมากมายศาลเพียงตา
วันทองภรรยาก็หายไป
ข้าพเจ้าบ่าวไพร่ออกตามหา
ไปพบขุนแผนกับอาชา
พาวันทองภรรยาอยู่ร่มไทร
ขุนแผนคุมโจรไว้หลายร้อย
ซุ่มคอยกระโจมโถมไล่
ฟันพวกไพร่ตายกระจายไป
จับได้ข้าพเจ้าเอาตัวตี
เฆี่ยนด้วยหนามหวายลายจนคอ
แล้วพูดจาท้าต่อไปอึงมี่
ว่าฆ่าเสียลับไปไม่สู้ดี
ถ้าปล่อยไปกรุงศรีจะยืดยาว
มาตรแม้นพระองค์เสด็จไป
จะชนช้างชิงชัยให้ลือฉาว
ชิงเอากรุงไกรได้เป็นจ้าว
ว่ากล่าวหยาบช้าสามานย์
มันปลูกตำหนักป่าพลับพลาแรม
ค่ายป้อมล้อมแหลมเป็นหน้าฉาน
ตั้งที่ลงบังคน ชอบกลการ
นานไปจะเกิดกลีเมือง ฯ
น่าดูไหมขอรับ พ่อแม่พี่น้อง อย่างนี้เขาเรียกว่า ความสลึง เล่าบาท นะขอรับ
แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง ในคำใส่ความของขุนช้างนะขอรับที่ว่าเป็นกบฎ ตั้งค่าย ท้ารบ หรืออะไรนั่นก็ยังพอสมเหตุสมผลที่ยกมาอ้าง โดยหวังจะให้สมเด็จพระพันวษาทรงพระพิโรธ
แต่ที่อ้างว่าขุนแผน ตั้งที่ลงบังคน หรือ สร้างส้วมโดย พลการนี่สิขอรับ คือในธรรมเนียมสมัยโบราณนั้น มันผู้ใด สร้างห้องส้วม เทียมเจ้าเทียมนาย ให้ถือว่าเป็นกบฎเชียวหรือ
ก็นับว่าเป็นธรรมเนียมที่น่าแปลกดีนะขอรับ
แต่สมเด็จพระพันวษาก็มิได้ทรงเชื่อถือในถ้อยคำของขุนช้างเสียทั้งหมดหรอกขอรับ
ครานั้นสมเด็จพระพันวษา
ทรงตรึกตรานึกความไปตามเรื่อง
เหม่เหม่อ้ายขุนแผนทำแค้นเคือง
แต่ยักเยื้องอยู่กระไรอ้ายขุนช้าง
เท็จจริงอย่างไรมิได้เห็น
จะเป็นเหมือนมันว่าก็ผิดอย่าง
เกิดรบพุ่งกันที่กลางทาง
จริงบ้างเท็จบ้างกูคิดดู
อ้ายขุนแผนพาเมียไปจากข้าง
อ้ายขุนช้างตามไปมันต่อสู้
อ้ายขุนแผนกล้าดีมีความรู้
อ้ายขุนช้างเหมือนปูจึงย่อยยับ
ต่อจะวิ่งกระเจิงเข้าเซิงหวาย
ใส่ร้ายเอาว่ามันเฆี่ยนขับ
ฟังความข้างเดียวเห็นเลี้ยวลับ
จึงตรัสกับจมื่นศรีจมื่นไวย ฯ
ตรัสแล้ว ก็ทรงโปรดให้ จมื่นศรีเสาวรักษ์ราช และ จมื่นไวยวรนาถ เกณฑ์คนไปถึงห้าพันคน มี ขุนเพชรอินทรา และ ขุนรามอินทรา
(ไม่ใช่แถววัดลาดปลาเค้านะขอรับ) เป็นปีกซ้ายขวา ไปดูให้รู้แจ้ง
และบอกมันให้รู้ด้วยว่า กูให้มันกลับเข้ามาดี ๆ ดีกว่า แล้วจะตัดสินชำระความให้
ทั้งสองจมื่นก็รับพระราชโองการ
กองทัพห้าพันสำหรับจับกบฎที่มีคนสองคนกับม้าหนึ่งตัว ก็ไชโยโห่ฮิ้ว เคลื่อนพลออกจากกรุงศรีอยุธยามาจนถึง สามโก้ ท่าโพธิ์ และ ท่าต้นไทร ที่ขุนแผนเคยปะทะกับทัพละว้าของขุนช้างก็เห็นร่องรอยและศพไพร่พลของขุนช้างเกลื่อนทุ่งไปหมด
แต่พอเห็นรอยม้าเข้าดงไปท่านจมื่นศรีก็ให้ยกทัพตามไปจนถึง จระเข้สามพัน ตานี้ผีพรายของขุนแผนเห็นกองทัพมามากมายก็รีบเข้าไปบอกให้นายรู้
แม่วันทองก็กลัวอีกตามเคย ส่วนขุนแผนนั้นมิได้หวาดกลัวเลยจะกลับขำเสียด้วยซ้ำไป ที่เห็นกองทัพแห่กันมาจับตนคนเดียวมืดฟ้ามัวดินขนาดนั้น
กลับสาธยายมนตร์ นะจังงัง แล้วขึ้นม้าพาวันทองออกกรายเล่นราวกับเป็นประธานในพิธีตรวจพลสวนสนามฉะนั้น
รับนางขึ้นนั่งบนหลังม้า
ขับสี่หมอกออกมาจากไพรสณฑ์
แกล้งชักม้าผ่านหน้าบรรดาพล
สองคนขี่ม้าสง่างาม
ภูตพรายรายล้อมมาพร้อมหน้า
อ่านคาถาเป่าไปให้คนขาม
สีหมอกเดินออกด้านขุนราม
เป่าจังงังให้คร้ามขยาดฤทธิ์
พลปืนพลหอกออกเกลื่อนกลาด
ยืนนิ่งพิงพาดเป็นอกนิษฐ์
ครั้นออกมานอกที่ล้อมชิด
ขุนแผนสะกิดให้นางดู
โน่นแน่ะผัวนางอยู่ช้างกูบ
อวดรูปงามเกลี้ยงจนเพียงหู
ศรพระยาขี่คอรำขอชู
ช่างกรูกันมาตามทั้งสามล้าน ฯ
ตกลงว่า ห้าพันคน แต่ สามล้าน นะขอรับ และก็นับว่าพ่อขุนแผนเรานี้แน่จริง ๆ นะ ขอรับ และถ้าเป็นหลักจิตวิทยาในสมัยใหม่นี้ ก็คงต้องเรียกว่าสะกดจิตฝูงชน นั่นแหละขอรับ
เพราะในระหว่างที่กรายม้าอยู่นั้นทุกคนในกองทัพพากันนิ่งสงบเป็น อกนิษฐ์ หรือพรหมลูกฟัก ที่อยู่นิ่ง ๆ กันหมดเลย
จากนั้นก็ซ่อนแม่วันทองไว้ในป่าอีกครั้งหนึ่ง จัดการเสกหุ่นพยนต์ซุ่มไว้ แล้วตัวเองก็ออกมายืนม้าอยู่หน้ากองทัพอย่างอาจหาญ
บัดนั้น ท่านจมื่นศรีเห็นขุนแผนออกมาแสดงตนดังนั้น ก็แจ้งข้อหาตามที่ขุนช้างกล่าวหา แล้วประกาศพระราชโองการให้ขุนแผนทราบดังนี้ขอรับ
บัดนี้พระองค์ผู้ทรงเดช
ทราบเหตุทรงนึกอางขนาง
ข้อที่ทำทุจริตผิดท่าทาง
ยังคลางแคลงพระทัยจึงใช้เรา
ให้มาสืบดูที่อยู่ก่อน
ถ้าเห็นแท้แน่นอนให้จับเจ้า
ถ้าไม่ต้องฟ้องหาก็ทำเนา
ให้รับเจ้ากับตัววันทองไป
เกี่ยวข้องหมองกันด้วยสัตรี
จะปรึกษาคดีตัดสินให้
ซึ่งฆ่าคนขุนช้างเสียกลางไพร
ก็โปรดให้ไม่เอาซึ่งโทษทัณฑ์
คำขุนช้างทูลกับเราดู
ไม่เห็นสิ่งไรอยู่เป็นแม่นมั่น
เจ้าอย่ากลัวภัยไปด้วยกัน
วันทองอยู่ไหนไปเอามา ฯ
ขุนแผนก็บอกว่า คุณพระนายขอรับ เรื่องของกระผมมันเป็นแค่เรื่องส่วนตัว เมียกระผมถูกอ้ายขุนช้างมันมายื้อยุดไป กระผมก็ไปเอาคืนมา แต่อ้ายขุนช้างมันก็ไม่ยอม มันยกผู้คนตั้งห้าร้อยมารายล้อมจับ
กระผมก็ต้องป้องกันตัวไปตามเพรง พวกมันสู้กระผมไม่ได้เอง ก็แตกพ่ายไป แล้วยังไปโกหกโกไหว้เพ็ดทูลฟ้องพระเจ้าอยู่หัว
กระผมว่าเอายังงี้ก็แล้วกันขอรับ..เชิญคุณพระนายกลับไปก่อน แล้วกระผมจะตามไปมอบตัวทีหลัง ยังไงคุณพระนายก็ช่วยกรุณากราบบังคมทูลล่วงหน้าให้กระผมด้วยก็แล้วกันขอรับ
แต่ท่านจมื่นศรีก็ไม่ยอม บอกว่าทำอย่างไรได้เล่าขุนแผนเอ๋ย ก็ท่านมีพระราชโองการให้แกไปพร้อมกับฉัน
ขุนแผนก็บอกว่า ถ้างั้นก็เสียใจด้วยนะขอรับ กระผมสู้ตายละ
พระหมื่นศรีหมื่นไวยครั้นได้ฟัง
โกรธสั่งรี้พลสิ้นทั้งหลาย
เหวยกองทัพจับเป็นอย่าให้ตาย
ไพร่นายปืนหอกออกประดา
ให้ยิงปืนตับสำทับโห่
ขุนแผนโผล่ตีฆ้องร้องเอาหวา
หอกดาบวาบแวบแปลบปลาบตา
ขุนแผนแสนกล้าก็อ่านมนตร์
เสกซ้ำตวาดอำนาจครุฑ
คนหยุดยืนแข็งแสยงขน
ชักสีหมอกไว้ไม่ประจญ
กูทำก่อนจะเป็นคนทรยศ ฯ
นี่แหละครับก็คือ สปิริต หรือ อนุสติที่แท้จริงของข้าทหารที่ยังมีความจงรักภักดีเป็นล้นพ้นต่อพระเจ้าอยู่หัวและน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
แต่ขุนเพชรขุนรามปีกซ้ายขวาสิขอรับ กลับอยากดีอยากเด่น จึงไสช้างออกมาข้างหน้าทหารทั้งปวง แล้วด่าประจานลำเลิกขุนแผนเสียมากมาย
สาหัสขัดขืนพระโองการ
เอิบเอื้อมจะผ่านไอศวรรย์
เชื่อว่าตัวดีมีฤทธิ์ครัน
ถึงจะได้ขอบขัณฑเสมา
ใครเลยเฮ้ยเขาจะไหว้มืง
เขารู้ถึงว่าไม่สมวาสนา
กูรู้จักพ่อแม่แต่ไรมา
พ่อเอ็งชื่อว่าอ้ายขุนไกร
แม่เอ็งอีเฒ่าทองประศรี
ปีนั้นไปล้อมกระบือใหญ่
พระทรงภพฆ่าฟันให้บรรลัย
ตัดหัวเสียบไว้ที่กลางดอน
ริบสิ้นทั้งโคตรญาติกา
ตัวเอ็งแม่พาไปเร้นซ่อน
ซอนซอกออกจากพระนคร
ย้อนไปอยู่บ้านกาญจน์บุรี
เอ็งอยู่กับอีเฒ่าเขาชนไก่
บวชที่วัดส้มใหญ่ไอ้ขี้หนี
ได้ดีมิทันจะถึงปี
หลบหนีมาคิดขบถได้ ฯ
ขุนแผนพอได้ยินกล่าวถึงบิดามารดาเสีย ๆ หาย ๆ เช่นนั้น ก็ฉุนขาด
(เป็นใครโดนเข้าอย่างนี้ก็ต้องโมโหแหละขอรับ)
จึงขับหุ่นพยนต์เข้าต่อสู้ด้วยฤทธิ์มนตร์
ว่าพลางทางร่ายพระคาถา
เรียกหุ่นหนุนมาเป็นหมู่หมู่
ออกจากดงรังสะพรั่งพรู
โห่ร้องก้องกู่เป็นโกลา
ขุนแผนขับม้าเข้าถาโถม
จู่โจมห้ำหั่นฟันทัพหน้า
พวกหุ่นวิ่งกลมดังลมพา
แซงสองข้างม้ามาทันใด
ฤทธิ์มนตร์บนฟ้าเวหาพยับ
มืดกลุ้มคลุ้มคลับสะท้านไหว
แผ่นดินดังจะคว่ำคะมำไป
เพราะพระมนตร์ดลให้บันดาลเป็น ฯ
จนกระทั่ง...
...จนสิ้นสุดอาวุธแลศาสตรา
พวกอาสาย่นแยกแหลกกระจุย...
และแล้วก็ถึงฆาตของสองขุนปากพล่อยละขอรับ
ขุนรามแทงกรอกด้วยหอกใหญ่
ถูกไหล่ไม่ถนัดสะบัดหัน
ขุนแผนถาโถมเข้าโรมรัน
ฟันขุนรามตกช้างลงกลางดิน
โดดจากหลังม้าฟาดบ่าฉับ
ล้มพับฟันว้ำคะมำดิ้น
ขุนรามสิ้นใจเลือดไหลริน
สิ้นคนหนึ่งแล้วอ้ายตัวการ
ขุนเพชรอินทราเข้ามาช่วย
ชักหอกกรอกกรวยเข้าต่อต้าน
แทงอกขุนแผนแสนสะท้าน
อยู่ยงคงปานกับเหล็กเพชร
ขุนแผนโผนขึ้นช้างง้างคอฟัน
ฉะฉาดขาดสะบั้นดังมือเด็ด
ดาบล้วนเลือดฝาดเหมือนชาดเช็ด
กลับขึ้นม้าระเห็จมากลางทัพ ฯ
ซึ่งก็สมควรอยู่หรอกครับ ที่อยากปากเสีย ไปขุดโคตรเหง้าศักราชเขามาด่าเสียป่นปี้หมด นะขอรับ
แล้วกองทัพหลวงของกรุงศรีอยุธยา ก็แตกพ่ายไปตามที่พวกเราคาดคิดกันไว้ไม่มีผิด
จากคุณ :
พจนารถ๓๒๒
- [
4 ส.ค. 48 06:49:08
]